10 ดาวรุ่งพุ่งชนฟุตบอลโลก 2010

.




เชื่อว่า ตอนนี้ใครหลายคนยังคงไม่ลืมชอตที่เจ้าหนู เบบี้โกล ไมเคิล โอเวน ใช้ความเร็ว ลากบอลหนีแนวรับทีมชาติอาร์เจนตินา กว่าครึ่งสนาม ก่อนหลุดเข้าไปยิงประตูให้ทีมชาติอังกฤษ เมื่อครั้งฟุตบอลโลกปี 1998 ที่ฝรั่งเศส
จังหวะนั้น สร้างชื่อให้กับ โอเวน ก่อนที่เจ้าตัวจะสถาปนาตัวเอง กลายมาเป็นกองหน้าที่ดีที่สุดของโลกคนนึงในเวลาต่อมา รวมถึงก้าวขึ้นไปหยิบรางวัลบัลลงดอร์มาแล้ว แม้วันนี้ โอเวน อาจจะไม่เหลือเค้าความเป็นเบบี้โกลในอดีต หลังเจออาการบาดเจ็บเรื้อรังเล่นงาน จนอาชีพ
นักเตะร่อแร่เต็มที่ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม มั่นใจว่า คงไม่ใครลืมประตูที่เขายิงประตูใส่ทีมอาร์เจนตินา ลงแน่
โอเวน คือประวัติศาสตร์บทนึงที่ถูกเขียน
ฟุตบอลโลกปี 1998 เหมือนกับที่เราได้รู้จัก โรนัลดินโญ ในปี 2002 หรือจะเป็น ลูคัส โพดอลสกี จากปี 2006 และอีกมากมายที่ต่างใช่เวทีเวิลด์คัพ สร้างชื่อตัวเองให้วงการลูกหนังโลกรู้จัก แล้วปี 2010 นี้ล่ะ เราจะได้รู้จักใคร...


10.โซติริส นินิส(กรีซ)
เพลย์เมกเกอร์วัยเพียง 20 ปี แต่จัดว่า ประสบการณ์มากพอตัว หลังก้าวขึ้นมาเล่นทีมชุดใหญ่ของ พานาธิไนกอส เมื่อปี 2007 แม้จะเป็น
นักเตะร่างเล็ก แต่จุดเด่นของเจ้าหนูคนนี้อยู่การจ่ายบอล โดยเฉพาะจังหวะ คิลเลอร์พาส ที่เป็นทีเด็ด รวมถึงการยิงไกลจากทุกระยะ ถือเป็นท่าไม้ตายของ นินิส ด้วยเช่นกัน และด้วยสไตล์การเล่นที่เปี่ยมไปด้วยความสร้างสรรค์ เชื่อว่า เจ้าตัวน่าจะเข้าขากับ จิออร์กอส คารากูนิส มิดฟิลด์วัยเก๋าได้อย่างแน่นอน
ในทีแรก อ็อตโต เรห์ฮาเกล เหมือนจะยังไม่กล้าฝากภาระไว้ที่ นินิส สักเท่าไหร่ ทั้งที่เจ้าตัวอุตส่าห์ทำสถิติเป็น
นักเตะกรีซ ที่อายุน้อยที่สุดที่ยิงประตูให้กับทีมชาติได้ หลังสร้างชื่อบนสกอร์บอร์ดตั้งแต่เกมแรกที่ลงสนาม ส่งผลให้ฟุตบอลโลก 2010 ที่แอฟริกาใต้ จะเป็นเพียงทัวร์นาเมนต์ระดับชาติรายการแรก ที่เจ้าตัวได้โอกาสโชว์ฝีเท้า แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ แม้จะยังพิสูจน์ตัวเองไม่มากนัก แต่ก็มีทีมอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ เอซี มิลาน พร้อมจะทุ่มเงินสูงเหยียบ 10 ล้านยูโร ซื้อ นินิส ไปร่วมทีมในช่วงซัมเมอร์นี้ก็แล้วกัน


9. วอลเตอร์ เบียร์ซา(สโลเวเนีย)
เป็นเรื่องที่น่าเซอร์ไพรส์ไม่น้อย ที่ เบียร์ซา มักรอดตัวเขาจากข่าวคราวการย้ายทีมทั้งหลาย ทั้งที่ดาวเตะวัย 23 ปี ซึ่งบ่อยครั้ง หลายคนนึกว่าเป็นกองหน้า มีจุดเด่นทั้งเรื่องความฟิต, ความทุ่มท, ครองบอลได้ดี, อ่านเกมได้เยี่ยม รวมถึงยังยิงประตูได้ดี  โดยเฉพาะเกมนัดเพลย์ออฟของ
ฟุตบอลโลก ซึ่ง เบียร์ซา เป็นคนยิงประตูที่สอย รัสเซีย อกหักตกรอบไปด้วย
หลังคว้าแชมป์บอลถ้วยกับ โซโชซ์  ในปี 2007 โอแซร์ ก็ยอมจ่ายเงิน เพื่อคว้าตัว เบียร์ซา มาเสริมทัพในช่วงเดือนมกราคม ปี 2009 ก่อนจะกลายเป็นส่วนนึง ที่ทำให้ทีมคว้าอันดับสามในศึกลีกเอิง คว้าตั๋วฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก มาครองได้สำเร็จ ในฤดูกาลที่ผ่านมา และถ้าหาก เบียร์ซา เกิดโชว์ฟอร์มสุดยอดใน
ฟุตบอลโลกครั้งนี้ คงเป็นงานหนักของ โอแซร์ หากจะคิดหวังรั้งเจ้าตัวเอาไว้กับทีมต่อไป


8.จอง แต-เซ(เกาหลีเหนือ)
จอง แต-เซ ถือว่า เป็นกรณีที่แปลกมาก สำหรับเกาหลีใต้ เนื่องจากเจ้าตัวเกิดที่เมืองนาโกยา ในครอบครัวชาวเกาหลีใต้ ที่อพยพมาตั้งถิ่นฐานในญี่ปุ่น แต่หลังจากที่เข้าเรียนในโรงเรียนชองรยอน สถานศึกษาของชาวเกาหลี รวมถึงเรียนที่มหาวิทยาลัยเกาหลี ในโตเกียว ซึ่งทั้งสองสถาบัน เป็นที่ๆ มีความสัมพันธ์กับทางโสมแดง ทำให้หัวหอกวัย 26 ปี เปลี่ยนความคิดขอเล่นให้กับเกาหลีเหนือ แทนที่จะเป็นเกาหลีใต้ ตามบรรพบุรษของตัวเอง
แน่นอนว่า ด้วยความสามารถของ จอง แต-เซ ทำให้เจ้าตัวได้การต้อนรับจากทีมฟุตบอลเกาหลีเหนือเป็นอย่างดี ส่งผลให้กองหน้าจาก คาวาซากิ ฟรอนตาเล รายนี้กลายเป็นความหวังสูงสุดของแดนคอมมิวนิสต์ ในการล่าประตูทีมอย่าง บราซิล, โปรตุเกส และ ไอวอรี โคสต์ คู่แข่งสุดหินในกรุ๊ปออฟเดธทันที
จอง แต-เซ ถือเป็นดาวยิงที่สามารถเล่นได้ค่อนข้างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งตัวเป้า คอยพังประตูในกรอบเขตโทษ หรือการขยับถอยต่ำมาเป็นกองหน้าคนที่สอง อย่างในเกมอุ่นเครื่องที่เสมอกับ กรีซ 2-2 ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยที่ใครๆ จะเรียกเขาว่า รูนีย์ แห่งเกาหลี


7. ทากายูกิ โมริโมโต(ญี่ปุ่น)
อเล็กซานเดร ปาโต เคยพูดยกย่องกองหน้าจาก คาตาเนีย รายนี้ว่า เป็นดาวรุ่งที่ดีที่สุดในเวทีกัลโช ซีรีเอ แต่น่าเสียดายที่ทั้งคู่กลับต้องอดวัดฝีเท้าใน
ฟุตบอลโลก 2010 เนื่องจากรายแรกโดน ดุงกา กุนซือทีมชาติบราซิลหมางเมินไม่เรียกติดทีม ต่างกับ โมริโมโต ที่จะได้โอกาสโชว์ฝีเท้า เพื่อเป็นบันไดไต่ไปค้าแข้งกับทีมใหญ่ โดยเฉพาะเมื่อครั้งนึงที่ดาวเตะวัย 22 ปีรายนี้ เคยตกเป็นเป้าหมายกับทีมอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาแล้ว
อย่างไรก็ตาม ด้วยปัญหาเจ็บเข่าเรื้อรัง ทำให้ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ลดระดับความสนใจ โมริโมโต ลงไป แต่ก็ยังมี อาร์แซน เวงเกอร์ ที่เข้ามาเป็นแฟนคลับรายใหม่ของเจ้าตัวแทน พร้อมกับอย่างที่รู้ๆ กันว่า หากทีมไหนได้ตัวเจ้าของสถิติอายุน้อยที่สุดที่ยิงประตูในเจลีกรายนี้ไปร่วมทีม ก็จะได้ฐานแฟนคลับชาวญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นมาอีกมากโข
ทั้งนี้ทั้งนั้น โมริโมโต ซึ่งกดไป 12 เม็ด ในการเล่นให้กับ คาตาเนีย 2 ปีที่ผ่านมา ยังไม่ได้รับโอกาสให้ลงสนามภายใต้สีเสื้อ ซามูไรสีน้ำเงิน มากสักเท่าไหร่ แต่ไม่แน่
ฟุตบอลโลกปีนี้ ปัญหาฟอร์มฝืดของญี่ปุ่น อาจจะเป็น โมริโมโต ที่กลายเป็นคำตอบให้กับทีมก็เป็นได้


6. มิโรสลาฟ สต็อค(สโลวาเกีย)
แม้ เชลซี จะยังไม่ค่อยไว้วางใจ สต็อค มากนัก หลังให้โอกาสดาวรุกสารพัดประประโยชน์ที่เล่นได้ทั้งปีกซ้าย, เพลย์เมกเกอร์ และกองหน้าคนที่สอง ลงสนามในฤดูกาล 2008-09 ไปเพียงแค่ 6 นัดเท่านั้น จนฤดูกาลที่ผ่านมา สต็อค ต้องระเห็จมาเล่นในลีกฮอลแลนด์กับ ทเวนเต แต่กลายเป็นว่า การเล่นภายใต้คุมทีมของ สตีฟ แม็คคลาเรน กลับทำให้ สต็อค สามารถโชว์ทีเด็ดทั้งเรื่องการมองเกม และการยิงประตู จนช่วยให้ ทเวนเต สามารถคว้าแชมป์ลีกดัตช์มาครองได้สำเร็จในฤดูกาลที่ผ่านมา
โดย สต็อค วัย 20 ปี สามารถพังประตูไปได้ 10 ลูก ตอบแทนความไว้วางใจของ แม็คคลาเรน และเป็นกุญแจสำคัญของ ทเวนเต ในการคว้าแชมป์ จนล่าสุด มีรายงานว่า กาลาตาซาราย ยักษ์ใหญ่จากลีกตุรกี พร้อมจะทุ่มเงิน 2.5 ล้านปอนด์ เพื่อดึงตัวเจ้าหนูวัย 20 ปีรายนี้ไปร่วมทีม แต่เชื่อว่า คงจะมีอีกหลายทีมที่ตามจีบ สต็อค ไปร่วมทีมในช่วงซัมเมอร์นี้ หากได้ยลฝีเท้าของเขาในเวิลด์คัพครั้งนี้


5. คิ ซุง-ยอง(เกาหลีใต้)
ต่างชาติพยายามที่จะจดจำชื่อของ คิ ซุง-ยอง ด้วยการเรียกเขาง่ายๆ ว่า เดวิด คี มากกว่า ซึ่งมันเป็นชื่อที่เจ้าตัวได้รับระหว่างใช้ชีวิตอยู่ในออสเตรเลีย ยาวถึง 5 ปี ซึ่งเป็นที่ๆ คุณพ่อส่งเขาไปเรียนทักษะฟุตบอล อย่างไรก็ตาม แฟนบอลเกาหลี โดยเฉพาะของ เอฟซี โซล กลับพยายามเรียกเขาว่าเป็น สตีเวน เจอร์ราร์ด แห่งเกาหลีมากกว่า เมื่อดูจากสไตล์การเล่นในแผงมิดฟิลด์ของเจ้าตัว
แม้จะอายุอานามเพียงแค่ 21 ปี แต่ คิ ซุง-ยอง ก็ถูกจัดให้เป็นหนึ่งในดาวรุ่งที่น่าจับตามองที่สุดคนนึง ของวงการฟุตบอลเอเชีย แถมยังมีข่าวว่า แมนฯยูไนเต็ด ประทับใจฝีเท้าของเจ้าตัวในศึกฟุตบอลเยาวชนโลก ยู-20 เมื่อปี 2007 แต่สุดท้ายก็กลับกลายเป็น กลาสโกว์ เซลติก ที่ตัดหน้าทุ่มเงิน 2 ล้านปอนด์ หยิบชิ้นปลามันนี้ไปครอง
และด้วยการประสานงานกันในแผงกองกลางร่วมกับ ปาร์ค จี-ซุง และ ลี ชุง-ยอง ทำให้
นักเตะพลังโสมชุดนี้ ถูกยกว่า เป็นชุดที่กองกลางที่ดีที่สุดชุดนึงเท่าที่เคยมีมาเลยทีเดียว แต่เราคงต้องลุ้นกันว่า จะดีพอที่ทำให้ เกาหลีใต้ ผ่านเข้าสู่รอบสองไปได้หรือไม่


4. คริสเตียน เอริคเซน(เดนมาร์ก)
สั้นๆ ง่ายๆ สำหรับ คริสเตียน เอริคเซน คือ นิว ไมเคิล เลาดรุ๊ป เจ้าหนูรายนี้ขยับจากทีมเยาวชนของเดนมาร์ก ก้าวขึ้นมาเล่นทีมชุดใหญ่ ด้วยวัยเพียงแค่ 18 ปีเท่านั้น หลังลงสนามให้กับแดนโคนม เมื่อช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา 
โดย เอริคเซน ได้รับการยกย่องอย่างมากจาก แฟรงค์ เดอ บัวร์ สตาฟฟ์โค้ชของ อาแจ๊กซ์ อัมสเตอร์ดัม ที่ชูว่าเจ้าตัวจะกลาย
นักเตะในสไตล์เบอร์ 10 ที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสร รวมถึงการที่ มาร์ติน โยล เองก็จับ เอริคเซน ไปเปรียบเทียบว่ามีดีไม่แพ้สตาร์รุ่นพี่อย่าง เวสลีย์ สไนจ์เดอร์ หรือ ราฟาเอล ฟาน เดอ ฟาร์ท เหมือนกัน
ก่อนหน้านี้ มีทีมใหญ่อย่าง บาร์เซโลนา, เรอัล มาดริด และ แมนฯยู ที่มีข่าวว่า สนใจดึง เอริคเซน ไปร่วมทีม แต่เจ้าตัวยืนยันชัดเจนว่า ต้องการอยู่กับ อาแจ๊กซ์ ต่อไป เพื่อหวังจะได้ลงสนามมากขึ้นในฤดูกาลหน้า ขณะที่กับ
ทีมชาติเดนมาร์ก แม้ว่า มอร์เตน โอลเซน คงจะไม่คาดหวังอะไรมากมายกับดาวรุ่งอย่างเขามากนัก อย่างไรก็ตาม โอลเซน ก็ยังกล้าหาญพอที่จะดึง เอริคเซน ติดทีมไปเล่นรายการใหญ่อย่างฟุตบอลโลก โดยเฉพาะสิ่งที่ท้าทายตัวเขาอย่างมาก คือ การจะได้ดวลกับนักเตะรุ่นพี่ทั้ง สไนจ์เดอร์ และ ฟาน เดอ ฟาร์ท ในเกมรอบแรกกับ ฮอลแลนด์


3. เนเวน ซูโบติช(เซอร์เบีย)
แม้ เนมันยา วีดิช และ บรานิสลาฟ อิวาโนวิช จะได้รับการยกย่องว่า เป็นกุญแจสำคัญกับความแข็งแกร่งในเกมรับของ
ทีมชาติเซอร์เบีย แต่ เนเวน ซูโบติช ก็เป็นอีกหนึ่งนักเตะที่ควรจะได้รับเครดิตดังกล่าวด้วยเช่นเดียวกัน โดยกองหลังวัย 21 ปีจาก เสือเหลือง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ รายนี้ มีจุดเด่นหลายอย่าง ไล่ตั้งแต่ส่วนสูงถึง 193 เซนติเมตร, แข็งแกร่งในการเล่นบอลบนพื้น แถมยังอันตรายสุดๆ ยามได้ขึ้นเติมไปเล่นลูกเซตพีซ ซึ่ง 9 ประตู ในการลงเล่นบุนเดสลีกาสองฤดูกาลที่ผ่านมา น่าจะเป็นข้อพิสูจน์ได้เป็นอย่างดี
ซูโบติช ถือเป็น
นักเตะคนแรก ที่ เจอร์เกน คล็อปป์ ดึงตัวมาร่วมทีม หลังโยกมาคุมทีม ดอร์ทมุนด์ เมื่อปี 2008 ก่อนจะพัฒนาตัวเอง จนก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในกองหลังที่ดีที่สุดของลีกฟุตบอลเยอรมัน  ไม่เช่นนั้น ทีมอย่าง อาร์เซนอล, แมนฯยู และ เชลซี คงไม่จ้องเขาตาเป็นมันแน่


2. สเตฟาน เอ็มเบีย(แคเมอรูน)
ชื่อของ สเตฟาน เอ็มเบีย อาจจะไม่เป็นที่คุ้นหูมากนัก สำหรับแฟนบอลที่ไม่ได้ติดตามฟุตบอลฝรั่งเศส แม้จะเป็นส่วนสำคัญของทีม โอลิมปิก มาร์กเซย ชุดประกาศศักดาคว้าแชมป์ลีกเอิงฤดูกาลที่ผ่านมา แต่เป็นเพราะคนส่วนใหญ่จะให้ความสนใจกับดาราประจำทีมอย่าง มามาดู เนียง หรือว่า ลูโช กอนซาเลส มากกว่า อย่างไรก็ตาม บทบาทในเกมรับของ เอ็มเบีย ก็ถือว่ามีสำคัญต่อทีมอย่างมากเช่นกัน หลังเริ่มต้นเล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ ก่อนจะต้องถอยมาเล่นในตำแหน่งเซนเตอร์แบ็ค และถึงก่อนหน้านี้ เอ็มเบีย จะเผยว่า ตัวเขาไม่ชอบเล่นในแผงแบ็กโฟร์เสียเท่าไหร่ แต่ ปอล เลอ กูเอ็น ก็ยังชอบใช้ความสารพัดประโยชน์ของเจ้าตัวในตำแหน่งแบ็คขวา ประสานงานร่วมกับ เซบาสเตียน บาสซง และ นิโกลาส์ เอ็นคูลู 
และเมื่อพิจารณาจากความหลากหลายในการเล่นของ เอ็มเบีย ทำให้เงิน 12 ล้านยูโร ที่ มาร์กเซย จ่ายให้ แรนส์ เมื่อซัมเมอร์ปีก่อน เพื่อกระชากตัวเขามาร่วมทีม แทบจะเป็นเงินจ๊บจ๊อยไปเลย และเชื่อว่า มาร์กเซย คงทำกำไรได้อีกเยอะ หาก เอ็มเบีย แจ้งเกิดใน
ฟุตบอลโลกปีนี้ได้สำเร็จ


1. มาเร็ค ฮัมซิค(สโลวาเกีย)
มิดฟิลด์ไดนาโมวัย 22 ปี แทบจะไม่ต้องแนะนำตัวเองเลย สำหรับคนที่ติดตามดูฟุตบอลกัลโช ซีรีเอ มาตลอด โดยดาวเตะจาก นาโปลี รายนี้ได้รับการยกย่องว่า เป็นกองกลางที่มีความครบเครื่องมากที่สุดคนนึง ทั้งเรื่องการเล่นเกมรับ, การอ่านเกม และโดยเฉพาะเรื่องพังประตู ถ้าดูจากสถิติยิง 30 ลูก ในสามฤดูกาลที่ผ่านมา
แม้จะอายุอานามยังไม่มากนัก แต่ ฮัมซิค ก็แก่กล้าพอที่จะรับบทกัปตันทีม นำลูกทีมสโลวาเกีย ลงทำศึก
ฟุตบอลโลกครั้งนี้ และด้วยการที่มี พาเวล เนดเวด เป็นฮีโร่ใดวงใจ เชื่อว่า อนาคตอีกไม่นานนัก ที่เจ้าตัวคงจะยกระดับตัวเองขึ้นไปเทียบชั้นอดีตสตาร์ชาวเช็กได้สำเร็จ
น่าเสียดายที่ ฮัมซิค ประกาศตัวชัดเจนว่า ต้องการอยู่กับ นาโปลี ต่อไป เพื่อช่วยทีมประสบความสำเร็จ คว้าแชมป์สักรายการให้ได้ ทำให้ทีมใหญ่ๆ หลายทีม รวมถึง แมนฯซิตี้ ต้องอกหักในการทาบทามเจ้าตัวไปร่วมทีม และหาก ฮัมซิค สามารถกลายเป็นดาวเด่นใน
ฟุตบอลโลกครั้งนี้ได้ เชื่อว่า คงจะมีเงินก้อนโตจากทีมใหญ่ๆ ที่จะถูกปฎิเสธอีกมากมายหลายทีมเป็นแน่


 


 


ข่าวจาก ไทยรัฐ





http://www.tlcthai.com/

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์