เสียสถิติ!สิงโตพลาดท่าพ่ายตราไก่คาถิ่น 2-1

เสียสถิติ!สิงโตพลาดท่าพ่ายตราไก่คาถิ่น 2-1

สิงโตคำราม อังกฤษเสียสถิติพ่ายแพ้ในถิ่นเวมบลีย์เป็นครั้งแรกภายใต้การคุมทีมของฟาบิโอ คาเปลโล่ หลังถูกทางฝรั่งเศสที่วันนี้ต่อบอลกันได้เนียนตาบุกมาเอาชนะได้ 2-1 แถมสตีเว่น เจอร์ราร์ดยังได้รับบาดเจ็บอีกด้วย

อุ่นเครื่อง

วันพุธที่ 17 ตุลาคม 2553


อังกฤษ 1 : 2 ฝรั่งเศส

ประตู :
0-1 คาริม เบนเซม่า น.16,0-2 มาติเยอร์ วัลบูเอน่า น.55,1-2 ปีเตอร์ เคร้าซ์ น.86

สิงโตคำราม อังกฤษเปิดสนามเวมบลีย์ สเตเดี๊ยมต้อนรับการมาเยือนของฝรั่งเศสที่จะโ่ม่แข้งอุ่นเ้ครื่องกัน ถือว่าเป็นช่วงเบรคก่อนที่นักเตะของทั้งสองทีมจะกลับไปรับใช้ต้นสังกัดต่อ

ครึ่งแรก

มาดูล้ายิงเลียดสวย
นาทีที่ 8 หลังจากถูกทางทีมชาติอังกฤษทำเกมบุกใส่อยู่คำรบหนึ่งช่วงต้นเกม แต่พอเริ่มเซ็ตบอลกันได้ฝรั่งเศสก็เริ่มจะไหลลื่นมากขึ้น และมีโอกาสได้ส่องเน้นๆจากฟลอร็องต์ มาลูด้าที่กดเน้นๆนอกกรอบเขตโทษ บอลพุ่งเลียดเหมือนจะเสียบเสาสอง แต่ก็ติดเซฟที่เบน ฟอสเตอร์ที่ล้มตัวตะปบเอาไว้ แม้จะหลุดมือไปในจังหวะแรก แต่ก็ตามไปคว้าได้ไม่มีปัญหา

บิ๊กเบนต้องเซฟอีก
นาทีที่ 12 ฝรั่งเศสทำเกมบุกกดดันใส่ทางเจ้าบ้านอย่างต่อเนื่องไม่ให้หายใจหายคอกันเลยก็ได้ลุ้นจังหวะหว่ะที่กองหลังของอังกฤษเคลียร์ไม่ขาด บอลไปเข้าทางของโยฮันน์ กูร์คูฟฟ์ที่ได้กดเต็มขวา บอลตดไซร้นิดๆทำให้ฮุคลงเร็ว เกือบจะลอดตัวเบน ฟอสเตอร์เข้าไป แต่นายทวารเบอร์มิงแฮมก็ยังไว เอี้ยวตัวลงปัดทิ้งไปได้ทัน

โดนจนได้!เบนซ์อัดเสียบเสา
นาทีที่ 16 จนแล้วจนรอดอังกฤษก็ต้องมาเสียประตูแรกไปก่อนจนได้ จากจังหวะที่ฝรั่งเศสทำเกมขึ้นมากดดันอยู่หน้าเขตโทษ ก่อนที่คาริม เบนเซม่าจะทำชิ่งกับฟลอร็องต์ มาลูด้าหลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษ แล้วจัดการยิงด้วยซ้ายทันที ก่อนที่ริโอ เฟอร์ดินานด์จะเข้ามาสกัดได้ทัน บอลพุ่งเข้าไปเสียบเสาแรก แม้ว่าเบน ฟอสเตอร์จะยืนปิดเสาอยู่แต่ด้วยลูกยิงที่แรง และดูเหมือนว่าฟอสเตอร์ยังเหม่อไปนิด ทำให้บอลพุ่งผ่านเข้าไป ฝรั่งเศสขึ้นนำไปแล้ว 1-0

สิงโตต่อกันไม่ติด
นอกจากช่วงราว 5 นาทีแรกแล้วนั้น เกมของทีมชาติอังกฤษก็เรียกได้เลยว่าแทบจะประสานงานต่อบอลกันไม่ได้เลย โดยเฉพาะในแดนกลางที่ปั้นเกม ครองเกมกันไม่ได้ ถูกทางฝรั่งเศสต่อบอลกันสนุกสนานฝั่งเดียว จนเริ่มจะมีเสียงโห่จากแฟนบอลเล็กๆ ประมาณว่าทำไมเกมถึงไม่เดินสักที

ด้านแดนดรี้ แคร์โรลล์ที่วันนี้ติดทีมชาติเป็นนัดแรกก็โดดเดี่ยวเดียวดายอยู่ในแดนหน้าเพียงลำพัง ยังแทบจะำทำอะไรไม่ได้เลย

ติดสูตร!แคร์โรลล์ชง-ขิงยิงแต่ข้ามคาน
นาทีที่ 29 หลังจากเริ่มจะโขกเช็ดให้เพื่อนได้ทีสองที แอนดรี้ แคร์โรลล์ก็เกือบจะช่วยให้ทีมทำประตูตีเสมอได้ จากจังหวะฟรีคิกกลางสนามที่โยนไปหน้ากรอบเขตโทษของฝรั่งเศส แล้วแคร์โรลล์เทคตัวขึ้นได้เหนือกว่ากองหลัง โขกชงเข้ากลางให้สตีเว่น เจอร์ราร์ดวิ่งเข้ามาเอี้ยวตัวยิงจังหวะแรกเลย แต่กดบอลไม่ลงเหินข้ามคานออกไป

เกมยังเป็นของตราไก่มากกว่า
เข้าช่วง 10 นาทีสุดท้ายของครึ่งแรก เกมแม้จะดูเริ่มไม่ต่างกันมากแล้ว แต่ก็ยังเป็นทางฝรั่งเศสที่ดูจะครองบอลได้มากกว่า และที่แน่ๆคือทำเกมกันได้ไหลลื่นกว่าทางอังกฤษ ที่วันนี้ทั้งกลาง และปีกแผลงฤทธิ์กันไม่ออก

สิงโตเน้นขึ้นทางขวา
นาทีที่ 40 เริ่มสังเกตเห็นได้มากขึ้นว่าอังกฤษเริ่มที่จะลำเลียงบอลขึ้นทางด้านขวาซะส่วนมาก แต่ก็มีเพียงจังหวะสองจังหวะเท่านั้นที่พาบอลไปถึงเส้นหลังแล้วเปิดได้ ที่เหลือก็ติดบล็อกของทางอีริค อบิดัล และเพื่อนที่มาช่วยกันซะหมด

ส่วนทางฝรั่งเศสนั้นบอลโดยมากจะขึ้นจากทางซ้าย แล้วค่อน ๆ เคาะขยายพื้นที่กันออกไป โดยการหมุนเวียนนักเตะในแต่ล่ะตำแหน่งได้เป็นอย่างดี เพียงแต่โอกาสยิงยังไม่ได้มีเพิ่ม

จบ 45 นาทีแรกอังกฤษเจ้าบ้านตามหลังฝรั่งเศสอยู่ 1-0 แบบรูปเกมไม่ค่อยดีนัก ทำให้มีเสียงโห่เบาๆจากแฟนบอลในเวมบลีย์ออกมาให้รู้ว่าไม่พอใจ

ในครึ่งแรกสำหรับทางอังกฤษคงต้องบอกเลยว่าแอนดรี้ แคร์โรลล์เล่นได้คุ้มค่ากับโอกาสที่ได้มา เพราะช่วยตั้นกองหลังของฝรั่งเศสเบียดแย่งพยายามโหม่งบอลต่อให้กับเพื่อน และยังสามารถพาบอลไปเองได้ด้วย เพียงแต่จังหวะที่บอลมาถึงค่อนข้างน้อย เนื่องจากแดนกลางอังกฤษวันนี้สู้ทีมเยือนไม่ได้

ส่วนฝรั่งเศสเรียกได้เลยว่าเล่นดีกันแทบทุกคน ถ้าเบนเซม่าจะเด่นกว่าเพื่อนก็ตรงที่การทำประตูนั่นเอง

ครึ่งหลัง

อังกฤษเปลี่ยนเอาริโอ เฟอร์ดินานด์, แกเร็ธ แบร์รี่ และธีโอ วัลค็อตต์ออก จัดการส่งแอชลี่ย์ ยัง, ไมกาห์ ริชาร์ด และอดัม จอห์นสันลงไปเล่นแทน

ในขณะที่ฝรั่งเศสเปลี่ยนเอาฟิลิปป์ เม็กเซสที่มีอาการบาดเจ็บออกไป และส่งมามาดู ซาโก้ลงเล่นแทน

สิงโตพัง!ตราไก่ได้เม็ดสอง
นาทีที่ 55 อังกฤษที่ดูเหมือนทำท่าจะดูดีขึ้นในช่วงครึ่งหลัง เหมือนจะต่อเกมกันได้ดีกว่าในครึ่งแรก ก็มาโดนทำประตูนำห่างไปจนได้ จากการเล่นเพียงแค่ไม่กี่จังหวะของฝรั่งเศสที่ต่อบอลให้บาการี่ ซานญ่าวิ่งควบขึ้นไปทางริมเส้นฝั่งขวาก่อนที่จะเปิดบอลเข้ากรอบเขตโทษในระดับลำตัว จังหวะแรกซาเมียร์ นาสรี่พยายามยกขาวอลเล่ย์แต่ไม่ถึง แต่นั่นก็กลายเป็นดีที่บอลหลุดไปถึงมาติเยอร์ วัลบูเอน่าที่พุ่งเข้ามาปาดบอลเข้าไปเสียบเสาสอง สุดปัญหาที่เบน ฟอสเตอร์จะทำอะไรได้ ฝรั่งเศสทิ้ง 2-0

ขิงโหม่งเช็ดคาน
นาทีที่ 62 สตีเว่น เจอร์ราร์ดเกือบต้องรับบทอะไรก็กูกับทีมชาติอีกครั้งเสียแล้ว จากจังหวะฟรีคิกของอังกฤษที่โยนบอลเลยไปทางเสาสอง เป็นเจอร์ราร์ดวิ่งหลุดขึ้นมาคนเดียวได้โอกาสโหม่งโล่งๆ แต่เนื่องจากบอลมันกำลังจะสุดเส้นหลังแล้ว ทำให้ลูกโหม่งของกัปตันลิเวอร์พูลลอยไปเช็ดคานบนหลุดออกหลังไป

ตราไก่ถอดคนทำประตูออก
นาทีที่ 67 ฝรั่งเศสเปลี่ยนเอาคนที่ทำประตูได้ในเกมนี้ทั้งสองคนออก และส่งทางลออิค เรมี่ และอาลู ดิยาร์ร่าลงสนามแทน

แคร์โรลล์ออก-โบธธ็อยด์เข้า
นาทีที่ 72 อังกฤษทำการปรับเกมด้วยการเปลี่ยนเอาแอนดรี้ แคร์โรลล์ที่วันนี้ถือว่าสอบผ่านสำหรับเกมนัดแรกกับทีมชาติ และส่งเจย์ โบธธ็อยด์ลงประเดิมสนาม

นอกจากนั้นยังเปลี่ยนเอาคีแรน กิ๊บส์ออก และส่งสตีเฟ่น วอร์น็อคลงเล่นในตำแหน่งแบ็คซ้ายแทน

สิงโตหงึกๆงักๆ
ช่วง 20 นาทีสุดท้ายนั้นทีมชาติอังกฤษดูเหมือนจะกระเตื้องขึ้นมาในจังหวะที่เซ็ตเกมบุกจากกลางขึ้นไปหน้าประตูของฝรั่งเศส แต่ปัญหาคือพอไปถึงจุดนั้นแล้วกลับต่อบอลกันไม่ติด เหมือนจะไม่เข้าใจ และประสานงานไม่ลงตัวเท่าที่ควร ทำให้ไม่ได้ลุ้นยิงประตูสักที

จะไ้ด้ลุ้นหน่อยก็จังหวะลูกตั้งเตะที่เหมือนจะมีลุ้นได้ส่งบอลเฉี่ยวผ่านหน้าประตูของฝรั่งเศสไปมา แต่ฮูโก้ ญอริสยังไม่ได้ออกแรงเซฟจังๆ

ขิงซ้ำหลุดออกหลัง
นาทัที่ 80 ฝรั่งเศสเกือบจะโดนตีไข่แตก จากจังหวะที่ฮูโก้ ญอริสออกไปตัดบอลที่อดัม จอห์นสันเปิดเลียดเข้ามาพลาด ทำให้บอลไหลไปเข้าทางของสตีเว่น เจอร์ราร์ดที่วิ่งเข้ามาซัด แต่ด้วยตัวบล็อกยืนเต็มหน้าประตู ทำให้บอลพุ่งเบี่ยงหลุดกรอบออกไปอย่างน่าเสียดาย

นาสรี่อัดเต็มเสา
อีก 3 นาทีต่อมา ฝรั่งเศสเกือบทิ้งห่างไปอีกเม็ด จากจังหวะที่ซาเมียร์ นาสรี่ได้บอลจากราบขวาเลี้ยงจี้เข้าใส่สตีเฟ่น วอร์น็อคก่อนที่จะแตะเข้าเขวาแล้วอัดเต็มแรงทันที บอลพุ่งเร็วปี๊ดผ่านมือของเบน ฟอสเตอร์ไปแล้ว แต่ชนเสาแรกจังเบอร์เด้งออกหลังไป

หงส์เสียว!ขิงเจ็บ
นาทีที่ 84 ลิเวอร์พูลเสียวซี๊ดถึงหัวใจ เมื่อเห็นภาพของสตีเว่น เจอร์ราร์ดกัปตันทีมคนเก่งสไลด์แย่งบอลแล้วเอนตัวลงไปนั่ง ก่อนที่จะกุมไปที่ต้นขา และในที่สุดก็ไม่ไหวต้องกระเผลกออกจากสนาม และเปลี่ยนเอาปีเตอร์ เคร้าซ์ลงมาเล่นแทน

เคร้าซ์ทำได้!ลงปุ๊บยิงเลย
ลงสนามมาเพียงแค่ 2 นาที ปีเตอร์ เคร้าซ์ก็แผลงฤทธิ์ทันทีทันใด จากจังหวะเตะมุมที่บอลโยนยาวเลยไปเสาสอง เป็นเคร้าซ์ที่ยืนตระง่านสูงยาวเข่าดีกว่าใคร ยื่นขายาวๆไปแปะบอลสวนเข้าไปตุงตาข่าย อังกฤษตีไข่แตกไล่มาเป็น 2-1

ตราไก่ชักจะเป๋
หลังโดนประตูตีไข่แตกไป ตอนนี้ฝรั่งเศสเหมือนจะเสียอาการ โดยทางอังกฤษบุกเข้ากดดันอย่างหนักหน่วงในช่วงทดเวลาที่มีถึง 5 นาที แต่ก็ยังช่วยกันป้องกันเอาไว้ได้

จบ 90 นาที อังกฤษแพ้ให้กับฝรั่งเศสคาถิ่นของตัวเองไป 1-2

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

อังกฤษ :
เบน ฟอสเตอร์,ฟีล จาเกียลก้า,ริโอ เฟอร์ดินานด์(ไมกาห์ น.45),คีแรน กิ๊บส์(วอร์น็อค น.72),โจเลี่ยน เลสค็อตต์,จอร์แดน เฮนเดอร์สัน,แกเร็ธ แบร์รี่(จอห์นสัน น.45),สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด(เคร้าซ์ น.85),เจมส์ มิลเนอร์,ธีโอ วัลค็อตต์(ยัง น.45),แดนดรี้ แคร์โรลล์(โบธธ็อยด์ น.72)

ฝรั่งเศส : ฮูโก้ ญอริส,ฟิลิปป์ เม็กเซส(ซาโก้ น.45),อดิล รามี่,อีริค อบิดัล,บาการี่ ซานญ่า(เรเวเลเญ่ น.87),ยา่นน์ เอ็ม’วีล่า,โยฮันน์ กูร์คูฟฟ์(ฮูราอู น.85),มาติเยอร์ วัลบูเอน่า(ดิยาร์ร่า น.68),ฟลอร็องต์ มาลูด้า(พาเยต์ น.77),คาริม เบนเซม่า(เรมี่ น.67),ซาเมียร์ นาสรี่























_________________
ขอบคุณเนื้อห่ข่าวข่าวคุณภาพจากwww.lentee.com







เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์