ความแตกต่างระหว่างอิตาลีกับฝรั่งเศส

ฟุตบอลโลก 1994


โรแบร์โต้ บาจโจ้ ยอดดาวยิงหมายเลข 1 ของอิตาลียุคนั้น ช่วงสังหารประตูในฟุตบอลโลกเป็นว่าเล่น จนทีมผ่านทะลุเข้าไปชิงกับบราซิล ก่อนที่เกมจะลงเอยที่ 0-0 และในการดวลจุดโทษ ซึ่งบาจโจ้รับหน้าที่สังหารเป็นคนสุดท้าย ก็ตะบันข้ามคานออกไปยกแชมป์สมัยที่4 ให้กับบราซิลทันที....

ฟุตบอลโลก 1998


แต่ในอีก 4 ปีถัดมาเทพบุตรเปียทองคำ มีโอกาสลงเล่นฟุตบอลโลกอีกครั้ง ในนัดประเดิมสนามของอัซซูรี ก็เจอพิษสงของ มาร์เซโล่ ซาลาส เหมาสองตุง ช่วยให้ชิลีขึ้นนำไป 2-1 แต่ด้วยความเก๋าและประสบการณ์ บาจโจ้ชิพลูกแบบเหนือชั้นใส่แขนผู้เล่นชิลี จนได้จุดโทษ และเป็นบาจโจ้เองที่สังหารเสียบเสาเข้าไปอย่างเยือกเย็น ช่วยให้อิตาลีเซฟ 1 แต้มสำคัญได้สำเร็จ พร้อมทั้งเป็นการล้างอายให้ตัวเองจากเมื่อ 4 ปีที่แล้ว

ฟุตบอลโลก 1998


ในทัวร์นาเม้นท์ ฟุบอลโลก 98 อิตาลีเดินทางมาจนถึง รอบ 8 ทีมสุดท้ายในการเจอกับฝรั่งเศส ตลอด 120 นาที ของเกมการแข่งขัน จบลงที่ 0-0 ประตู และในการดวลจุดโทษแม้ฝรั่งเศสจะเลี่ยงพล้ำไปก่อน จากลิซาลาซู แต่อัลแบร์ตินี่ของอิตาลีก็พลาดเช่นกัน จนต้องมาวัดกันถึงคนสุดท้าย ก่อนเป็นลุยจิ ดิ เบียโจ้ ดาวเตะมะกะโรนีซัดชนคานดัง โครม!
อิตาลียุติเส้นทางเพียงรอบ 8 ทีม ทันที ก่อนที่ฝรั่งเศสจะก้าวไปคว้าแชมป์ในบั้นปลาย

ยูโร 2000


ถัดมาอีกสองปีหลังผิดหวังจากฟุตบอลโลก ลุยจิ ดิ เบียโจ้ ก็มีโอกาสร่วมทีมชาติตะลุยศึกชิงแชมป์แห่งชาติ ยุโรป 2000 ดิ เบียโจ้ยิง 1 ประตู ในเกมรอบแรกกับสวีเดน และช่วยให้ทีมผ่านเข้าไปถึงรอบรองฯ ในเกมเจอกับเจ้าภาพ อิตาลีโชว์สเตปคาเตนัชโช่ให้โลกได้ประจักษ์จากการเล่นเพียง 9 คน จนสามารถยันฮอนแลนด์ได้ครบ 120 นาที และในการดวลจุดโทษ แม้แรกๆเจ้าตัวจะขอปฏิเสธไม่ขอยิงแล้วก็ตาม แต่เนื่องจากเพื่อนๆขอร้องกันมากจนไม่อาจปฏิเสธอีกต่อไป ดิเบียโจ้เป็นคนแรกที่เดินนำขุนพลอิตาลีส่งจุดโทษ เขาตะบันเสียบสามเหลี่ยมเข้าไปอย่างเด็ดขาด ลบความผิดหวังเมื่อ 2 ปีก่อนออกไปสำเร็จ

รอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 1994


ดาวิด ชิโนล่า กลายเป็นแพะรับบาปเต็มๆเมื่อเกมคัดเลือกบอลโลกนัดสุดท้าย ในบ้านของตัวเองกับบัลแกเรีย ฝรั่งเศสต้องการเพียงแค่ผลเสมอก็จะผ่านเข้าไปเล่นในรอบสุดท้ายทันที ในขณะที่สกอร์เสมอกันที่ 1-1 เกมล่วงมาถึงช่วงนาทีสุดท้าย ชิโนล่าที่บุกไปทางด้านขวา โยนบอลเข้ากลางมาหน้าประตู ผู้เล่นบัลแกเรียตัดได้ และจ่ายขึ้นหน้าทันที กลายเป็น เอมิล คอสตาดินอฟที่กระชากแหวกผู้เล่นฝรั่งเศสเข้าไปตะบันประตูชัยอย่างเด็ดขาด เขี่ยฝรั่งเศสตกรอบอย่างเจ็บปวดเช่นกัน หลังจากนั้นชิโนล่าก็เป็นไม้เบื่อไม้เมากับชนชาวฝรั่งเศสมาโดยตลอด และสุดท้ายก็ต้องย้ายออกมาหากินในอังกฤษ และแม้จะโชว์ฟอร์มสุดยอดปานใดทั้งกับ นิวคาสเซิ่ลหรือสเปอร์ชิโนล่าก็ไม่เคยได้ลงเล่นรายการสำคัญๆกับทีมชาติอีก ทั้งบอลยูโร หรือ รายการฟุตบอลโลก

ฟุตบอลโลก 2006


ดาวิด เทรเซเกต์ เคยเป็นฮีโร่ของมวลชนน้ำหอมเมื่อครั้งตะบันประตูโกลเด้นโกลสุดสวยให้ฝรั่งเศสคว้าแชมป์ ยูโร 2000 มาครอง แต่หลังจากนั้น อีก 6 ปี เขากลับกลายเป็นแพะเต็มๆเมื่อเกมนัดชิงฟุตบอลโลก 2006 กับคู่ปรับตลอดกาลอย่างอิตาลี เทรเซเกต์เป็นนักเตะเพียงคนเดียวที่ส่องจุดโทษพลาด ยกแชมป์สมัยที่ 4 ให้อิตาลี แม้ก่อนหน้านี้ในเกมซีเนอดิน ซีดาน จะตบะแตกจนถูกไล่ออก ทำให้ฝรั่งเศสเสียเปรียบเรื่องตัวผู้เล่น แต่เมื่อจบเกมก็ไม่มีใครโทษซีดาน ตรงกันข้ามหลายฝ่ายกลับเห็นใจเจ้าหัวไข่ดาว ในขณะที่เทรเซเกต์ต้องก้มหน้ารับชะตากรรม และหลังจากนั้นเป็นต้นมาเทรเซเกต์ก็ไม่ถูกเรียกตัวไปติดทีมชาติเท่าที่ควรภายใต้การคุมทีมของน้าเน็ค จนสุดท้ายก็หลุดแม้กระทั่ง ยูโร 2008 แม้จะเล่นได้ดีก็ตาม

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์