รีวีวพรีเมียร์ลีก match day 5 โดยเบน ฟรีคิก


วีวพรีเมียร์ลีก match day 5 โดยเบน ฟรีคิก

แหกกฏขอพูดถึงเร้ดไฟท์ในวันอาทิตย์ก่อนเลยครับเพราะไฮท์ไลท์อยู่ที่นัดนี้มาตั้งแต่ก่อนถึงงสุดสัปดาห์แล้วด้วยซ้ำ

เกมนี้สกอร์ออกมาเฉียดฉิว 3-2 จริงแต่ดูจากรูปเกมแล้วเป็นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่เล่นได้ดีกว่าและเข้าทำเป็นเนื้อเป็นหนังค่อนข้างชัดเจน

สำหรับลิเวอร์พูลถือเป็นนิมิตรหมายอันดีในจุดที่ว่ารอย ฮอดจ์สันจัดทัพในแดนกลางที่ค่อนข้างถูกใจเดอะค็อปเพียงแต่ต้องจูนความเข้าใจกันให้มากกว่านี้

เกมวันนี้บอกได้เลยว่ายูไนเต็ดใช้การโจมตีทางริมเส้นบ่อยมากเพราะเปิดบอลเข้ามาลุ้นได้เยอะเหลือเกินไม่ว่าจะเป็นฝั่งของเกล็น จอห์นสันและพอล คอนเชสกี้โดยเฉพาะฝ่ายหลังที่เข้าประชิดตัวห่างเกิน

พวกตัวคุมปีกแน่นๆทีมใหญ่ๆเค้ามักไม่เปิดโอกาสให้เปิดง่ายดายเหมือนเกมที่ลิเวอร์พูลปล่อยให้ปีศาจแดงเข้าทำดังนั้นจึงต้องยอมรับแต่โดยดีว่ารอย ฮอดจ์สันยังมีการบ้านให้ต้องทำอีกพอสมควร และประตูแรกที่เสียก็มาจากเตะมุมที่ปีศาจแดงได้ในครึ่งแรกถี่สุดๆแถมโชคร้ายเป็นเฟร์นานโด ตอร์เรสกองหน้าที่ต้องมาเป็นฝ่ายประกบอยู่ด้านหลังเลยพังกันไป

สำหรับดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟอย่างที่ผมเคยบอกไว้หลายหนแล้วว่าเป็นนักเตะที่ผมค่อนข้างชอบเป็นการส่วนตัวเพราะให้บอลง่ายไม่หวงบอลออกจากเท้ามีความหมายและเกมนี้กลายเป็นว่าลูกหัวแผลงฤทธิ์โขกทั้งสองประตูแถมทีเด็ดลูกตีลังกายิงนั้นคลาสสิคเกินกว่าจะหาคำไหนมายกย่อง

ครับกลายเป็นนักเตะคนแรกที่ทำแฮทริคในศึกเร้ดไฟท์ในรอบ 64 ปีอีกต่างหากจนมีเร้ดอาร์มี่แผล่บทันทีว่าคุ้มค่าตัว 30 ล้านปอนด์แต่ก็มีอีกหลายคนที่บอกดีแค่ 4-5 นัดยังไม่ถือว่าคุ้ม

สำหรับหงส์แดงแม้ยิงได้ 2 แต่ต้องบอกว่ามาจากลูกนิ่งทั้งสองลูกซึ่งโดยรวมแล้วการขึ้นเกมยังติดปัญหาอยู่เยอะมาก

ต้องยอมรับเลยว่าฟุตบอลสมัยนี้ถ้าทีมไหนไร้ปีกธรรมชาติที่พาทัวร์ฝ่ายตรงข้ามก็เท่ากับตัดแขนตัดขาตัวเองดังนั้นภาระมันจะไปตกอยู่ที่พวกตรงกลางเพราะฝ่ายตรงข้ามไม่ต้องมาเทคุมปีกให้มากมายเหมือนพวกปีกเก่งๆที่ได้บอลทีจะโดนรุม 1-2 คนทำให้ตำแหน่งอื่นเปิด

ดังนั้นทุกครั้งที่ปีกลิเวอร์พูลได้บอลถ้ามีแบ็คมายืนขวาง(โดยที่ไม่ต้องเข้าบอล) ก็จะคืนหลังหรือไม่ก็ม้วนแล้วเสียเองซึ่งตรงนี้หลายทีมจับทางได้ตั้งแต่สมัยราฟาเอล เบนิเตซคุมทีมแล้ว

ที่ผมพูดเนี่ยไม่ได้จะตำหนิอะไรปู่รอยแต่ผมกำลังจะบอกว่าแกเริ่มเรียนรู้นักเตะรู้ว่าใครเป็นใครเล่นอะไรได้มากขึ้นเพียงแต่โชคร้ายที่ในช่วงค้นหาตัวเองดันมาเจอของแข็งทั้งนั้น

ผมมองว่าเล่นไปเรื่อยๆปู่รอยจะกลับมาใช้ 4-4-2 อันเป็นแผนที่แกถนัดแต่ผมขอเสริมอีกนิดว่าโจ โคลกับมิลาน โยวาโนวิชควรสลับปีกมายืนฝั่งที่เท้าตัวเองไม่ถนัด

เหตุผลคือหากโคลหล่อยืนซ้ายสามารถลากตัดเข้าในแล้วยิงได้หรือถ้าไม่ตัดเข้าในถ้าให้แบ็คสอดวิ่งขนานเส้นก็สามารถจ่ายให้เปิดเท้าซ้ายได้เลย, vice versa โยวาโนวิชตอนเล่นปีกซ้ายก็ไม่ได้เลี้ยงทะลุแล้วโยนเพราะไม่ใช่สไตล์การมาเล่นทางขวานอกจากตัดเข้าในเพื่อยิงลูกบ้าพลังด้วยอีซ้ายแล้วลูกขยันยังเอามาช่วย GJ ที่ช่วงหลังเล่นบอลยาก(โคตร)อีกแรงนึงด้วย ส่วนหน้าก็จับคู่เฟร์นานโด ตอร์เรสไปซะ ช่วยๆกันแบ่งเบาภาระส้งติงกองหลังคู่แข่ง

อีกประโยชน์หากโคลหล่อย้ายไปเล่นฝั่งซ้ายจะทำให้ตัวสร้างปัญหาของหงส์แดงไม่มายืนกระจุกกันเป็นเส้นตรง ลองไล่ดูครับตรงกลางเจอร์ราร์ด,เมเรเลส,โคลหล่อ,ตอร์เรส มันเป็นแนวดิ่ง อาวุธมันไม่กระจายออกด้านกว้าง อันนี้ความเห็นส่วนตัวปู่รอยคงไม่มาใส่ใจรับรู้ด้วยหรอก ฮา

ก็ต้องอดทนรอกันไปครับอย่างที่ผมบอกไว้ปู่รอยมิใช่เทวดาต้องให้เวลาแกแต่ก็ขออย่างเดียวอย่าเหมือนสมัยราฟาคือให้โอกาสใครก็ควรให้เท่าๆกัน บาเบิ้ลจะเล่นแย่เล่นห่วยก็ต้องลองใช้งานดูบ้างไม่ดีก็เปลี่ยนออกหรือนัดหน้าให้นั่ง ไม่ใช่คนไหนเล่นไม่ดีดันทุรังส่งลงเล่นเหยียบ 40 นัดอะไรแบบนี้มันฝืนธรรมชาติ แต่มองจากการจัดตัวเกมเร้ดไฟท์หลายคนน่าจะเห็นแนวโน้มที่ดีขึ้นกันแล้วนะครับ หุหุ

คู่วันเสาร์ไปกันที่กูดิสัน พาร์คซึ่งเหล่าท๊อฟฟี่เมนหวังปลดล็อกชนะนัดแรกในฤดูกาลนี้ซึ่งงานนี้ผมนั่งดูเต็มๆ 90 นาทีบอกได้คำเดียวว่าทรงบอลสาลิกาเล่นแบบเข้าใจเกมฟุตบอล ไม่มีใครหวงบอล เห็๋นแล้วให้คือถ้าหันหลังแล้วมีคนเข้าก็จะแปะให้อีกคนที่หันหน้าวิ่งทะลุเอาไปต่อ การเล่นแบบนี้ทำให้น้องใหม่แต่หน้าเก่ากลับบ้านพร้อม 3 แต้มจากประตูชัยโคตรอลังการของฮาเตม เบน อาร์กฟา

ช็อตนี้เบนในวัย 35 ปีเอ้ย 23 ปีที่นิวไปยืมมาจากมาร์กเซย์เหมือนจะเก็บบอลนานจนไปไม่ได้แต่แค่โยกขวาทีเดียวทำให้การออกซ้ายมีช่องยิงกลายเป็นประตูที่สวยเอามากๆ

ถ้านิวคาสเซิ่ลยังรักษาทีมเวิร์คเอาไว้ได้อย่างต่อเนื่องรวมทั้งเล่นให้สม่าเสมอเชื่อว่าคงไม่ห่างหายจากชัยชนะมากนักแม้หลายคนยังหลอนจากวันที่แพ้แบล็คพูลคาบ้านอยู่ก็ตาม

มาด้านไก่เดือยทองที่ปีนี้ดูแปลกๆชนะทีลำบากเหลือเกินแถมโชคดีไม่แพ้คาบ้านหลังถูกวูลฟ์บุกมานำก่อนในช่วงท้ายครึ่งแรกและรักษาสกอร์ 1-0 เอาไว้ได้จนกระทั่งนาที 76 ซึ่งอันนี้ต้องปรบมือให้กับการแก้ของแฮร์รี่ เร้ดแนปป์ที่ส่งอลัน ฮัตตันลงมาจนเรียกจุดโทษก่อนราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ตรับหน้าที่สังหารเบิกร่องลูกแรกให้ตัวเองกันไปแล้วก็เป็นแบ็คสก็อตคนนี้นี่เองที่มาปั๊มบอลแบบงงๆเข้าประตูในช่วงทดเจ็บโดยก่อนหน้านี้พาฟลิวเชนโก้ตัวสำรองอีกคนก็ยิงลูก 2-1 ซึ่งจังหวะต่อเนื่องก็เป็นอารอน เลนนอนที่ลงมา 4 นาทีสุดท้ายเปิดบอลจากปีกขวานั่นเอง สรุปแล้วสำรองสามคนมีส่วนกับประตูทั้งหมด!!

3 แต้มหนนี้ทำให้ตัวเลขของสเปอร์สในตารางค่อนข้างสวยอยู่อันดับ 5 ชนะ 2 เสมอ 2 แพ้ 1 แต่ขอเนกาทีฟนิดนึงตรงที่ว่า 5 นัดนี้มีเรือใบทีมเดียวที่แข็งนอกนั้นเจอสโต๊ค,วีแกน,วูลฟ์และเวสต์บรอมแถมนัดหน้าเจอเวสต์แฮมอีก จะตุนก็รีบตุนนะครับไม่งั้นเดี๋ยวงานงอก

พูดถึงเวสต์แฮมแล้วต้องบอกว่าน่าเสียดายมากที่ยันไม่อยู่โดนสโต๊คตีเสมอจนต้องอมบ๊วยต่อทั้งๆที่มาเยือนสู้ได้ดีจนน่าปรบมือแต่อย่างที่ผมเคยบอกไว้ครับว่าขุนค้อนอาจไม่รอดตกชั้นหากโรเบิร์ต กรีนยังไม่ช่วยสร้างความมั่นใจให้แนวรับ ถ้าใครเล่นบอลจะรู้เลยนะครับว่าถ้าผู้รักษาประตูไม่แน่นหรือมีฮาประจำเวลาเล่นแล้วมันกังวล เกมรับทั้งแผงจะรู้สึกเหมือนว่าเราพร้อมเสียประตูตลอด

ดังเช่นลูกโขกตีเสมอของเควิน โจนส์ในนาที 48 หรือเล่นครึ่งหลังมาได้ 3 นาที คู่นี้ผมก็ดูอยู่ครับ(ว่างจัด 555+) ก็ยังไม่เข้าใจเลยว่ากรีนแกอ่านบอลยังไงถึงไปอยู่เสาแรกทั้งๆที่ในกรอบเขตโทษมีโจนส์อยู่ที่เสาสองคนเดียวแถมจังหวะนั้นปีกก็มีทางเลือกทางเดียวคือครอสจากเส้นหลัง ผมฟังธงเลยครับว่าถ้าเป็นประตูคนอื่นๆเกือบ 80 % ยังไงก็ต้องไปอยู่ใกล้ๆเสาสองที่มีโจนส์ซึ่งเป็นนักเตะหม้อคนเดียวในเขตโทษ ณ เวลานั้นแต่แกไปเลือกอยู่เสาแรกพอบอลเลยทีนี้ก็ถอยลนลานไปไม่ทัน ประตูนี้จึงเสมือนส้มหล่นของนักฟุตบอลอย่างแท้จริง มีอยู่คนเดียวแต่เวสต์แฮมยืนกัน 3-4 คน(ไม่รวม vat เอ้ยไม่รวม Gk)แล้วได้ประตู

ก็มองโลกในแง่ดีครับแพ้มา 4 นัดรวดนัดนี้หยุดสถิติได้แต้มแรกแล้ว

เอาล่ะครับ มาขอสารภาพตรงๆว่าตอนอาร์เซนอลกำลังชนะซันเดอร์แลนด์ผมคิดไว้แล้วว่าจะเขียนอะไรในรีวิว นึกคำพูดไปเรื่อยว่าปีนี้ปืนใหญ่เริ่มแสดงให้เห็นแล้วว่าเกมมาเยือนเจอหนักๆเริ่มเก็บ 3 แต้มเป็นกอบเป็นกำซึ่งเป็นตัวมารหัวขนจนไม่ได้แชมป์อะไรมาหลายปีแล้ว

แต่ความซวยมาเยือนเจอลูกตีเสมอของดาร์เรน เบนท์ในนาที 94(+0.10 วินาที) ก็เลยเงิบกันถ้วนหน้า อันนี้อาร์แซน เวนเกอร์แกก็คงบ่นตามประสบคนเสียผลประโยชน์ตามเชิงทั้งๆที่มันไม่ควรมาบ่นหากโทมัส โรซิคกี้ยิงจุดโทษเข้า จะเล่นทางแล้วถูกปัดยังไม่เจ็บใจเท่ากดเต็มตีนเตี่ยข้ามคานแบบนั้น

ผมก็อุตสาห์แอบเชียร์อยู่เพราะคัดทีเด็ดให้ sms ไปเอ้ยไม่ใช่เพราะว่าอยากเห็นทีมเล่นสวยๆเป็นแชมป์บ้าง

แต่เอาเหอะครับเคยบอกเอาไว้ว่าเมื่อใดก็ตามที่ปืนใหญ่พลาดไม่ได้ 3 แต้มสิ่งที่คุณตำหนิหรือพูดถึงหลังเกมมันคือเรื่องอะไร ก็แค่พลาดจุดโทษหรือไม่เน้นกันเองซึ่งของพวกนี้มันแทบไม่ต้องไปขวนขวายรอคอยเพื่อไขว่คว้าเลย มันปรับกันได้เดี๋ยวนั้นหรือว่าในนัดต่อมา

หลายทีมเจอปัญหาเยอะกว่าปืนใหญ่เยอะมาก บางทีมยังพูดกันถึงเรื่องการจัดตัวหรือทีมเวิร์ค การจ่ายบอลกันอยู่เลยครับ * ทรงบอลการเล่นบอลด้วยอิสระภาพ+จิตนาการของอาร์เซนอลไม่มีใครขโมยไปได้แน่นอน อุปสรรคของทีมน้าเหี่ยวจะเป็นเรื่องข้อผิดพลาดบางอย่างที่ไม่สามารถควบคุมได้หรือควบคุมได้แต่ไม่เน้นกันเอง

นัดหน้าก็จอง 3 แต้มเอาไว้ได้เลยเพราะเจอเวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน ไม่ได้ดูถูกนะครับแต่จะคว้าแชมป์บอลนัดแบบนี้มันต้อง 3 แต้มเหมือนเชลซี

สิงห์ไฮโซเข้าป้ายชนะรวด 5 นัดกด 15 แต้มเต็มยิง 21 เสีย 1 + ไปแล้ว 20 ก็ไม่รู้พี่จะบวกเยอะไปไหนทีมผมยังติดลบ 3 อยู่เลย

นัดชนะแบล็คพูล 4-0 ผมฟันธงก่อนเกม 6-0 ก็นั่งดูอยู่(ดูแล้วจะมาบอกทำไมบ่อยๆ ฮา) ก็ลุ้นให้ครึ่งโหลจะได้เกิดกับเค้าซักที ที่คิดว่ายิงได้ 6 เพราะแบล็คพูลเค้าบอลฆ่าได้หยามไม่ได้ บุกแหลกตามธรรมชาติอยู่แล้ว อารมณ์ประมาณขึ้นมาเล่นพรีเมียร์หนแรกก็ขอไว้ลายเล่นมันๆกันไปเลย พวกเล่นได้เสียแบบนี้ส่วนมากสถิติจะไม่แพ้ก็ชนะไปเลย

ส่วนเชลซีตอนผมนั่งดูผมรู้แล้วล่ะว่านักเตะเหมือนอะไร นักเตะเชลซีเหมือนอสุจิแล้วลูกบอลคือรังไข่ครับ คือบอลขยับขึ้นหน้าเป็นไม่ได้นักเตะจะกรูวิ่งห้อทำทางกันเหมือนอสุจิจริงๆไม่เชื่อลองดู มูฟเมนท์ทำทางแบบนี้แหละครับทำให้ตัวจ่ายมีทางเลือกเยอะมาก จำไว้เลยนะครับถ้าถามว่าคนจ่ายหรือทำทางสำคัญกว่ากันในเกมฟุตบอลให้ตอบไปได้เลยว่าตนวิ่งเพราะต่อให้ซีดานหรือชาบี้เทพตัวจ่ายได้บอลแล้วไม่มีตัววิ่งก็จบกันแต่คนวิ่งทำทางสวยๆนี่สิคนที่มองว่าธรรมดาจ่ายให้งามได้สบายๆด้วยซ้ำ

แล้วการนเล่นฟุตบอลของเชลซีนี่ทีมมาก่อนนะครับไม่ใช่ว่าตัวเองมุมไม่มีหรือไปไม่ได้ก็ยังฝืนยิงฝืนเลี้ยง ถ้าทีมมาก่อนตัวเองการเล่นจะไหลลื่นเสียบอลยาก

แต่ไม่นับตอนที่เชลซีขึ้นนำชาวบ้าน 3-4 ลูกนะครับเพราะถ้านำเยอะเมื่อไหร่จะเริ่มชิวเล่นถนอมตัวส่วนพวกแนวรุกก็จะเล่นแบบติดโชว์จะขอทำสกอร์เองบ้างซึ่งอันนี้เข้าใจว่าในทีมมีการแข่งขันสูงต้องมีชื่อยิงกันบ้าง

ก็เหมือนเรอัล มาดริดแหละครับชนะเรอัล โซเซียดัด 2-1 ทีมเวิร์คไม่มีเลย ต่างคนต่างเลี้ยง ตัวเก็บบอลตัวไปเองเยอะ 4-5 คนแล้วแต่ละคนจะโชว์อยากเอาชนะใจแฟนชนะใจโค้ชเพื่อตัวจริงนัดต่อไปเกมเลยเละเทะ ดูแล้วไม่รู้จะมาโค่นบาร์เซโลน่ายังไง เมซุต โอซีลนี่ถึงกับงงกันเลยทีเดียว เอ...ผิดลีกหรือเปล่า ฮา

ปิดท้ายที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้(เกือบลืมเดี๋ยวเจออวยพรลับหลัง ฮา) คู่นี้พลาดดูครับตอนแรกนึกว่าถ่ายทรู 5 (ที่บ้านไม่มี) แต่ดันท่ายทรู 4 เปิดมาเจอตอนนาที 89 เลยไม่เห็นฟอร์ม

แต่เท่าที่อ่านบรรยายเกมของมร.ฟอร์ลันต้องบอกว่าเรือใบแอบเสียวเหมือนกันเพราะครึ่งแรกกำลังจะจบที่สกอร์ 0-0 อยู่แล้วแต่วีแกนดันมาพลาดกันเองที่โหม่งสกัดไม่ดีเลยปล่อยให้เตเบซหลุดเดี่ยวซะงั้น

แถมยาย่าแข้งใหม่ก็มาฉวยโอกาสตอนฟิเกรัวโขกสกัดไม่ดีจนเตเบซไปเปิดเสาสองให้อดีตแข้งบาร์ซ่ายิงเข้าไปซะงั้น

ดูจากสถิติลูกทีมโรแบร์โต้ มันชินี่ได้โอกาสยิง 10 หนเข้ากรอบ 3 เป็นประตู 2 ถือว่ายังจบสกอร์ไม่เนียนแต่ดูดีกว่าเดอะ ลาติกส์เยอะเพราะขานั้นยิง 10 เข้ากรอบ 0 ฮา

แต่ 3 แต้มครั้งนี้ทำให้ความกดดันของมันโช่ลดไปเยอะเพราะขยับจาก 13 มาที่ 4 หลังก่อนหน้านั้นไม่ชนะใครมา 2 เกม นัดหน้าได้ทำศึกใหญ่ต้อนรับการมาเยือนของเชลซีกลายเป็นไฮท์ไลท์ของงานไปโดยปริยาย

เชื่อว่าบอลนัดสำคัญพวกซูเปอร์สตาร์ของเรือใบอาจมีแรงจูงใจตามธรรมชาติ อาจมีพลิกแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องอยู่ที่อสุจิของเหล่าแข้งเชลซีด้วย

วันนี้จบแล้ว สวัสดีครับ






_________________
##### ได้รู้ความจริง ได้ยิ่งกว่าฟุตบอล อ่าน SoccerSuck #####


เครดิต เบน ฟรีคิก

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์