หมู,เบนท์ยิง!สิงโตเสียวท้ายเกมซิวสวิส10ตัว 3-1

หมู,เบนท์ยิง!สิงโตเสียวท้ายเกมซิวสวิส10ตัว 3-1

ประตูแรกในรอบหลายเดือนของเวย์น รูนี่ย์เกือบจะกร่อยเสียแล้ว หลังจากอังกฤษถูกทางสวิตเซอร์แลนที่มีผู้เล่นน้อยกว่าบุกกดดันในช่วงท้ายครึ่งหลัง ก่อนที่จะมาได้ประตูปิดกล่องจากดาร์เรน เบนท์ที่ยิงเปิดซิงช่วยให้ทีมเอาชนะไปได้ 3-1 แบบเสียวกันทั้งบาน

ยูโร 2012 รอบคัดเลือก กลุ่ม G

วันอังคารที่ 7 สิงหาคม 2553


สวิตเซอร์แลน 1 : 3 อังกฤษ

ประตู :
0-1 เวย์น รูนี่ย์ น.10,0-2 อดัม จอห์นสัน น.69,1-2 ฮาดาน ชากิริ น.71,1-3 ดาร์เรน เบนท์ น.88

เกมนี้ สิงโตคำราม อังกฤษน่าจะพกความมั่นใจมาเต็มร้อย หลังจากที่เกมแรกโชว์ผลงานได้ดีไล่ถล่มบัลแกเรียไปขาดลอยถึง 4-0

และในที่สุดก็เป็นที่ปรากฏกันแล้วว่าเวย์น รูนี่ย์หอกเบอร์หนึ่งได้ลงเล่นเป็น 11 ตัวจริงคู่กับเจอร์เมน เดโฟในแดนหน้าให้แก่ทีมชาติอังกฤษ หลังมีข่าวว่าเจ้าตัวกำลังอยู่ในช่วงที่สภาพจิตใจไม่สู้ดี จากเรื่องราวปัญหาชีวิตส่วนตัว แต่คงต้องดูว่าเขาจะสามารถแสดงผลงานในสนามออกมาได้ดีแค่ไหน

ที่น่าแปลกใจเล็กๆ สำหรับแผงหลังของทัพ สิงโตคำราม ก็คือฟาบิโอ คาเปลโล่ตัดสินใจส่งโจเลี่ยน เลสค็อตต์ลงเล่นแทนไมเคิ่ล ดอว์สันที่บาดเจ็บไปในเกมที่แล้ว ทำให้แกรี่ เคฮิลล์ก็ยังคงต้องรอโอกาสที่ข้างสนามต่อไป

นอกเหนือไปจากนั้นตำแหน่งอื่นๆ ก็เหมือนกับในเกมแรก รวมทั้งแผนการเล่นด้วย

เกมนี้ไม่ใช่งานง่ายของอังกฤษอย่างแน่นอน เพราะต้องอย่าลืมว่าสวิตเซอร์แลนเป็นทีมเดียวเท่านั้นที่สามารถเอาชนะ แชมป์โลก สมัยล่าสุดอย่างสเปนได้ที่แอฟริกาใต้

ครึ่งแรก

หมูยิงแล้วโว้ย!ซัดเบิกร่อง-สังเวยธีโอ
เริ่มเกมมาได้ 10 นาทีในที่สุด เวลาที่เวย์น รูนี่ย์รอคอยก็มาถึง จากจังหวะที่ธีโอ วัลค็อตต์ล็อคบอลหลบผู้เล่นของสวิสตรงกลางสนามได้ดี และจ่ายต่อให้เกล็น จอห์นสันที่เติมขึ้นมาแล้วกระชากหนีกองหลังได้อย่างเร็วรวด ก่อนจะกระแทกบอลเลียดไปที่เสาแรก เจอร์เมน เดโฟพยายามเข้าฮอร์จแต่เห้นว่าไม่ได้เลยกระโดดข้าม ทำให้บอลหลุดไปถึงรูนี่ย์ที่วิ่งเติมขึ้นมาแปโล่งๆ ไม่เหลือ จบช่วงเวลาอันยาวนานที่ไม่สามารถยิงให้ทีมชาติได้ อังกฤษขึ้นนำไป 1-0

แต่หลังจากเพื่อนๆ ฉลองประตูกัน ธีโอ วัลค็อตต์ที่อุตส่าทำได้ดีตั้งแต่เริ่มเกม กลับได้รับบาดเจ็บนอนร้องโอดโอยอยู่ จากจังหวะที่เขาพยายามจะเติมขึ้นไปเข้าชาร์จลูกเปิดของเกล็น จอห์นสัน แต่ข้อเท้าดันไปล็อคกับเท้ากองหลังของสวิสที่ล้มตัวมาแบบไม่ได้ตั้งใจ ทำให้ข้อเท้าบิดงอกับพื้นแบบผิดธรรมชาติ ซึ่งดูจากภาพช้าแล้วหวาดเสียวสุด ๆ ก่อนที่เจ้าตัวจะนอนทำสีหน้าเจ็บปวด และต้องถูกห่ามขึ้นเปลออกไปนอกสนาม

จังหวะนี้บอกได้อย่างเดียวว่าซวยจริงๆ สำหรับปีกความเร็วแสงรายนี้

ฟาบิโอ คาเปลโล่จึงตัดสินใจเปลี่ยนเอาอดัม จอห์นสันปีกตัวจี๊ดจากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ลงไปเล่นแทน

ซาไกซัดผิดเหลี่ยม
นาทีที่ 20 อดัม จอห์นสันที่ลงมาเล่นแทนธีโอ วัลค็อตต์ก็แผลงฤทธิ์ความจี๊ดด้วยการเล่นต่อบอลกันทางเกล็น จอห์นสันก่อนที่ีจะสปีดไปรับบอลแล้วกระชากหนีกองหลังของสวิสเข้าไปเปิดเลียดด้วยขวาให้เจอร์เมน เดโฟที่เสาแรก แต่เหมือนหอก ซาไก จะต้องย้อนกลับมาตวัดยิง ทำให้บอลผิดเหลี่ยมลอยเคว้งออกหลังไร้ทิศทาง

มิลเนอร์ครอสแรกไปนิด-ซาไกไม่ทััน
นาทีที่ 28 เจมส์ มิลเนอร์เพิ่งจะโชว์การพาบอลไปเปิดจากริมเส้นได้จะๆ จากจังหวะที่เขากระชากบอลไปเปิดทางริมเส้นฝั่งซ้าย แต่บอลค่อนข้างแรง แม้ว่าจะผ่านเบนาลิโอมาได้แล้ว แต่เจอร์เมน เดโฟก็ไม่สามารถเข้าชาร์จได้ทัน หวิดไปนิดเดียวเท่านั้น

อย่ามั่นเกิน!ฮาร์ทเตะช้าทำเสียว
นาทีที่ 34 แฟนบอลครางฮือกันทั้งสนาม จากจังหวะที่กองหลังของอังกฤษจ่ายบอลคืนหลังให้กับโจ ฮาร์ท เจ้าตัวแตะบอลให้นิ่งก่อน ซึ่งนั่นทำให้ผู้เล่นของสวิสรีบพุ่งเข้ามาชาร์จทันที ฮาร์ทรีบเตะสวนออกไป บอลเฉียดผ่านสตั๊ดไปแค่ไม่กี่เซ็นเท่านั้น น่าหวาดเสียวแท้

AJ วูบวาบซัดได้ลุ้น
อีก 2 นาทีต่อมา อดัม จอห์นสันโชว์ทักษะให้กับแฟนบอลได้เห็นอีกครั้ง หลังจากขึ้นได้บอลทางฝั่งขวา แล้วเลี้ยงเลาะตัดเข้ากลาง และตัดสินใจซัดไกลนอกกรอบเขตโทษทันที บอลพุ่งแรง และเหมือนจะฮุคลงใต้คาน แต่แรงส่งไม่พอ ทำให้หลุดข้ามคานออกไปนิดเดียวเท่านั้น

หมู-ซาไกเกือบแผลงฤทธิ์
นาทีที่ 43 คู่หู หมู-ซาไก เกือบได้แผลงฤทธิ์อีกครั้ง จากจังหวะที่เวย์น รูนี่ย์ตักบอลให้กับเจอร์เมน เดโฟได้อย่างพอเหมาะในกรอบเขตโทษ เดโฟล็อคบอลหลอกก่อนหนึ่งจังหวะ ก่อนที่จะเอี้ยวหลบกองหลังของสวิสแล้วจัดการซัดด้วยขวาทันที แต่ถูกทางเบนาลิโอเซฟเอาไว้ได้

AJทำสวยโคตร-สิงโตกดดันได้ดี
ช่วงก่อนทดเวลาครึ่งแรก อดัม จอห์นสันโชว์ทั้งทักษะเฉพาะตัว และสปีดที่ยอดเยี่ยม จากจังหวะที่เขากระชากบอลหนีผู้เล่นของสวิสพร้อมกัน 3 คนตัดเข้ากลาง ดึงบอลไว้หนึงจังหวะ ก่อนที่จะไหลให้กับเวย์น รูนี่ย์ในกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย ไอ้หมูยึกยักก่อนแตะบอลทั้งกองหลัง และผู้รักษาประตู แต่ไม่มีมุมยิงเลยตักบอลไปเสาสองให้กับเจอร์เมน เดโฟพุ่งเข้าโหม่ง แต่ถูกหลังของสวิสเบียดเอาไว้ก่อน ทำให้บอลกระฉอกหลุดออกมา จังหวะนี้กดดันได้ดีไม่น้อยเลยทีเดียว

จบ 45 นาทีแรก อังกฤษขึ้นนำสวิตเซอร์แลนไปก่อน 1-0 จากการทำประตูของเวย์น รูนี่ย์ที่ยิงให้กับทีมชาติมาไม่ได้นานแสนนานแล้ว

ครึ่งหลัง

หมูจ่ายสวย-Ajวอลเล่ย์ออก
เริ่มเกมาครึ่งหลังมาได้แค่ 2 นาที อังกฤษก็ได้จังหวะลุ้นเลย จากลูกเปิดบอลเวย์น รูนี่ย์ที่จ่ายขวางไปในกรอบเขตโทษฝั่งขวาให้กับอดัม จอห์นสันได้วิ่งมาบวกด้วยซ้ายแบบไม่ต้องจับ แต่โดนกองหลังบีบทำให้ซัดหลุดออกหลังไป

GJส่องไกลใช้ได้ทีเดียว
นาทีที่ 58 เกล็น จอห์นสันหลังจากพยายามเปิดบอลเข้ากลางให้เพื่อนหลายครั้ง ก็ลองยิงด้วยตัวเองบ้าง จากจังหวะที่เขาเติมขึ้นมาฝั่งขวา แล้วเห้นว่าไม่มีช่องให้จ่ายเข้ากลาง เลยล็อคบอลเข้าเท้าซ้ายแล้วซัดไกลทันที บอลพุ่งไม่สูงแต่ทิศทางได้ลุ้นเสียบเสาสอง แต่ผู้รักษาประตูของสวิสก็พุ่งปัดออกไปได้ทัน

ฮาร์ททำเสียวซองแตก
อีก 3 นาทีต่อมา ชักยังไงแล้วสำหรับโจ ฮาร์ท จากจังหวะที่เขากระโดดขึ้นรับบอลที่ลอยโด่งอยู่บนฟ้าจากการสกัดของกองหลัง ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไร เพราะเจ้าตัวได้กระโดดขึ้นรับบอลโล่ง ๆ คนเดียว แต่ดันซองแตกบอลกระฉอก ยังดีที่มีแอชลี่ย์ โคลอยู่ข้างๆ ช่วยโหม่งบอลคืนกลับเข้ามือให้

ต่อเนื่อง!ฮาร์ทเสียวอีกดอก
นาทีที่ 62 โจ ฮาร์ททำเสียวต่อเนื่องกันเลยทีเดียว จากจังหวะที่ดาวิด เดเก้นเปิดบอลโค้งเข้าหาหน้าประตูอังกฤษ บอลเหมือนจะไม่มีอะไร แต่ผู้เล่นของทางสวิสมีการพุ่งเข้ามาหลอกแม้จะโหม่งบอลไม่ถึง แต่ก็ทำให้ฮาร์ทที่ตั้งใจจะรับให้ติดมือเสียจังหวะ ทำให้กระฉอกอีกครั้ง และก็โชคดีอีกแล้วที่มีกองหลังอยู่แถวนั้นพอดีพักบอลให้รับให้ได้

ช่วงนี้อังกฤษโดนทางสวิสทำเกมกดดันอย่างหนักหน่วงทำเอาฟาบิโอ คาเปลโล่ถึงกับเครียดเลยทีเดียว

สวิสระส่ำ!เหลือผู้เล่น 10 คน
อีีก 2 นาทีต่อมา สวิตเซอร์แลนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากแล้ว ทั้งที่กำลังทำเกมกดดันอังกฤษได้ดี จากจังหวะที่ลิชท์สไตน์เนอร์ไปสไลด์ขาเจมส์ มิลเนอร์ที่กระชากบอลขึ้นทางริมเส้นฝั่งขวาและกำลังจะแตะเข้ากลางล้มคะมำ ผู้ตัดสินวิ่งมาแจกใบเหลืองที่สองให้แบบไม่มีการลังเล

แม้ทางผู้เล่นของสวิสจะเข้ามาประท้วงคำตัดสิน แต่จากภาพช้าก็ชัดเจนว่าลิชท์สไตน์เนอร์เข้าถึงบอลช้ากว่าจริงๆ

AJแจ้งเกิดเต็มตัว!ซัดเม็ดสอง
นาทีที่ 69 ผู้เล่นของสวิตเซอร์แลนคงต้องโทษตัวเองอย่างเดียว จากจังหวะที่เจอร์เมน เดโฟมีอาการบาดเจ็บ จนลงไปนั่งกับพื้นสนาม แต่ไม่เตะออกให้ เพราะพยายามจะทำเกมบุกใส่อังกฤษ แต่ดันโดนตัดบอลได้ ก่อนที่อดัม จอห์นสันจะวิ่งฉีกแผงหลังของสวิสไปรับบอลทะลุช่องจากเพื่อนเข้าไปดวลเดี่ยวแล้วแตะหลบผู้รักษาประตู ก่อนที่แปด้วยซ้ายเข้าไปอย่างสวยงาม อังกฤษนำห่าง 2-0

ซาไกไม่ไหว-เบนท์ลงสนาม
นาทีที่ 70 ในที่สุดเจอร์เมน เดโฟที่มีอาการบาดเจ็บที่ข้อเท้าก็ทนไม่ไหว ถูกหามขึ้นเปลออกนอกสนามไป โดยอังกฤษส่งตัวดาร์เรน เบนท์ลงมายืนหน้าแทน

งานนี้คงไม่มีใครเซ็งเกินไปกว่าแฮร์รี่ เร้ดแนปป์กุนซือสเปอร์ส เพราะก่อนหน้านี้เพิ่งจะเสียไมเคิ่ล ดอว์สันไปจากการรับใช้ทีมชาติ

สวิสเอาคืน!ส่องไกลงามหยด
เกมมันส์สุดตีนขึ้นทุกขณะ นาทีที่ 71 ชากิริที่เพิ่งจะถูกเปลี่ยนตัวลงมาเล่นในช่วงพักครึ่ง ก็ยิงประตูสุดสวยเพิ่มความหวังให้กับทีมชาติสวิตเซอร์แลนขึ้นมา จากจังหวะที่เขาแต่งบอลอยู่หน้ากรอบเขตโทษ ก่อนตัดสินใจกระชากแตะบอลเข้าซ้ายแล้วซัดเต็มตีนเตี่ย บอลพุ่งไซร้ทั้งเร็ว และแรงหักเปลี่ยนทิศทางกลางอากาศเข้าไปกระแทกตาข่ายเต็มๆ ชนิดที่โจ ฮาร์ทสะดุ้งบินไปรับยังไงก็ไม่ทัน สวิตเซอร์แลนที่เหลือ 10 คนไล่ขึ้นมาเป็น 2-1 แล้ว

หมูถูกถอด-ไรท์จิ๋วลง
นาทีที่ 79 ฟาบิโอ คาเปลโล่เห็นท่าไม่ดี เพราะทีมถูกกดดันอย่างหนักหลังเสียประตูตีตื้นไป ทำให้ต้องแก้เกมด้วยการส่งฌอน ไรท์-ฟิลิปป์ลงไปเล่นแทนเวย์น รูนี่ย์ เพราะต้องการเล่นเกมสวนกลับแบบจี๊ดๆ

ไรท์จิ๋วจ่ายสมเป็นตัวสำรอง
นาทีที่ 86 ฌอน ไรท์-ฟิลลิปป์ขว้างโอกาสที่จะทำให้ทีมนำ 3-1 ไปแบบเซ็งสุดๆ จากจังหวะที่เขาวิ่งหลุดกับดักล้ำหน้าตีคู่กับทางดาร์เรน เบนท์ไปได้แล้ว แต่เจ้าตัวกลับไหลบอลให้เบนท์ที่ยืนรอล่อเป้าโล่งๆ เบาหวิว แถมทิศทางยังแย่ ทำให้ถูกกองหลังที่วิ่งตามมาสกัดเอาไว้ได้

โล่งแล้ว!เบนท์เปิดซิงให้สิงโต
อีกแค่ 2 นาทีต่อมา ดาร์เรน เบนท์ก็มาทำประตูช่วยให้อังกฤษได้หายโล่งใจเสียที จากจังหวะที่เขาหลุดกับดักล้ำหน้าไปรับบอลในกรอบเขตโทษฝั่ง ก่อนที่จะตัดสินใจซัดด้วยซ้ายทันที บอลพุ่งเข้าไปที่เสาแรกชนิดเฉียบคมสุดๆ อังกฤษนำ 3-1 คงไม่พลิกแล้ว

จบ 90 นาทีอังกฤษเอาชนะสวิตเซอร์แลนไปได้ 3-1 เดินหน้าคว้าชัย 2 นัดติด มีคะแนนเต็มในยูโร 2012 รอบคัดเลือก นำเป็นอันดับหนึ่งในกลุ่ม เนื่องจากมีประตูได้เสียดีกว่าทางมอนเตรเนโกที่คะแนนเท่านั้นอยู่ 4 ลูก

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

สวิตเซอร์แลน :
ดิเอโก้ เบนาลิโอ 5,สเตฟาเน่ กริชติง 5,สเตฟาน ลิชท์สไตน์เนอร์ 4 ,สตีฟ วอง แบร์เก้น 4.5,เรโต ซีกเลอร์ 4,ดาวิด เดเก้น 5.5(สเตรลแลร์ น.64,5),ฮาเวียร์ มาร์กีราซ 5(ชากิริ น.46,6.5),เพอร์มิน ชเวกเลอร์ 4.5(คอสทานโซ่ น.83),ก็อกคาน อินแลร์ 6,อเล็กซานเดอร์ ฟราย 5,อีเรน เดร์ดิยอค 5

อังกฤษ : โจ ฮาร์ท 6,ฟีล จากีลก้า 6.5,โจเลี่ยน เลสค็อตต์ 6,แอชลี่ย์ โคล 6,เกล็น จอห์นสัน 6.5,สตีเว่น เจอร์ราร์ด 6.5,แกเร็ธ แบร์รี่ 5.5,เจมส์ มิลเนอร์ 6.5,ธีโอ วัลค็อตต์ 6(จอห์นสัน น.13,7.5),เจอร์เมน เดโฟ 6(เบนท์ น.70,6.5),เวย์น รูนี่ย์ 7.5 *(ไรท์-ฟิลลิปส์ น.79)
































_________________
##### ได้รู้ความจริง ได้ยิ่งกว่าฟุตบอล อ่าน SoccerSuck #####

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์