เปิดตำนานเอเชียนเกมส์


มหกรรมกีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 16 ที่กำลังจะเกิดขึ้นที่ดินแดนแห่งอารยธรรมที่เก่าแก่ของทวีปเอเชีย ณ สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 12-27 พฤศจิกายน 2553 นี้ ทัพนักกีฬาทุกชนิดกีฬา ต่างเตรียมความพร้อม เพื่อจะลุยเกมส์แห่งศักดิ์ศรี ในครั้งนี้

เรามาย้อนอดีตของเกมส์กีฬาของชาวเอเชีย ซึ่งเป็นมหกรรมแห่งกีฬา ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ของคนเอเชียภาคภูมิใจ ที่บรรดานักกีฬาหลายประเทศ ต่างหวังคว้าเหรียญเอเชียนเกมส์ นั้นเคยเกิดขึ้นในอดีตที่ผ่านมา 

ในปี ค.ศ.1913 ได้มีการจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกตะวันออกไกล ครั้งที่ 1 (FIRST ORIENTEL OLYMPICS) ขึ้นที่ กรุงมะลิลา ประเทศฟิลิปินส์ ในปี ค.ศ.1913 โดยมีประเทศที่เข้าร่วมคือ ฟิลิปินส์ จีน ไทเป ญี่ปุ่น มาเลเชีย ฮ่องกง และ ประเทศไทย 

หลังจากนั้น การแข่งขันครั้งที่ 2 ก็ได้เปลี่ยนแปลงชื่อเป็น การแข่งขันกีฬาเพื่อความชนะเลิศแห่งตะวันออกไกล (FAR EAST CHAMPIONSHIPS) การแข่งขันก็ได้ดำเนินมาเรื่อยๆ จนถึงครั้งที่ 10 ในปี ค.ศ.1938 ครั้งที่ 11 เดิมก็ได้จัดขึ้น ที่ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น แต่เนื่องจากสถานการณ์ของโลก ไม่อำนวยที่จะจัดการแข่งขันได้ เนื่องจากเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 

และภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง การแข่งขันกีฬาระหว่างประเทศ บนทวีปเอเชีย ก็ก่อกำเนิดขึ้นอีกครั้ง ภายใต้ชื่อว่า เอเชียนเกมส์ ผู้ที่ริเริ่มมหกรรมกีฬาเอเชียนเกมส์ คือ ดร.กูรู ดัตต์ สนธิ (Dr. Guru Dutt Sondhi) โดยในขณะนั้นท่าน ดร.กูรู ดัตต์ สนธิ ดำรงตำแหน่ง กรรมการคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งอินเดีย ซึ่งเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญ ในการเป็นผู้ผลักดันกีฬาแห่งเอเชีย 
ความคิดดังกล่าวเกิดขึ้นในปี พ.ศ.2490 โดยเห็นว่า การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกทุกครั้ง ที่ผ่านมา ประเทศแถบทวีปเอเชีย ได้เข้าร่วมการแข่งขันน้อยมาก และนักกีฬาชาวเอเชีย มีความเสียเปรียบนักกีฬาจากทวีปยุโรป และอเมริกา จึงคิดยกระดับมาตรฐานกีฬาระหว่างประเทศ ในกลุ่มเอเชีย ให้ทัดเทียมกับกลุ่มประเทศในทวีปยุโรปและทวีปอเมริกา โดยเฉพาะประการสำคัญที่สุด คือ สานสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศในภาคพื้นเอเชีย เนื่องจากในช่วงเวลานั้น ประเทศในกลุ่มเอเชียหลายประเทศ มีความแตกต่างกันในทางเศรษฐกิจและความคิดเห็นทางการเมือง

ดร.กูรู ดัตต์ สนธิ จึงจึงนำความคิดที่จะพัฒนามาตรฐานการกีฬาของภูมิภาคเอเชีย ดังกล่าว ไปหารือกับคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งอินเดีย เพื่อให้คณะกรรมการ กล่าวทาบทามประเทศต่างๆ ที่เดินทางร่วมประชุม เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเอเชีย ที่ประเทศอินเดีย ให้ร่วมกันจัดการแข่งขันกีฬาระหว่างประเทศขึ้นบนแผ่นดินเอเชีย ซึ่งความคิดนี้ ได้รับความสนันสนุนจาก ฯพณฯเยาวหราล เนห์รู นายกรัฐมนตรีอินเดีย ในสมัยนั้น

ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกครั้งที่ 14 กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ระหว่างวันที่ 29 กรกฎาคม-14 สิงหาคม 2491 ในปีนั้น มีประเทศแถบภาคพื้นเอเชีย ไปเข้าร่วมการแข่งขัน อาทิ เช่น เกาหลี จีน ซีเรีย ปากีสถาน พม่า ฟิลิปินส์ สิงคโปร์ อินเดีย ศรีลังกา อัฟกานิสถานเลบานอน และ อิหร่าน ดร.สนธิ จึงได้โอกาสเชิญบรรดาหัวหน้าคณะนักกีฬา จากประเทศเอเชีย เข้ามาหารือในการจัดตั้งการแข่งขันกีฬาระหว่างภาคพื้นเอเชียขึ้น ซึ่งการประชุมร่วมกันในครั้งนี้ได้แรงสนันสนุนจากประเทศสมาชิกเป็นอย่างดี 

และในวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ.2491 ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ได้มีตัวแทนเข้าร่วมประชุม 6 ประเทศได้แก่ เกาหลี จีน พม่า ฟิลิปินส์ ศรีลังกา และอินเดีย ในการประชุมครั้งนี้ได้ขอสรุป คือให้ตัวแทนจากประเทศ เกาหลี จีน ฟิลิปินส์ และอินเดียไปร่างรัฐธรรมนูญหรือระเบียบข้อบังคับของการแข่งขันโดยใช้ชื่อ สหพันธ์กีฬาแห่งเอเชีย (Asian Games Federation)

ในการประชุมครั้งต่อมา จัดขึ้นที่ประเทศอินเดียในวันที่12-13 กุมภาพันธ์ 2492 มีคณะกรรมการโอลิมปิกประเทศ พม่า อินเดีย ฟิลิปินส์ และได้มี ผู้แทนจาก ไทย เนปาล ปากีสถาน ศรีลังกา อัฟกานิสถาน และอินโดนีเชีย ไปร่วมประชุมด้วย และข้อสรุปในที่ประชุมในครั้งนี้ได้ตกลงยอมรับ ธรรมนูญว่าการแข่งขันกีฬาระหว่างชาติแห่งเอเชีย จะต้องจัดขึ้นทุกๆ 4 ปี โดยเปลี่ยนการเป็นเจ้าภาพตามลำดับตัวอักษรของประเทศต่างๆ


สัญลักษณ์ เอเชียนเกมส์

สำหรับเครื่องหมายเอเชียนเกมส์ เป็นรูปพระอาทิตย์สีแดง มีรัศมีเป็นแฉกรอบดวง 16 แฉก อยู่บนพื้นธงสีขาวตอนบนดวงอาทิตย์มีอักษรภาษาอังกฤษ 2 แถว มีข้อความ เอเวอร์ ออน วอด์ด (EVER ONWARD) หมายความว่า ก้าวหน้าไปให้ไกลไม่มีที่สิ้นสุด ส่วนใต้ดวงอาทิตย์มีห่วงคล้องกัน 20 ห่วง หมายถึงประเทศในเอเชีย 20 ประเทศ มีความสามัคคีกลมเกลียวกัน ร่วมสนับสนุนการจัดการแข่งขัน ใต้ห่วงเป็นชื่อเมืองและปีคริสต์ศักราชที่จัดการแข่งขัน


คำขวัญของการแข่งขันเอเชียนเกมส์

"ในนามของผู้เข้าร่วมการแข่งขัน ข้าพเจ้าขอสัญญาว่า เราจะเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ครั้งนี้ ด้วยความเคารพกติกา 
ด้วยน้ำใจนักกีฬาอย่างแท้จริง เพื่อความรุ่งโรจน์ของกีฬา และเพื่อเกียรติยศของชุดของเรา" 


เครดิต :
เครดิต : ที่นี่ดอทคอม บันเทิงดารา


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์