สปอร์ต-ท็อปเทน : 10 เหตุการณ์กีฬาประทับใจที่ชาวไทยไม่มีวันลืม








src=http://sport.mthai.com/wp-content/uploads/2010/10/S4610755-44.jpg

10 เหตุการณ์กีฬาประทับใจที่ชาวไทยไม่มีวันลืม


Sport.mthai ขอนำเสนอเหตุการณ์ในแวดวงกีฬาไทยที่น่าประทับใจและอยู่ในความทรงจำของชาวไทยตลอดมา ใครมีเหตุการณ์อะไรที่น่าประทับใจนอกเหนือจาก 10 เหตุกาณ์นี้ ลองโพสต์เข้ามาร่วมพูดคุยกันได้นะครับ


อันดับ 10 : เหรียญเงินโอลิมปิกจากขาวผ่อง


src=http://sport.mthai.com/wp-content/uploads/2010/10/ขาวผ่อง1.bmp


โอลิมปิกครั้งที่ 23 ที่ลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2527 ทวี อัมพรมหา หรือ ขาวผ่อง สิทธิชูชัย นักมวยชาวไทย รุ่นไลต์เวลเตอร์เวท ได้เข้าชิงเหรียญทองโอลิมปิกเป็นคนแรกของชาติไทย แม้การชกนัดนั้นจะแพ้คะแนนต่อ เจอร์รี่ เพจ นักมวยชาวอเมริกันเจ้าถิ่นถึง 5-0  แต่ก็นับได้ว่าประชาชนชาวไทยที่ได้ดูการถ่ายทอดการแข่งขันในวันนั้นคงจะปลาบปลื้มที่ได้เห็นธงชาติไทยโบกสะบัดในเวทีโอลิมปิกอีกครั้ง


อันดับ 9 : เหรียญทองวิ่งผลัด 4 x 100 ม. เอเชี่ยนเกมส์


src=http://sport.mthai.com/wp-content/uploads/2010/10/4คูณ100.jpg


รายการวิ่งที่สนุกและตื่นเต้นบีบหัวใจที่สุดของคนไทยคงไม่พ้นวิ่งผลัด 4×100 ม.ชาย  ซึ่งในศึกปูซานเกมส์ไทยเราชนะญี่ปุ่นและจีนคู่แข่งสำคัญคว้าเหรียญทองได้สำเร็จ ในเอเชี่ยนเกมส์ครั้งต่อมาที่โดฮาเกมส์ ปี 2004 วิ่งรายการนี้จึงเป็นที่จับตามองของคนไทยทั้งประเทศ โดยทั้ง 4 นักกรีฑาประกอบไปด้วย เสกสรรค์ วงศ์ศาลา,วัชระ สอนดี,เอกชัย จันทะนะ และ สิทธิชัย สุวรประทีป ซึ่งการแข่งขันเป็นไปอย่างเร้าใจ ไทยและญี่ปุ่นเข้าเส้นชัยพร้อมๆกัน ด้วยเวลา 39.21 วินาที ต้องตัดสินด้วยภาพถ่าย ผลปรากฏว่าทีมไทยแตะเส้นชัยก่อน คว้าเหรียญทองมาครองได้สำเร็จ ญี่ปุ่นได้เพียงแค่เหรียญเงิน ส่วนเหรียญทองแดงเป็นของจีน


อันดับ 8 : ไทยเฉือน เกาหลีใต้ ฟุตบอลเอเชี่ยนเกมส์


src=http://sport.mthai.com/wp-content/uploads/2010/10/ไทย-เกาหลี1.jpg


เอเชี่ยนเกมส์ครั้งที่ 13 ในปี 2541 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ นัดก่อนรองชนะเลิศเป็นการพบกันระหว่างทีมชาติไทย และ เกาหลีใต้ โดยมีผู้เข้าชมเต็มความจุของสนามราชมังคลากีฬาสถาน(80,000 คน) และมีผู้ที่ชมผ่านทางโทรทัศน์อีกหลายสิบล้านคน เกมส์นัดนั้นเป็นทีมชาติไทยที่ขึ้นนำก่อนจากเกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ก่อนที่จะถูกเกาหลีใต้ตีเสมอเป็น 1-1 จากนั้นไทยเหลือผู้เล่นแค่ 9 คน แต่ก็ยังยันเสมอไว้ได้ 1-1 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ(โกลเด้นโกล) เป็นดุสิต เฉลิมแสน ที่เตะเปลี่ยนจุดให้ ธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูล ซัดด้วยขวาลูกพุ่งเสียบสามเหลี่ยมเข้าไปอย่างสวยงาม และนับเป็นอีกหนึ่งความสุขของชาวไทยแม้ว่าไทยจะไปแพ้ในรอบรองฯและนัดชิงที่ 3 ก็ตาม


อันดับ 7 : ลุ้นสุดๆกับเจ๊ไก่ “ปวีณา ทองสุก”


src=http://sport.mthai.com/wp-content/uploads/2010/10/ปวีณา.jpg


นับเป็นปีทองของกีฬายกน้ำหนักในโอลิมปิคเกมส์ที่กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซในปี 2004 ที่สามารถคว้ามาได้ถึง 2 เหรียญทอง และ 2 เหรียญทองแดง แต่ที่ตราตรึงในใจคนไทยมาถึงปัจจุบันคงเป็นเหรียญทองของ ปวีณา ทองสุก ที่ลงแข่งขันในรุ่น 75 ก.ก.ท่าแรก คือท่าสแนทช์ ยกได้ 122.5 ก.ก. เป็นอันดับ 2 รองจากวาเลติน่า เลโปว่า จากรัสเซีย ซึ่งยกได้ 125 ก.ก. ท่าที่สอง คือคลีนแอนด์เจิร์ก วาเลติน่ายกได้ 147.5 ก.ก. ปวีณาต้องยกครั้งสุดท้ายให้ได้ 150 ก.ก. ซึ่งเป็นสถิติโอลิมปิก  ถ้ายกได้ก็จะมีน้ำหนักรวมเท่ากันแต่จะชนะคู่แข่งเพราะมีน้ำหนักตัวที่เบากว่า และปวีณาก็ทำได้สำเร็จคว้าเหรียญทองไปครอง ท่ามกลางหัวใจชาวไทยที่เต้นดังถึงเอเธนส์ ชาวไทยทั้งประเทศจึงได้ร่วมร้องเพลงชาติในโอลิมปิคอีกครั้ง


อันดับ 6 : ซ้ายทะลวงไส้


src=http://sport.mthai.com/wp-content/uploads/2010/10/Kaosai.jpg


เขาทราย แกแล็กซี่ แชมป์โลกรุ่นจูเนียร์แบนตั้มเวทของสมาคมมวยโลก (WBA) นัดชกสำคัญเกิดขึ้นในวันที่ 22 ธ.ค. 2534 เมื่อเขาทรายประกาศอำลาวงการกำปั้นด้วยการชกป้องกันแชมป์โลกครั้งที่ 19 เป็นครั้งสุดท้ายกับ อาร์มันโด คัสโตร นักมวยเม็กซิกัน ณ เวทีมวยชั่วคราว สนามเทพหัสดิน กรุงเทพฯ ในวันที่ทำการแข่งขันถนนทุกสายในกรุงเทพฯและปริมณฑลโล่งราวกับไม่ใช่กรุงเทพฯ ทุกสายตาของคนทั่วประเทศจดจ่ออยู่กับโทรทัศน์ที่ถ่ายทอดการแข่งขันเพื่อหวังให้เขาทรายปิดฉากวงการผืนผ้าใบเยี่ยงวีรบุรุษ และเขาทรายก็ไม่ทำให้คนทั้งประเทศผิดหวังเมื่อเป็นฝ่ายชนะคะแนนผู้ท้าชิงไปได้สำเร็จ โดยมีสถิติการชกทั้งหมด 50 ครั้ง ชนะ 49 ครั้ง ชนะน็อค 43 ครั้ง ซึ่งเป็นการน็อคสูงสุดในโลกในรุ่นจูเนียร์แบนตั้มเวทจนถึงปัจจุบัน ในปี พ.ศ. 2542 ยังได้รับรางวัล “World Boxing Hall of Fame” จากสมาคมมวยโลก โดยได้รับการบรรจุชื่อในหอเกียรติยศนักมวยโลก สหรัฐอเมริกาอีกด้วย


อันดับ 5 : เหรียญทองโอลิมปิคจากคนที่ “เหนื่อยมาเยอะ”


src=http://sport.mthai.com/wp-content/uploads/2010/10/สมจิตร1.jpg


แม้จะเป็นตัวเต็งในโอลิมปิคปี 2004 ที่กรุงเอเธนส์ แต่สมจิตรก็พลาดเหรียญรางวัลจนเกือบตัดสินใจแขวนนวม แต่ด้วยความอุตสาหะสมจิตรยังคงเดินหน้าสู้เพื่อประเทศชาติต่อไป โดยมีเป้าหมายสูงสุดในปักกิ่งเกมส์ปี 2008 ซึ่งไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไรเค้าผู้นี้ก็ประกาศอำลาทัพเสื้อกล้ามทีมชาติไทยเป็นอย่างแน่นอน ในโอลิมปิคครั้งนี้แฟนชาวไทยหลายร้อยชีวิตจึงทุ่มเทแรงกายไปเชียร์ติดขอบสนามถึงประเทศจีน และอีกหลายล้านชีวิตที่ทุ่มเทแรงใจนั่งเชียร์หน้าโทรทัศน์ของตัวเอง นัดชิงชนะเลิศต้องเจอกับ อันดริส เฮอร์นานเดซ ชาวคิวบา ที่สมจิตรเคยแพ้มาเมื่อครั้งเวิลด์แชมเปี้ยนชิพ แต่ถึงกระนั้นกลับเป็นสมจิตรที่ชนะไปอย่างสะใจชาวไทยด้วยคะแนน 8-2 ไฟท์นั้นใครที่ได้ดูคงจำกันได้ว่า สมจิตรต่อยได้อย่างสวยงาม สะอาดตาเรียกเสียงเชียร์จากชาวไทยได้ทั้งประเทศทีเดียว


อันดับ 4 : โผน กิ่งเพชร นักชกไทยคนแรกที่ได้แชมป์โลก


src=http://sport.mthai.com/wp-content/uploads/2010/10/โผน1.bmp


วันที่ 16 เม.ย. 2503 เป็นการชิงแชมป์โลกรุ่นฟลายเวทของสถาบัน The Ring ระหว่างโผน กิ่งเพชร ผู้ท้าชิงชาวไทย กับ ปาสคาล เปเรซ แชมป์โลกชาวอาร์เจนติน่า ที่เวทีลุมพินี ต่อหน้าพระพักต์ในหลวงและสมเด็จพระราชินี ผลการแข่งขันในครั้งนั้น ปรากฏว่าโผนชนะคะแนนอย่างไม่เป็นเอกฉันท์ ทำให้โผนได้ครองแชมป์โลกเป็นคนแรกของคนไทย ภายหลังการชกตามหัวเมืองหลักๆทั่วประเทศได้มีการจุดพลุฉลองกันอย่างมีความสุข ต่อมาสมาคมผู้สื่อข่าวกีฬาแห่งประเทศไทย ได้กำหนดให้ วันที่ 16 เม.ย.ของทุกปี เป็นวันนักกีฬายอดเยี่ยมของสมาคมผู้สื่อข่าวกีฬาแห่งประเทศไทย หรือ วันนักกีฬาไทยโดยมีการมอบรางวัลถ้วยพระราชทานเป็นประจำทุกปี


อันดับ 3 : เหรียญแรกในโอลิมปิก


src=http://sport.mthai.com/wp-content/uploads/2010/10/พะเยาว์1.jpg


เมื่อ 34 ปีที่แล้ว โอลิมปิกครั้งที่ 21 ที่ กรุงมอลทรีออล ประเทศแคนาดา พะเยาว์ พูนธรัตน์ นักชกวัย 19 ปี รุ่นไลท์ฟลายเวท ขึ้นสังเวียนไฟท์สำคัญที่สุดในรอบก่อนรองชนะเลิศ พบกับ จอร์จี้ เกโด้ จากฮังการี หากชนะไฟท์นี้จะได้เหรียญทองแดงเป็นอย่างน้อยทันที ซึ่งพเยาว์เป็นฝ่ายชนะไปด้วยคะแนน 4-1 เสียง ก่อนไปพ่าย ลี บุง อุค จากเกาหลีเหนือในรอบรองฯ ทำให้ธงชาติไทยได้ถูกเชิญขึ้นสู่ยอดเสาเป็นครั้งแรก นับเป็นเหรียญทองแดงแห่งประวัติศาสตร์ชาติไทย เมื่อกลับมาถึงเมืองไทยมีผู้คนไปรับและร่วมแสดงความยินดีอย่างมากมาย รถยนต์คันหรูที่นางงามจักรวาล อาภัสรา หงสกุล สัมผัสเป็นคนแรก ถูกนำมาขับให้พะเยาว์นั่งและแห่ไปรอบเมือง


อันดับ 2 : “ไม่ได้โม้” เหรียญทองประวัติศาสตร์จริงๆ


src=http://sport.mthai.com/wp-content/uploads/2010/10/สมรักษ์-1.bmp


โอลิมปิคปี 1996 แอตแลนตาเกมส์ เหรียญทองแรกในรอบ 44 ปีที่ชาวไทยรอคอยก็มาถึง จาก สมรักษ์ คำสิงห์ นักชกรุ่นเฟเธอร์เวท การชกนัดประวัติศาสตร์เกิดขึ้นในวันที่ 5 สิงหาคม 2539 สมรักษ์โคจรมาพบกับ เซราฟิม โทโดรอฟ จากบัลแกเรีย แม้ว่าจะดึกดื่นขนาดไหน เชาวไทยกว่าค่อนประเทศลุกขึ้นมาส่งกำลังใจเชียร์อย่างเต็มพลัง ตลอดการชกสมรักษ์ออกเสต็ปมวยได้อย่างสวยงาม ออกอาวุธทีไรได้แต้มอย่างชัดเจน แม้จะถูกคู่ต่อสู้โต้กลับและทำคะแนนตีตื้นแต่ก็ควบคุมสถาณการณ์ไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม ระฆังลั่นหมดเวลา สมรักษ์ชนะไปได้ 8 ต่อ 5 เป็นครั้งแรกที่เพลงชาติไทยกระหึ่มในโอลิมปิคพร้อมกับน้ำตาแห่งชัยชนะของสมรักษ์ คำสิงห์ และประชาชนชาวไทย  ชื่อ “สมรักษ์ คำสิงห์” จะถูกจารึกในหน้าประวัติศาสตร์กีฬาไทยว่าเค้าคือ “ฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิคคนแรกของประเทศไทย”


อันดับ 1 : เหรียญทองของพ่อ


src=http://sport.mthai.com/wp-content/uploads/2010/10/super-mod.bmp


เหตุการณ์ระหว่างพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกับกีฬาเรือใบที่คนไทยไม่มีวันลืมเลือนเมื่อทรงเป็นนักกีฬาเรือใบของประเทศไทย ทรงเข้าร่วมการแข่งขันในฐานะนักกีฬาทีมชาติของการแข่งขันกีฬาแหลมทองครั้งที่ 4 ครั้งนั้นทรงเรือเวคา 2 ใบเรือ หมายเลข TH 27 พร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าอุบลรัตนราชกัญญาฯ (พระอิสสริยยศในขณะนั้น) ทรงเรือเวคา 1 ใบเรือหมายเลข TH 18


src=http://sport.mthai.com/wp-content/uploads/2010/10/super-mod-300x229.jpg 


การแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเรือใบนำมาตลอด ตามด้วยนักกีฬาทีมชาติพม่าซึ่งนับได้ว่าเป็นคู่แข่งสำคัญ ในการแข่งขันรอบสุดท้ายกระแสลมเปลี่ยนทิศทาง ทำให้ต้องทรงเรืออ้อมทุ่นผิดตำแหน่ง แม้กระนั้นก็ยังทรงนำเรือเข้าสู่เส้นชัยเป็นพระองค์แรก ตามด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าอุบลรัตนราชกัญญาฯ และผลการแข่งขันในครั้งนั้นคณะกรรมการมีมติทำให้ทรงครองเหรียญทอง ร่วมกับสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าอุบลรัตนราชกัญญาฯ เหตุการณ์ครั้งนั้นเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ทุกภาคหน่วยร่วมกันให้ความสำคัญ และพัฒนาวงการกีฬาอย่างต่อเนื่อง ทั้งเพื่อสุขภาพมวลชนและเพื่อความเป็นเลิศในเวทีระดับโลก


ที่มา Mthai.com

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์