ตราหมีซิวแชมป์ ซูเปอร์คัพ หักคองูใหญ่2-0

"ตราหมี" แอตเลติโก มาดริด เถลิงบัลลังก์ขึ้นครองแชมป์ยูฟ่า ซุปเปอร์คัพ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร หลังต้อนเอาชนะ อินเตอร์ มิลาน 2-0

ศึกฟุตบอลยูฟ่า ซุปเปอร์คัพ 2010 เมื่อวันที่ 27 ส.ค. ที่สต๊าด หลุยส์ เดอซ์ ในโมนาโก ทีมแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก "งูใหญ่" อินเตอร์ มิลาน ปะทะฝีเท้าทีมแชมป์ยูโรปาลีก "ตราหมี" แอตเลติโก มาดริด โดยฝ่ายแรกที่มีกุนซือ ราฟาเอล เบนิเตซ นำทัพจัดชุดใหญ่ให้ ดีเอโก มิลิโต ยืนกองหน้าคู่กับ ซามูเอล เอโต และ เวสลีย์ สไนเดอร์ รับบทตัวปั้นเกม ขณะที่ฝั่งทีมลีกสเปนของ กิเก ซานเชซ ฟลอเรส ฝากหวังไว้ที่สองหัวหอก ดีเอโก ฟอร์ลัน กับ เซร์คิโอ อเกวโร

เปิดฉากเขี่ยบอลมา เป็น อินเตอร์ ได้ทักทายก่อนสองจังหวะติดๆ นาทีแรก ไมคอน เติมขึ้นมาตักบอลให้ สไนเดอร์ วิ่งเข้ามาสับไกยิงมุมแคบ แต่บอลลอยโด่งข้ามคานชนิดไม่ได้ลุ้น แล้วอีกสองนาทีถัดมา กองหลัง แอต.มาดริด ไปสกัดบอลลูกเปิดของ เอโต ไม่ขาด บอลเข้าทางปืน มิลิโต ได้ซัดเน้นๆ แต่แนวรับทีมตราหมียังแก้ตัวเข้ามาช่วยบล็อกพ้นอันตรายออกไป

จากนั้นทั้งสองทีมต่างมีโอกาสได้ประตูขึ้นนำด้วยกันทั้งคู่ อินเตอร์ ได้ลุ้นจากจังหวะเติมขึ้นโขกลูกเตะมุมของ วอลเตอร์ ซามูเอล ในนาที 28 แต่โหม่งบอลข้ามคาน ส่วน แอต.มาดริด มีลุ้นช่วงท้ายครึ่งแรกสองจังหวะเน้นๆ จาก อเกวโร ทั้งสองลูก แต่ซัดไม่เข้ากรอบ จบครึ่งแรก ทั้งสองทีมยังเสมอกันอยู่ 0-0

ครึ่งหลัง ช่วงแรกเป็นแข้งตราหมีที่ดูวูบวามกว่า โดยเฉพาะเกมโต้กลับในนาที 49 โฆเซ เรเยส ประสานงานทำชิ่งกับ ดีเอโก ฟอร์ลัน ก่อนได้จังหวะยิงให้ ชูลิโอ เซซาร์ ต้องออกแรงโชว์ซูเปอร์เซฟเอาไว้ แต่อย่างไรก็ตาม อีกสามนาทีถัดมา เรเยส ก็แผลงฤทธิ์อีกครั้ง และคราวนี้ส่งบอลซุกก้นตาข่ายได้สำเร็จ อเกวโร ผ่านบอลให้ เรเยส ลากบอลไปซัดมุมแคบ เสียบเสาจน เซซาร์ ล้มตัวปัดลูกไม่ออก ทำให้ แอต.มาดริด ขึ้นนำ 1-0

เกม 45 นาทีหลังเป็น แอต.มาดริด ที่ดูดีกว่า ก่อนจะมาได้ประตูหนีห่าง 2-0 ในนาที 83 ซิเมา พาบอลหนี ไมคอน ตรงกราบซ้าย เปิดลุ้นมาหน้าประตู แล้วเป็น อเกวโร ปราดเข้าแปบอลระยะเผาขนเข้าประตูไป ขณะที่ท้ายเกมนาที 89 อินเตอร์ เหมือนจะมีลุ้นได้อีกเฮือก เมื่อได้จุดโทษจากจังหวะที่ โกรัน ปานเดฟ โดนทำฟาลว์ แต่ มิลิโต กลับซัดไปให้ ดาบิด เด เคอา นายด่านตราหมีเซฟไว้ได้ ส่งผลให้จบเกมเป็น แอตเลติโก มาดริด ที่เอาชนะ อินเตอร์ มิลาน 2-0 คว้าแชมป์ซุปเปอร์คัพในปีนี้ไปครองเป็นสมัยแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร