10 แข้งประสบความสำเร็จหลังกลับมาตายรัง


หลังจากที่มีข่าวลือกระฉ่อนว่า เวสลี่ย์ สไนเดอร์ จอมทัพทีมชาติฮอลแลนด์ ชุดรองแชมป์ฟุตบอลโลก2010 ของ อินเตอร์ มิลาน อาจจะหวนกลับไปค้าแข้งให้ ราชันชุดขาว อีกครั้ง เพื่อหวังร่วมงานกับ โชเซ่ มูรินโญ่ มหากุนซือ ซึ่งนำ งูใหญ่ คว้าทริปเบิ้ลแชมป์เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา ก่อนจะย้ายไปหาความท้าทายใหม่ที่ ซานติอาโก้ เบร์นาเบว แม้ว่านักเตะจะยืนยันไม่สนใจย้ายไปเล่นให้ เรอัล เพราะเข็ดขยาดหลังต้องพบกับความลำบากที่นั่นมาแล้ว แต่ทุกอย่างในโลกลูกหนังย่อมเป็นไปได้เสมอ ฉะนั้น ลองมาดูกันซิว่ามีนักเตะคนไหนที่กลับมาตายรังที่เดิมแล้วประสบความสำเร็จบ้าง


10. ฮวน เซบาสเตียน เวรอน - เอสตูเดียนเตส
 
           เขาเป็นลูกชายของ ฮวน รามอน เวรอน ตำนานดาวเตะเอสตูเดียนเตส และก็เป็นธรรมดาที่ลูกชายหัวแก้วหัวแวนจะเดินตามรอยเท้าพ่อ เมื่อเติบโตขึ้นมาเป็นไอดอลของสโมสรแห่งนี้ จากนั้นก็ย้ายไปเล่น โบคา จูเนียร์ส หลังจากระเบิดฟอร์มเก่งคับ อาร์เจนตินา เจ้าตัวก็ตัดสินใจย้ายมาเล่นในยุโรป และประสบความสำเร็จกับ ซามพ์โดเรีย, ปาร์ม่า, ลาซิโอ, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, เชลซี และ อินเตอร์ มิลาน หลังจากที่โลดแล่นบนดินแดนยุโรปมานาน เวรอน ซึ่งได้รับรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมอเมริกาใต้ 2 สมัย ก็ตัดสินใจกลับไปเล่นในบ้านเกิดกับ เอสตูเดียนเตส และก็ช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ลีก ฟ้า-ขาว ครั้งแรกในรอบ 23 ปี รวมทั้งแชมป์ โคปา ลิเบอร์ตาดอเรส คัพ ครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1971 ซึ่งพ่อของเขาเป็นกำลังสำคัญของทีมในยุคนั้น ที่สำคัญเจ้าต้องยังตั้งเป้าเอาไว้ว่าจะเข้ามารับตำแหน่งประธานสโมสรในอนาคต








9. ฮาคาน ซูเคอร์ - กาลาตาซาราย 

          หนึ่งในนักเตะเลือดตุรกีที่ยิ่งใหญ่ที่สุด และเป็นผู้เล่นที่ประสบความสำเร็จอย่างมากมายกับ กาลาตาซายราย อย่างไรก็ตาม ซูเคอร์ กลับไม่สามารถโชว์ฟอร์มเก่งเหมือนตอนเล่นในบ้านเกิดยามที่ย้ายไปทำมาหารับประทานที่ อิตาลี และ อังกฤษ โดยอดีตหัวหอกทีมชาติตุรกี ค้าแข้งกับ กาลาตาซาราย ตั้งแต่ปี 1992-2000 โดยมีช่วงปี 1995 เขาเดินทางไปล้มเหลวกับ โตริโน่ แต่กระนั้นช่วงระยะเวลาที่อยู่กับ กาลาตาซาราย เขานำทีมคว้าแชมป์ลีก 6 สมัย และฟุตบอลถ้วยไก่งวง 4 สมัย รวมทั้งแชมป์ ยูฟ่า คัพ ก่อนที่จะตัดสินใจออกไปหาความท้าทายใหม่กับ อินเตอร์ มิลาน และที่นั่นก็เหมือนหลุมฝังศพดีๆ นี่เอง เมื่อ ซูเคอร์ไม่สามารถงัดฟอร์มเก่งเหมือนตอนที่อยู่ในถิ่น อาลี ซามี เยน ได้เลย ส่งผลให้เขาอยู่กับ งูใหญ่ แค่ 1 ซีซั่น จากนั้นก็ระเห็จไปล่าตาข่ายกับ ปาร์ม่า รวมทั้ง แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส แต่บทสรุปก็เหมือนเดิม ทำให้เขาตัดสินใจกลับไปเล่นกับ กาลาตาซาราย อีกครั้งในปี 2003 และดาวยิงจอมเก๋ารายนี้ก็กลับมาระเบิดฟอร์มเก่งได้อีกครั้ง โดยช่วยให้ต้นสังกัดคว้าแชมป์ลีก 2 รายการ รวมทั้งแชมป์ฟุตบอลถ้วยอีกรายการ ที่สำคัญเขายังเป็นเจ้าของสถิติดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของทีมชาติตุรกี





8. สเตฟาน เอฟเฟ่นแบร์ก - โบรุสเซีย มึนเชนกลัดบัค และ บาเยิร์น มิวนิค

           จอมห้าวหัวเสือ มีบุคลิคที่ที่ชอบโต้เถียง และพูดมาก โดย เอฟเฟ่ มีโอกาสได้กลับไปค้าแข้งให้ 2 สโมสรตอนที่ยังโลดแล่นอยู่บนสังเหียนหญ้าเขียวขจี โดยเขาเกิดเป็นดาวจรัสแสงในโลกลูกหนังกับ โบรุสเซีย มึนเชนกลัดบัค (ซึ่งเขามีโอกาสได้กลับมาเล่นให้สโมสรแห่งนี้เมื่อปี 1994) หลังจากนั้นก็ได้ย้ายไปเล่นให้ บาเยิร์น มิวนิค ก่อนที่จะเดินทางออกจากเมืองเบียร์ ไปเล่นให้ ม่วงมหากาฬ ฟิออเรนติน่า โดย เอฟเฟ่นแบร์ก เคยกล่าวเอาไว้ว่า โบรุสเซีย ไม่อยู่ในหัวใจของเขาแล้ว เวลาของผมอยู่กับความสำเร็จที่ มิวนิค อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลาแรกกับ เสือใต้ ก็ไม่ค่อยหวือหวาเท่าไร แต่การกลับมาถิ่น โอลิมปิก สเตเดี้ยม อีกครั้ง (ปัจจุบันเป็นอัลลิอันซ์ อารีน่า) เขาสร้างชื่อเสียงมากมาย ทั้งเป็นกัปตันทีมที่ยกถ้วย บิ๊กเอียร์ (ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก) รวมทั้งสอยแชมป์บุนเดสลีกา 3 สมัย และเดเอฟเบ โพคาล ด้วย สำหรับ อดีตดาวเตะทีมชาติเยอรมัน รายนี้ ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในผู้เล่น บาเยิร์นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล แต่กับทีมชาติต้องบอกว่าล่องจุ้นไม่เป็นท่า ไม่ใช่เรื่องฝีเท้าแต่มาจากพฤติกรรมที่สุดทรามเมื่อชูนิ้วกลางให้แฟนบอลชาติเดียวกัน ในศึกเวิลด์ คัพ 1994 และเขาก็ไม่มีโอกาสได้หวนกลับมาสวมชุด อินทรีเหล็กอีกเลย






7. เคราร์ด ปิเก้ - บาร์เซโลน่า 

           นับตั้งแต่ที่โดน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ฉกตัวออกจากคัมป์ นู ตั้งแต่เยาว์วัย ปิเก้ ก็แทบไม่ฉายแววของยอดเซนเตอร์ฮาล์ฟออกมาเลยในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ก่อนที่ บาร์เซโลน่า จะดึงตัวลูกหม้อเก่ากลับมาชุบชีวิตใหม่อีกครั้ง และจากนักเตะทีมสำรองของ ผีแดงตอนนี้ ปิเก้ กลายเป็นหนึ่งในกองหลังที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก และช่วย สเปน คว้าแชมป์เวิลด์ คัพ 2010 หากพูดกันแบบแฟร์ๆ ต้องยอมรับว่า ปิเก้ ตัดสินใจถูกที่ย้ายกลับมาสวมชุด เลือดหมูน้ำเงิน ในปี 2008 ย้อนกลับไปเมื่อ 2004 ดาวเตะวัยละอ่อน ตัดสินใจมาเล่นให้ แมนฯ ยูไนเต็ด แต่ก็ไม่เคยได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจาก เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน มหากุนซือเลย ทำให้เขามองเห็นอนาคตแล้วว่าขืนอยู่ต่อไปคงชีวิตหมองหม่น ก็เลยตัดสินใจกลับมาที่ บาร์ซ่า และก็ไม่ผิดหวังเมื่อเขาช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ 6 รายการในปีแรกกับ เจ้าบุญทุ่ม ซึ่งก็รวมทั้งการคว้าทริปเบิ้ลแชมป์ด้วย และในซีซั่นต่อมาก็ช่วยทีมป้องกันแชมป์ลา ลีกา ได้สำเร็จ จะว่าไปแล้ว กองหลังวัย 23 ปี ผูกพันกับ บาร์เซโลน่า มาทางสายเลือด เพราะคุณปู่ของเขาเคยทำหน้าที่รองประธานในถิ่นคัมป์ นู มาแล้ว









6. แฟร้งค์ ไรจ์การ์ด - อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม

          ไรจ์การ์ด ปัจจุบันทำหน้าที่โค้ชให้กับ กาลาตาซาราย และเคยประสบความสำเร็จในฐานะกุนซือกับ บาร์เซโลน่า อย่างมาก แต่หากย้อนกลับไปสมัยที่ยังค้าแข้ง ไรจ์การ์ด เกิดและเติบโตมาจาก อาแจ็กซ์ โดยคว้าแชมป์ลีกดัตช์ 3 สมัย รวมทั้ง คัพ วินเนอร์ส คัพ ก่อนที่จะกลายเป็นตำนานของ เอซี มิลาน โดยเล่นเคียงข้างกับเพื่อนร่วมชาติ รุด กุลลิท และมาร์โก แวน บาสเท่น โดยเขาคว้าแชมป์ ยูโรเปี้ยน คัพ 2 สมัย และ สคูเด็ตโต้ คัพ 2 สมัย ภายใต้การกุมบังเหียนของ อาร์ริโก้ ซาคคี่ นอกจากนี้ยังช่วย ฮอลแลนด์ ผงาดครองแชมป์ ยูโร 1998 หลังจากอิ่มตัวกับ ปีศาจแดง-ดำ เขาก็ตัดสินใจกลับมาเล่นให้ อาแจ็กซ์ ในช่วงบั้นปลายชีวิต โดยตอนนี้มี หลุยส์ ฟาน กัล กุมบังเหียน และเขาคอยทำหน้าที่ประคองนักเตะดาวรุ่งของ อาแจ็กซ์ ซึ่งก็ประสบความสำเร็จอย่างดี เมื่อนำทีมคว้าแชมป์ลีก และแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 1995 ด้วยการชนะ เอซี มิลาน ซะด้วย







5. มาร์ติน คีโอว์น - อาร์เซน่อล

          คีโอว์น เป็นหัวใจในเกมรับของ อาร์แซน เวนเกอร์ กุนซือชาวฝรั่งเศส อย่างแท้จริง โดยดาวเตะหน้าโบราณเคยเริ่มต้นกับ ไอ้ปืนใหญ่ ก่อนจะตัดสินใจย้ายไปค้าแข้งให้ แอสตัน วิลล่า และ เอฟเวอร์ตัน แต่สุดท้ายก็ต้องกลับมาตายรัง อาร์เซน่อล เหมือนเดิม โดยเขาช่วยให้ต้นสังกัดคว้าแชมป์ลีก 3 สมัย แชมป์ เอฟเอ คัพ 3 สมัย โดย คีโอวน์ เป็นหนึ่งในผู้เล่นคู่หูที่แข็งแกร่งที่สุดของ โทนี่ อดัมส์ ตำนานกัปตันทีม เดอะ กันเนอร์ส และประสบการณ์ของเขายังมีประโยชน์กับทีมคนหนุ่มของ เวนเกอร์ อย่างมาก เพราะ อดีตแข้งทีมชาติอังกฤษ คอยประคับประคองกองหลังดาวรุ่งนับตั้งแต่ที่ อดัมส์ ตัดสินใจอำลาวงการลูกหนัง







4. มาร์ติน ปาแลร์โม่ - โบคา จูเนียร์ส 

         ปาแลร์โม่ เริ่มต้นอาชีพนักเตะกับ เอสตูเดียนเตส แต่ย้ายมายิ่งใหญ่กลับ โบคา จูเนียร์ ระหว่างปี 1997-2000 สถิติการถล่มประตูของเขาทำให้หลายสโมสรทั่วยุโรปต่างสนใจอยากดึงตัวมาร่วมทีม และเป็น บียาร์เรอัล ที่ได้ตัวไป แต่อาการบาดเจ็บเอ็นหัวเข่าทำให้เขาโชว์ฟอร์มไม่ออก และการค้าแข้งในดินแดนคนสู้วัวก็ไม่มีความสุขเอาซะเลย เฉกเช่นเดียวกับ ฮวน โรมัน ริเกลเม่ เพื่อนร่วมทีม โบคา ที่มาตกอับกับลีกสเปน โดย ปาแลร์โม่ ต้องพบกับความยากลำบากกับ เรือดำน้ำสีเหลือง จนต้องย้ายไป เรอัล เบติส และ อลาเบส ตามลำดับ สุดท้ายก็กลับมาตายรังที่ โบคา ในปี 2004
 
         ปาแลร์โม่กลับมาเรียกฟอร์มจอมถล่มประตูได้อีกครั้ง เขาช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ลีกอาร์เจนไตน์ 3 สมัย และโคปา ลิเบอร์ตาดอเรส รวมทั้งรางวัลเกียรติยศอื่นๆ อีกมากมาย ที่สำคัญเขายังเป็นดาวซัลโวตลอดกาลของ โบคา ด้วย และมีชื่อติดทัพ ฟ้า-ขาว ภายใต้การกุมบังเหียนของ ดีเอโก้ มาราโดน่า ลุยศึกฟุตบอลโลก 2010 และยังมีชื่อเป็นผู้ทำประตูในแมตช์ที่พบ กรีซ ที่สำคัญยังเป็นเจ้าของสถิติผู้ทำประตูที่อายุเยอะที่สุดในทีมชาติด้วย
 





3. รุย คอสต้า - เบนฟิก้า
 

         ดาวเตะจอมเทคนิครายนี้ ปัจจุบันทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการของ เบนฟิก้า หลังจากที่ตัดสินใจแขวนเกือกเอาไว้บนหิ้งเมื่อปี 2008 ในวัย 36 กะรัต ย้อนอดีตกลับไปสมัยใบหน้ายังอ่อนวัยไร้รอยตีกา คอสต้า เริ่มต้นอาชีพกับ เหยี่ยวลิสบอนและเป็นหนึ่งในนักเตะ ยุคทองโปรตุเกส ปี1991 โดยนักเตะช่วยให้ เบนฟิก้า คว้าแชมป์ลีกแดนฝอยทอง จากนั้นก็เดินทางไปหาความท้าทายใหม่กับ ฟิออเรนตินา และได้เกียรติยศเป็นเพียงถ้วยโคปปา อิตาเลีย 2 สมัย แต่ที่โดดเด่นก็คือผลงานที่สร้างความหวาดหวั่นให้กับคู่แข่งยามที่ลงสนามร่วมกับ กาเบรียล บาติสตูต้า ตำนานแข้งอาร์เจนไตน์ และเมื่อย้ายไปเล่นให้ เอซี มิลาน เจ้าตัวก็ได้แชมป์ กัลโช่ เซเรีย อา และ โคปา อิตาเลีย รวมทั้งแชมป์ แชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วย ก่อนที่จะตัดสินใจกลับไปเล่นให้ เบนฟิก้า ในปี 2006 และที่เด็ดดวงโดนใจแฟนบอลก็คือเขาไม่รับเงิน 4.6 ล้านยูโร (ราว 184 ล้านบาท) ต่อปี หลังจากที่หย่าขาดกับรองเท้าสตั๊ดก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นผอ.ฟุตบอล เบนฟิก้า และเขาสามารถช่วยให้สโมสรเซ็นสัญญากับนักเตะชั้นนำอย่าง ฮาเวียร์ ซาวิโอล่า, ปาโบล ไอมาร์ และ อังเคล ดิ มาเรีย







2.  เอียน รัช - ลิเวอร์พูล 

          ดาวยิงหน้าติดหนวด เป็นสุดยอดกองหน้าของ หงส์แดง ในยุค 80 อย่างแท้จริง และทุกวันนี้ก็ยังคงเป็นขวัญใจของสาวก เดอะ ค็อป ไม่เสื่อมคลาย โดยดาวเลือดเวลสต์ เริ่มต้นอาชีพกับ เชสเตอร์ ซิตี้ จากนั้นก็ได้ย้ายมาสู่รั้วแอนฟิลด์ และที่แห่งนี้ตำนานก็ถือกำเนิดขึ้นเมื่อเจ้าตัวยิงประตูไม่เลี้ยง พาทีมคว้าแชมป์ทุกอย่างที่มีอยู่ในลีกเมืองผู้ดี รวมทั้ง ยูโรเปี้ยน คัพ ด้วย ก่อนที่จะลองออกไปหาความท้าทายใหม่กับ ยูเวนตุส แต่กลายเป็นล้มเหลวไม่เป็นท่าจากการเล่นเพียงแค่ฤดูกาลเดียว และตัดสินใจกลับมาเล่นให้ เดอะ เร้ดส์ อีกครั้ง แต่เหมือนว่าเขากับสโมสรแห่งนี้จะถูกโฉลกกัน เพราะสามารถเรียกฟอร์มเพชฌฆาตกลับคืนมาได้อย่างรวดเร็ว และกลายเป็นหัวหอกที่กองหลังรวมทั้งผู้รักษาประตูเข็ดขยาดยามที่ได้ยินชื่อนี้









1. เฮนริค ลาร์สสัน - เฮลซิงบอร์ก 

          ตำนานดาวยิงสวีดิช โลดแล่นผจญภัยในลีกยุโรปยาวนานหลายสิบปีนับตั้งแต่ที่ย้ายจากเฮลซิงบอร์ก ซึ่งที่นี่เขามีสถิติตะบันตาข่าย 50 ลูกจากการเล่น 56 แมตช์ ก่อนที่จะย้ายไปค้าแข้งให้ เฟเยนูร์ด ในปี 1993 ตามมาด้วยการสร้างชื่อเสียงคับวงการลูกหนังกับการเล่นให้ กลาสโกว์ เซลติก โดยเขาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่นานถึง 7 ปี ด้วยฝีเท้าที่จัดจ้านทำให้เจ้าตัวย้ายไปหาความท้าทายกับ บาร์เซโลน่า ในยุคของ แฟร้งค์ ไรจ์การ์ด และก็ไม่ผิดหวังเมื่อช่วยให้ เจ้าบุญทุ่ม คว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในปี 2006 ด้วยการชนะ อาร์เซน่อล ก่อนที่จะตัดสินใจกลับมาล่าตาข่ายให้ เฮลซิงบอร์ก อีกครั้งโดยเขาช่วยให้ทีมรักคว้าแชมป์สวิดิช คัพ ที่สำคัญด้วยฟอร์มที่จัดจ้านแม้อายุจะมากก็ตาม แต่เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน บรมกุนซือ ผีแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ยืมตัว ลาร์สสัน มาเล่นช่วงสั้นๆ ในปี 2007 หลังจากที่ค้าแข้งมานานเจ้าตัวก็ประกาศแขวนสตั๊ด และปัจจุบันทำหน้าที่เป็นโค้ชให้กับ แลนด์สครอนา






เครดิต สยามกีฬา


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์