จากเด็กเก็บบอลสู่รองเท้าทองคํา

จากเด็กเก็บบอลสู่รองเท้าทองคํา

แจ้งเกิดได้อย่างเต็มตัวในศึกฟุตบอลโลก 2010 สำหรับ โธมัส มุลเลอร์ เด็กปั้นของบาเยิร์น มิวนิค ที่คว้ารางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์และรองเท้าทองคำไปครองจาก การซัดไป 5 ประตูให้ทีมชาติเยอรมนี



มุ ลเลอร์ สามารถเล่นได้ทั้งตำแหน่งกองหน้าตัวต่ำ, มิดฟิลด์ตัวรุกหรือแม้กระทั่งปีก โดยแม้จะมีอายุเพียง 20 ปี แต่เจ้าหนูรายนี้ก็ได้รับการยกย่องอย่างมากทั้งในเรื่องของความเร็ว, เทคนิค, การครองบอล, ความเฉียบขาดในการพังประตู และการจ่ายบอลอันชาญฉลาด


หลังจากที่เริ่มต้นการเป็นนักเตะเยาวชนให้กับทีมฟาลแล้ว มุลเลอร์ ได้ย้ายมาเล่นให้ทีมบาเยิร์น มิวนิค เมื่อปี 2000 ด้วยวัยเพียง 10 ขวบ ก่อนจะพัฒนาตัวเองขึ้นมาเรื่อยๆ ในระดับทีมเยาวชนซึ่งเขาคว้ารองแชมป์บุนเดสลีก้า ชุดอายุไม่เกิน 19 ปี เมื่อปี 2007


จากนั้น มุลเลอร์ ก็ได้เลื่อนขึ้นมาเล่นในทีมสำรองของทีม เสือใต้ ในเดือนมี.ค. 2008 โดยเกมแรกเป็นการพบกับ อุนเตอร์ฮัคคิง ซึ่งเขาสามารถทำประตูได้ด้วย โดยหลังจากนั้น มุลเลอร์ ก็ลงเล่นในทีมสำรองเพิ่มอีก 2 นัดในฤดูกาล 2007-08 ในขณะเดียวกับที่ลงเล่นให้ทีมชุดอายุไม่เกิน 19 ปีด้วย


ฤดูกาลต่อมา บาเยิร์น ลงเล่นในลีก้า 3 ซึ่งเพิ่งก่อตั้งใหม่ และ มุลเลอร์ ก็กลายเป็นผู้เล่นคนสำคัญด้วยการลงเล่น 32 จาก 38 เกม และทำไป 15 ประตูก่อนจะจบซีซั่นด้วยการเป็นดาวซัลโวอันดับที่ 5


ฟอร์มการเล่นที่น่าประทับใจทำให้ มุลเลอร์ ถูกเรียกตัวไปเล่นในทีมชุดใหญ่เป็นครั้งแรกในช่วงปรีซีซั่น 2008-09 ก่อนจะได้ประเดิมสนามนัดแรกในศึกบุนเดสลีก้ากับ ฮัมบูร์ก เมื่อวันที่ 15 ส.ค. 2008 โดยฤดูกาลนั้น มุลเลอร์ ลงเล่นในเกมลีกเพิ่มอีก 3 นัด และได้ลงเล่นแชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 10 มี.ค. 2009 หลังจากที่ถูกเปลี่ยนตัวลงไปในนาทีที่ 72 แทน บาสเตียน ชไวน์สไตน์เกอร์ ในเกมที่ถล่ม สปอร์ติง ลิสบอน 7-1 และเขายังทำประตูสุดท้ายในบาเยิร์น ถล่มคู่แข่งจากโปรตุเกสรวม 2 นัด 12-1 ด้วย


เดือนก.พ. 2009 มุลเลอร์ ก็ได้เซ็นสัญญาฉบับแรกกับทีมชุดใหญ่ โดยมีผลตั้งแต่ฤดูกาล 2009-10 เช่นเดียวกับเพื่อนร่วมทีมสำ รองอย่าง โฮลเกอร์ บาดสตูเบอร์ และนับตั้งแต่ หลุยส์ ฟาน กัล เข้ามาคุมทีม เสือใต้ ทั้ง มุลเลอร์ และ บาดสตูเบอร์ ก็ได้ลงเล่นอย่างต่อเนื่องในตำแหน่ง 11 คนแรก


มุลเลอร์ ได้รับตำแหน่งผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำเดือนพ.ย. ของบุนเดสลีก้า และได้รับคำชื่นชมอย่างมากจาก แกร์ด มุลเลอร์ อดีตตำนานกองหน้าทีมชาติเยอรมนี


เมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2010 บาเยิร์น ก็ได้ประกาศว่าพวกเขาได้ต่อสัญญาฉบับใหม่ให้กับ มุลเลอร์ ซึ่งจะทำให้เขาอยู่ในถิ่นอลิอันซ์ อารีน่า ไปจนถึงปี 2013 โดยช่วงครึ่งฤดูกาลหลังมักจะเล่นในตำแหน่งหน้าต่ำ โดยประสานงานร่วมกับฟรองค์ ริเบรี่ และ อาร์เยน ร็อบเบน


ในเกมนัดก่อนรองสุดท้ายของซีซั่น มุลเลอร์ ทำแฮตทริกแรกให้กับ เสือใต้ ในเกมที่ชนะ โบคุ่ม 3-1 และช่วยให้ยักษ์ใหญ่แห่งบาวาเรียคว้าแชมป์บุนเดสลีก้ามารองได้สำเร็จ โดยเจ้าหนูวัย 20 ปีลงเล่นในเกมลีกครบทั้ง 34 นัด โดยเป็นตัวจริงถึง 29 ครั้ง และทำไป 13 ประตูบวกกับช่วยผ่านบอลให้เพื่อนร่วมทีมทำประตูอีก 11 ครั้ง


หลังจากนั้น มุลเลอร์ ก็ทำอีก 1 ประตูและแอสซิสต์อีก 2 ครั้งให้ บาเยิร์น ถล่มแวร์เดอร์ เบรเมน 4-0 ในรอบชิงชนะเลิศเดเอฟเบ โพคาล ซึ่งทำให้ทีมของ ฟาน กัล คว้าดับเบิลแชมป์ได้สำเร็จ และนั่นทำให้เขาเป็นผู้เล่นที่ทำประตูสูงสุดให้กับทีมในฤดูกาล 2009-10


อย่างไรก็ตาม มุลเลอร์ พลาดโอกาสที่จะคว้าทริปเปิลแชมป์อย่างน่าเสียดาย เมื่อพวกเขาพ่ายให้กับ อินเตอร์ ในรอบชิงชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ ลีก ที่กรุงมาดริด โดยสรุปผลงานทั้งซีซั่น ปรากฎว่าดาวโรจน์รายนี้ ลงเล่นไป 52 เกมและทำได้ 19 ประตูในทุกถ้วย


จากฟอร์มการเล่นอันยอดเยี่ยมดังกล่าวทำให้ มุลเลอร์ ได้รับรางวัลนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลของ คิกเกอร์ แม็กกาซีนลูกหนังเล่มดังของเมืองเบียร์ ซึ่งคะแนนทั้งหมดมาจากการโหวตของเพื่อนร่วมอาชีพ


สำหรับผลงานในทีมชาตินั้น มุลเลอร์ เป็นนักเตะตัวหลักในทีมเยาวชนตั้งแต่รุ่นอายุไม่เกิน 16 ปีเป็นต้นมา และเพิ่งจะมีชื่อติดทีมยู-21 ของเยอรมนีเป็นครั้งแรกในเดือนส.ค. 2009 ในเกมอุ่นเครื่องที่ชนะตุรกี โดยเขาติดทีมชุดนี้ไปทั้งหมด 6 ครั้งและทำไป 1 ประตูในเกมที่ถล่ม ซาน มาริโน่ 11-0


จากนั้น เขาก็ถูก โยอาคิม เลิฟ บุนเดสเทรนเนอร์ เรียกให้มาติดทีมชุดใหญ่ ก่อนจะได้ลงเล่นเป็นครั้งแรกในเกมกระชับมิตรที่แพ้ อาร์เจนติน่า 0-1 ในเดือนมี.ค. 2010 จากนั้น ซึ่งเป็นเกมที่เล่นกันในอลิอันซ์ อารีน่า สนามของบาเยิร์น นั่นเอง


ผลงานที่โดดเด่นในลีกกับ เสือใต้ ทำให้ มุลเลอร์ มีชื่อติดทีม อินทรีเหล็ก ชุดลุยศึกฟุตบอลโลก ที่แอฟริกาใต้ และได้สวมเสื้อหมายเลข 13 แทนที่ มิชาเอล บัลลัค กัปตันทีม ที่โชคร้ายชวดลงเล่นในทัวร์นาเมนต์นี้เนื่องจากได้รับบาดเจ็บอย่างหนักที่ ข้อเท้า


แม้ว่าจะลงเล่นฟุตบอลโลกเป็นครั้งแรก แต่ มุลเลอร์ ก็แจ้งเกิดอย่างเต็มตัว เริ่มจากทำประตูแรกในทีมชาติชุดใหญ่ในเกมแรกของรอบแบ่งกลุ่ม ซึ่ง อินทรีเหล็ก ถล่ม ออสเตรเลีย 4-0


จากนั้น มุลเลอร์ ก็ทำ 2 ประตูในนัดที่ชนะอังกฤษอย่างขาดลอย 4-1 ตามด้วยการทำอีกประตูในนัดที่ต้อน ฟ้า-ขาว อาร์เจนติน่า ในรอบก่อนรองชนะเลิศ ก่อนที่จะโชคร้ายอดลงเล่นในรอบตัดเชือก เพราะติดโทษแบนจากการสะสมใบเหลืองครบ และทีมของ เลิฟ ก็ต้องพ่ายให้กับ สเปน หวุดหวิด 0-1


มุลเลอร์ กลับมาลงเล่นได้อีกครั้งในนัดชิงที่ 3 ซึ่งเขาก็ทำประตูที่ 5 ได้สำเร็จ ในเกมที่เยอรมนี เฉือนชนะ อุรุกวัย 3-2 และนั่นทำให้เขาจบทัวร์นาเมนต์ด้วยการเป็นดาวซัลโวเท่ากับดาวิด บีย่า, เวสลี่ย์ สไนจ์เดอร์ และ ดีเอโก้ ฟอร์ลัน แต่ มุลเลอร์ คว้ารางวัลรองเท้าทองคำมาครองเพราะทำแอสซิสต์มากที่สุดในบรรดาผู้เล่นทั้ง 4 คน


ไม่เพียงเท่านั้น เขายังคว้ารางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมในศึกฟุตบอลโลกไปอย่างไร้ข้อโต้แย้งด้วย และไม่ต้องสงสัยเลยว่าหลังจบทัวร์นาเมต์ที่แอฟริกาใต้ มุลเลอร์ จะกลายเป็นผู้เล่นเนื้อหอมขึ้นมาทันที โดย ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ประธานสโมสรเรอัล มาดริด ต้องการจะดึงตัวไปร่วมทีม แต่นักเตะลูกหม้อของบาเยิร์น ก็ยืนยันว่าเขาไม่ต้องการย้ายไปไหนและอยากอยู่กับ เสือใต้ ไปอีก 10 ปีเลยทีเดียว


สำหรับชีวิตส่วนตัวนั้น มุลเลอร์ แต่งงานแล้วกับ ลิซ่า ในเดือน ธ.ค. 2009 หลังจากที่หมั้นกันมา 2 ปี


 







































ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อ : โธมัส มุลเลอร์
วันเกิด : 13 กันยายน 1989
เกิดที่ : วิลไฮม์, เยอรมนี
ตำแหน่ง : กองหน้า / มิดฟิลด์ตัวรุก
ส่วนสูง : 186 ซม.
สโมสรปัจจุบัน : บาเยิร์น มิวนิค
หมายเลขเสื้อ : 25




สโมสรอาชีพ



















ปี สโมสร ลงเล่น ประตู
2008 - 2009 บาเยิร์น มิวนิค II 35 16
2009 - ปัจจุบัน บาเยิร์น มิวนิค 38 13




ทีมชาติ







2010 - ปัจจุบัน เยอรมนี 8 5
http://football.impaqmsn.com/content.aspx?id=58770&ch=256&ch=player

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์