อัศวินสีส้ม ฮอลแลนด์


ฮอลแลนด์


             อัศวินสีส้ม ฮอลแลนด์ นับได้ว่าเป็นยอดทีมฟุตบอลที่สุดแสนจะอาภัพบนเส้นทางสายฟุตบอลโลก ที่พูดแบบนั้นก็เพราะว่ายอดทีมจากแดนยุโรปทีมนี้ยังไม่เคยมีโอกาสได้สัมผัสถ้วยเวิล์ดคัพแม้เพียงสักครั้งเดียว ทั้งๆที่ยอดทีมจากแดนกังหันทีมนี้มีโอกาสเข้าชิงชนะเลิศในรายการนี้ถึง 2 ครั้ง 2 ครา ครั้งแรกคือการพ่ายแพ้ต่อ ทีมเจ้าภาพ เยอรมันตะวันตกในปี 1974 แบบฉิวเฉียด 2-1 และอีก 4 ปีต่อมา ฝันร้ายเจ้าบ้านก็กลับมาหลอกหลอนพวกเขาเหล่าอัศวินสีส้ม ฮอลแลนด์อีกหน เมื่อพวกเขาต้องแพ้ต่อเจ้าบ้านอีกครั้ง โดยครั้งนี้เป็นการแพ้ต่ออาร์เจนติน่าไป 3-1 ในปี 1978 หลังจากนั้นเป็นเวลาเกือบ 10 ปี ทีมชาติฮอลแลนด์ก็ยังไม่เคยเข้าใกล้ความสำเร็จ จนกระทั่งในปี 1988 ภายใต้การนำทีมของ มาร์โก แวน บาสเท่น ฮอลแลนด์ก็กลับมาผงาดได้อีกครั้ง ด้วยการคว้าแชมป์ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปมาครองได้สำเร็จ ด้วยการเอาชนะสหภาพโซเวียตไปได้ 2-0 แต่หลังจากหมดยุคของ แวน บาสเท่น แล้วฮอลแลนด์ก็กลับไปสู่วังวนเดิมอีกครั้ง โดยผลงานที่ดีที่สุดหลังยุดของแวน บาสเท่น ก็คือการคว้าอันดับ 4 ในฟุตบอลโลกที่ฝรั่งเศส



              ฮอลแลนด์เป็นทีมที่มีเกมรุกหวือหวา ใช้การต่อบอลที่แม่นยำในการเข้าทำที่เรียกว่า โทเทิ่ลฟุตบอล จนครั้งครั้งหนึ่งทีมชาติฮอลแลนด์ถูกขนานนามว่า Clockwork Orange
ในฟุตบอลโลกครั้งนี้ฮอลแลนด์ภายใต้การนำทัพของ เบิร์ท ฟาน มาร์ไวจ์ ผู้จัดการทีมคนปัจจุบันได้รับการคาดหวังไว้มาก เนื่องจากเขาเป็นผู้ดึงทัพสีส้มขึ้นมาจากความผิดหวัง ที่ไม่สามารถผ่านเข้าไปเล่นฟุตบอลยูโร 2008 รอบสุดท้าย ให้กลับมาอยู่บนเส้นทางของยอดทีมได้สำเร็จ


เส้นทางสู่แอฟริกาใต้ เวิล์ดคัพ 2010


             ในรอบคัดเลือกเวิล์ดคัพ 2010 เส้นทางของฮอลแลนด์ดูจะง่ายดาย เมื่อได้มาอยู่ในกลุ่ม 9 ร่วมกับนอร์เวย์ สก็อตแลนด์ มาซิโดเนีย และไอซ์แลนด์ ที่ไม่ใช่ทีมหิน และแข็งแกร่งมากนักและผลที่ออกมาก็เป็นไปตามคาด เมื่อมาร์ไวจ์สามารถนำลูกทีมของเขาผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2010 โดยปราศจากริ้วรอย ชนะรวดทั้ง 8 เกม โดยยิงประตูคู่แข่งไปถึง 18 ประตู และเสียเพียงแค่ 2 ประตูเท่านั้น โดยประตูที่เสียทั้ง 2 ประตูของพวกเขาก็มาจากการเล่นเป็นทีมเยือนทั้งสิ้น


ผู้จัดการทีม 


             เบิร์ท ฟาน มาร์ไวจ์ กุนซือผู้เข้ามากอบกู้ทีมชาติฮอลแลนด์จากยุคตกต่ำ ที่ย่ำแย่ถึงขนาดตกรอบฟุตบอลยูโรรอบคัดเลือก ให้กลับมามีลุ้นในฟุตบอลโลก 2010 อีกครั้ง ก่อนหน้าที่เขาจะเข้ามาคุมทีมชาติฮอล์แลนด์ กุนซือผู้มากความสามารถผู้นี้เคยคุมทีมเฟเนยูร์ด ทีมดังแห่งลีกฮอลแลนด์ คว้าแชมป์ยูฟ่าคัพได้ในปี 2001-2002 ก่อนที่จะย้ายไปทำทีมโบรุทเซีย ดอร์ทมุนด์ในเยอรมันเมื่อปี 2004 แต่กลับไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่ใครหลายคนคาดไว้ ดังนั้นเขาจึงย้ายกลับไปเฟเนยูร์ดรังเก่าของเขาในปี 2006 อีกครั้งหนึ่ง และเขาสามารถคว้าแชมป์เคเอนวีบี คัพ ได้ตั้งแต่ฤดูกาลแรกที่เขากลับมายังฮอลแลนด์ จนในที่สุดเมื่อฮอลแลนด์ภายใต้การทำทีมของอดีตศูนย์หน้าพรายกระซิบ มาร์โก ฟาน บาสเท่น ทำผลงานได้ย่ำแย่ ตกรอบคัดเลือกศึกยูโร 2008 มาร์ไวจ์ จึงเป็นตัวเลือกแรกที่ ฮอลแลนด์เลือกเข้ามาแก้ไขปัญหา และกอบกู้ทีมชาติฮอลแลนด์ขึ้นมา จนถึงทุกวันนี้


รายชื่อ 23 นักเตะชุดฟุตบอลโลก 2010


ผู้รักษาประตู
1 มาร์เตน สเตเคเลนเบิร์ก (อาแจ็กซ์)
16 มิเชล วอร์ม (อูเทร็คท์)
22 ซานเดอร์ บอชเคอร์ (ทเวนเต้)
กองหลัง 
2 เกรกอรี่ ฟาน เดอร์ วีล (อาแจ็กซ์) 
5 โจวานนี่ ฟาน บรองค์ฮอร์สท์ (เฟเยนูร์ด)
3 จอห์นนี่ ไฮติงก้า (เอฟเวอร์ตัน)
4 โยริส มาไธจ์เซ่น (ฮัมบูร์ก)
12 อังเดร ออยเยอร์ (พีเอสวี)
13 เอ็ดสัน บราฟไฮม์  (เซลติก)
15 คาลิด บูลาห์รูซ (สตุ๊ตการ์ท)
กองกลาง
6 มาร์ค ฟาน บอมเมล (บาเยิร์น มิวนิค)
8 ไนเจล เด ยองก์ (แมนฯ ซิตี้) 
10 เวสลี่ย์ สไนเดอร์ (อินเตอร์ มิลาน)
14 เดมี่ เดอ ซูว์ (อาแจ็กซ์) 
18 สไตจ์น สคาร์ส (อาแซ่ด)
20 อิบราฮิม อเฟลเลย์ (พีเอสวี)
23 ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท  (เรอัล มาดริด)
กองหน้า
7 เดิร์ค เค้าท์ (ลิเวอร์พูล)
9 โรบิน ฟาน เพอร์ซี่  (อาร์เซน่อล) 
11 อาร์เยน ร็อบเบน  (บาเยิร์น มิวนิค)
17 เอลเยโร่ เอเลีย (ฮัมบูร์ก)
19 ไรอัน บาเบิล (ลิเวอร์พูล) 
21 คลาส แยน ฮุนเตลาร์  (เอซี มิลาน)


ดาวเด่นประจำทีม


             นอกจากนักเตะจอมเก๋า เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ ผู้รักษาประตูจอมหนึบของทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และรุด ฟาน นิสเตลรอย กองหน้าของทีมฮัมบูร์ก ที่อาจจะได้รับโอกาสติดทีมชาติชุดนี้แล้ว ทีมของมาร์ไวจ์ก็ยังมีสตาร์ดังอีกมากมายที่สามารถพลิกเกมได้ตลอดเวลาอยู่ในทีม ไม่ว่าจะเป็น อาร์เยน ร็อบเบน ปีกจอมขับเคลื่อนความเร็วสูง, โยริส มาธิจเซ่น เซนเตอร์แบ็คผู้โด่งดังมาจากทีมวิลเลี่ยม ทเว, อังเดร ออยเยอร์ ปราการหลังวัย 35 ปี, เดิร์ก เค้าท์ ถอมถึกเจ็บยาก ของลิเวอร์พูล, มาร์ค ฟาน บอลเมล ลูกบุญธรรมของมาร์ไวจ์ เพลย์เมคเกอร์ของ บาเยิร์น มิวนิค, คลาส แยน ฮุนเตล่าร์ ผู้มีสไตย์การเล่นเดิมตามรอย นิสเตลรอย และ โจวานนี่ ฟาน บรองฮอร์ท จอมเก๋าจาก เฟเยนูร์ด ซึ่งนับเป็นมรดกตกทอดมาตั้งแต่ยุคของ ฟาน บาสเท่น อีกทั้งทีมชุดนี้ยังมีผู้เล่นรายอื่นที่กำลังโชว์ฟอร์มได้อย่างน่าประทับใจอยู่ในขณะนี้ เช่น ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท, โรบิน ฟาน เพอร์ซี่, ไนเกล เดอ ยอง และ เวสลี่ย์ ชไนเดอร์ อีกด้วย


บอลโลกที่ผ่านมา


           8 ครั้ง ที่ฮอลแลนด์ได้ผ่านเข้าไปเล่นรอบสุดท้ายในฟุตบอลโลก ผลงานที่ทีมสีส้ม ทำได้ดีที่สุดนั้น คือคว้าตำแหน่งรองชนะเลิศฟุตบอลโลก ในปี 1974 ที่เยอรมันตะวันตก ผู้เป็นเจ้าภาพ ยิงแซงชนะ 2-1 และ ปี 1978 ที่โดนเจ้าภาพ อาร์เจนติน่า ยิงแซงในช่วงทะเวลา เอาชนะไป 3-1 นอกเหนือจากนั้นก็ไม่เคยเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศแต่อย่างใด มีเพียงปี 1998 ที่ฝรั่งเศส ที่พวกเขาทำได้อันดับ 4 เพราะชิงที่ 3 แพ้สเปนไปอย่างน่าเสียดาย


รางวัลเกียรติยศ


 คว้าแชม ยูโรเปี้ยน แชมเปี้ยนชิพ 1 สมัย ปี 1988


วาทะเด็ด 


          พวกเรามีภารกิจ ซึ่งภารกิจที่เราต้องทำนั่นก็คือ คว้าแชมป์โลกให้ได้ แฟรงค์ เดอบัวร์ อดีตยอดขุนพลแดนหลังของเนเธอร์แลนด์ ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้ช่วยโค้ช กล่าวเอาไว้สั้นๆ


 
















      อ้างอิง จาก ... http://www.hotleague.com/world_cup/


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์