ถึงเวลา สิงโตคำราม

ถึงเวลา 'สิงโตคำราม'




หนึ่งในทีมที่ถูกคาดหวังและจับตามองอย่างมากประจำการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งนี้ก็คือทีมชาติอังกฤษ เจ้าของสมญา “สิงโตคำราม”แม้ในความเป็นจริงน่าเจ็บปวดว่าพวกเขาเคยเป็นแชมป์โลกเพียงครั้งเดียวเท่านั้น



 สำคัญก็คือแชมป์โลกครั้งนั้นมันเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 1966 หรือกว่า 44 ปี และเป็นการได้แชมป์โลกในบ้านของตัวเองในฐานะเจ้าภาพการแข่งขันปีดังกล่าวด้วย


 ที่ผ่านมาในฟุตบอลโลกหลายครั้ง โดยเฉพาะในยุคหลังที่ถือเป็น “โกลเด้น เจเนอเรชัน” ของฟุตบอลเมืองผู้ดีเพราะมีซูเปอร์สตาร์ฝีเท้าเข้าขั้นระดับโลกหลายคนทั้ง สตีเว่น เจอร์ราร์ด, แฟรงค์ แลมพาร์ด, จอห์น เทอร์รี่ หรือเวย์น รูนี่ย์(น่าเสียดายที่ริโอ เฟอร์ดินานด์ บาดเจ็บไปก่อน) แต่พวกเขาก็ไม่เคยไปถึงฝั่งฝันอีกเลย


 อย่างไรก็ดีสำหรับครั้งนี้ดูเหมือนความหวังของชาวอังกฤษ จะเพิ่มขึ้นเมื่อได้ยอดกุนซือฝีมือหนึ่งในใต้หล้าอย่าง ฟาบิโอ คาเปลโล่ เข้ามาทำทีม โดยพลิกฟื้นจากทีม “สิงโตป่วย”ในยุคของ สตีฟ แม็คคลาเรน กลับมาเป็น “สิงโตคำราม”ที่น่าเกรงขามอีกครั้ง


 ผลงานชนะ 9 นัดในรอบคัดเลือกได้ผ่านเข้ารอบสุดท้ายมาอย่างน่าภาคภูมิใจ ประกอบกับผลงานในเกมอุ่นเครื่องหลายๆนัดที่ดี ถือเป็นนิมิตหมายอันดีที่แฟนบอลทุกคนอยากเห็น


 คาเปลโล่ ได้เติมความเด็ดขาด ความเขี้ยว ความอึด และจิตใจที่เชื่อมั่นว่าจะเก็บชัยชนะได้ลงไปในตัวลูกทีมทุกคน ซึ่งปัจจัยหลังเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่กุนซือชาวอิตาเลียน มองเห็นว่าเป็นปัญหาถึงขั้นจ้างนักจิตวิทยาชาวอิตาลี มาทำงานปรับสภาพจิตใจลูกทีมเป็นการเฉพาะ


 แต่กระนั้นอังกฤษ ก็ไม่ได้ถือเป็นเต็งหนึ่งในครั้งนี้ เพราะนอกเหนือจากสตาร์ดังๆอย่าง เจอร์ราร์ด, รูนี่ย์, แลมพาร์ด แล้ว พวกเขาก็ไม่ได้มีขุมกำลังที่เหนือหรือดีกว่าคู่แข่งมากมายอะไร


 ทีมเวิร์คก็เป็นส่วนนึงที่ยังเป็นข้อด้อยของอังกฤษ แม้จะได้แทคติกส์ของ คาเปลโล่ มาค้ำไว้ให้แพ้ยาก แต่ถ้าถึงเวลาต้องเจอของแข็งอย่าง สเปน หรือบราซิล หรือกระทั่งฮอลแลนด์ พวกเขาก็ไม่เคยทำให้แฟนบอลได้ชื่นใจ


 สำหรับ 23 ขุนพลของอังกฤษ ก็ไม่ได้ถือว่าถูกใจแฟนๆนัก เพราะคาเปลโล่ พยายามจัดทีมโดยเน้นไปที่คนที่สามารถตอบสนองแทคติกส์ของตัวเองได้มากที่สุด


 ด้วยเหตุนี้ตัวดีๆมีทีเด็ด และมี “คลาส”อย่างธีโอ วัลคอตต์ จึงหลุดออกไปจากทีมไป เช่นเดียวกับ อดัม จอห์นสัน ปีกซ้ายธรรมชาติที่หายากยิ่งในวงการฟุตบอลอังกฤษเวลานี้ โดยคนที่ได้ติดทีมกลับมีสไตล์แทบจะถอดแบบเดียวกันหมดคือ ฌอน ไรท์ ฟิลลิปส์ และ อารอน เลนน่อน


 ปัญหาอาการบาดเจ็บก็เป็นอุปสรรคอย่างนึงเช่นกัน โดยที่ผ่านมาอังกฤษ ได้เสีย เดวิด เบ็คแฮม และ ริโอ เฟอร์ดินานด์ ที่มีศักดิ์เป็น “กัปตัน”ทั้งในอดีตและปัจจุบัน (ไม่นับเทอร์รี่ ที่ถูกถอดยศ) และในแคมป์ก็ยังมีปัญหาตลอด แกเร็ธแบร์รี่ มีอาการบาดเจ็บติดตัวมาด้วย เล็ดลี่ย์คิง ที่แทนริโอ ก็พร้อมจะเจ็บเข่า ขณะที่ เจมส์มิลเนอร์ ก็เจ็บไข้ได้ป่วย


 เหล่านี้เป็นเรื่องน่าปวดหัวของ คาเปลโล่ ยิ่งฟอร์มอุ่นเครื่องไม่เวิร์คก็ยิ่งต้องกังวล


 อย่างไรก็ดีเมื่อถึงนัดแรกแล้วเชื่อว่าลูกทีมของ “บิ๊กดอน” น่าจะค่อยๆ จูนเครื่องได้ดีขึ้นเรื่อยๆ


 เป้าหมายของ “สิงโตคำราม”นาทีนี้ไม่อยากให้มองไกล ขอแค่ผ่านอาถรรพ์ตกรอบ 8 ทีมให้ได้ก่อน (ตกรอบ 8 ทีมมา 3 รายการติดตั้งแต่ปี 2002-2006)


 ถ้าผ่านถึงตรงนั้นได้ อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น และมันก็อาจจะถึงเวลาของพวกเขาก็เป็นได้


โปรแกรมการแข่งขันของ อังกฤษ ในกลุ่ม บี


12 มิ.ย.  อังกฤษ - สหรัฐ
18 มิ.ย. อังกฤษ - แอลจีเรีย
23 มิ.ย. สโลวีเนีย - อังกฤษ


รายชื่อผู้เล่น 23 คนทีมชาติอังกฤษชุดทำศึก ฟุตบอลโลก 2010
ผู้รักษาประตู : เดวิด เจมส์,โรเบิร์ต กรีน, โจ ฮาร์ท
กองหลัง : เกล็น จอห์นสัน, แอชลี่ย์โคล, ไมเคิล ดอว์สัน, จอห์น เทอร์รี่, สตีเฟ่น วอร์น็อค, แมตธิว อัพสัน, เจมี่ คาร์ราเกอร์, เล็ดลี่ย์คิง


กองกลาง : สตีเว่น เจอร์ราร์ด, อารอน เลนน่อน, แฟรงค์ แลมพาร์ด, โจ โคล, แกเร็ธแบร์รี่, เจมส์ มิลเนอร์,ฌอน ไรท์ ฟิลลิปส์, ไมเคิล คาร์ริค


กองหน้า : ปีเตอร์ เคราช์, เวย์น รูนี่ย์,เจอร์เมน เดโฟ, เอมิล เฮสกี้


ผู้จัดการทีม : ฟาบิโอ คาเปลโล่ (อิตาลี)


ป.ล คุณจีกันเนอร์คุณลุงตัณหาคับ มันมาเอาเเล้วน่ะคับ หวังว่าคงหมดหน้าที่ผม ล่ะ  ส่วนกระทู้นี้ไครมีไอดีเยอะ ก็ขออัญเชิญมาด่าทอสาปเเช่งได้เลยคับ เด๋วผมกลับมาอ่าน ผมมีนัดเดทกับพี่เเพนเค้กในเเคมป์ฟรอกอ่ะคับ



เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์