ดับเบิ้ลแชมป์!แมลงสาบซัดฟรีคิกโทนพาสิงห์ซิวเอฟเอ

ดับเบิ้ลแชมป์!แมลงสาบซัดฟรีคิกโทนพาสิงห์ซิวเอฟเอ

แม้จะยิงชนเสาชนคานไปหลายดอก แต่เชลซีก็สามารถคว้าแชมป์เอฟ เอคัพไปได้ด้วยการเอาชนะปอร์ทสมัธไป 1-0 จากการปั่นฟรีคิกสุดสวยของดิดิเยร์ ดร็อกบา ทำให้พวกเขาคว้าดับเบิ้ลแชมป์ ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสรเลยด้วย โดยเกมนี้ต่างฝ่ายต่างได้จุดโทษแต่กลับยิงไม่เข้าทั้งคู่

เอฟเอ คัพ รอบชิงชนะเลิศ

วันเสาร์ที่ 15 พฤษาคม 2553


เชลซี 1 - 0 ปอร์ทสมัธ

ประตู :
1-0 ดิดิเยร์ ดร็อกบา น.58

สิงห์มาเต็ม-ปอมปีย์ได้ตัวหลักกลับมา
เชลซีมาน่ากลัวเหลือเกิน เพราะเต็มสูบตั้งแต่หลังยันหน้า และยังได้อิวาโนวิชผ่านความฟิตกลับมายืนแบ็คขวาเพื่อไล่ล่าดับเบิ้ลแชมป์เป็นสโมสรที่ 7 ของเกาะอังกฤษ

ส่วนทางปอร์ทสมัธที่เป็นรองกว่าชัดเจน ยังดีที่ได้ตัวหลักที่ผ่านความฟิตลงเล่นได้เกมนี้ได้ ไม่ว่าจะเป็นทั้งโอฮาร่า, ปูป้า ดิยุฟ และดินดาน ซึ่งพวกเขาก็หวังสร้างผลงานเอาไว้ ก่อนที่จะลงไปในเล่นในลีกแชมป์เปี้ยนชิพ

ครึ่งแรก

แลมพ์ซัดนอกกรอบเอาซะเสียว
เริ่มมาได้ 4 นาที เชลซีก็เกือบจะยิงประตูขึ้นนำได้ จากจังหวะที่อเนลก้า และแลมพาร์ดต่อบอลกันได้สวย ก่อนที่อเนลก้าจะลากไปถึงกรอบเขตโทษ แล้วล็อกยิงด้วยขวาติดบล็อกของกองหลังปอร์ทสมัธ แต่แลมพ์ตามเก็บตกก่อนที่จะยิงแบบดีด ๆ บอลพุ่งเหมือนจะเสียบเสา แต่หลุดออกหลังไปแบบใจหายว๊าบกันทั้งสนาม

ชนเสา!แลมพ์ส่องอีกรอบ
นาทีที่ 14 แลมพาร์ดได้โอกาสยิงนอกกรอบอีกครั้งหนึง แต่คราวนี้ได้ตั้งป้อมซัดเหน่ง ๆ นอกกรอบ บอลพุ่งแรง และดูเหมือนว่าเจมส์จะพุ่งไปไม่ทันแล้ว แต่ดันไปชนเสาออกหลังไป

สิงห์ต่อบอลสวย-แมลงสาบยิงติด
6 นาทีต่อมา เชลซีที่ครองบอลบุกได้ลุ้นทำประตูอีกครั้ง จากจังหวะที่ต่อบอลกันตั้งแต่ฝั่งขวา ก่อนที่แลมพ์จะจ่ายให้อิวาโนวิช ที่ทะลุเข้ากรอบเขตโทษแล้วแตะกลับมาให้กับมาลูด้าที่จ่ายจังหวะแรกให้ดร็อกบาที่เสาสองเลย ไอ้แมลงสาบบรรจงยิง แต่ไปติดขาของโมโคเอน่า บอลทะลักมาทางเขาอีก พอซ้ำดาบสองก็ติดโมโคเอน่าอีก น่าเสียดายแทนเชลซีอย่างแรง

ปิกิยอนยิงแบบไม่ได้ตั้งตัวติดเซฟเช็ก!!!!
นาทีที่ 22 ไม่น่าเชื่อว่าปอร์ทสมัธจะพลาดโอกาสขึ้นนำ จากจังหวะที่ดินดานลากขึ้นในทางฝังขวา ก่อนที่จะเปิดอัดเข้าในกรอบเขตโทษ บอลเลยไปถึงเควิน ปริ๊น-บัวเต็งที่เสาสอง ซัดวอลเล่ย์จังหวะแรกแบบไม่จับ บอลพุ่งไปหน้าประตูแล้วไปโดนขาของปิกิยอนที่เหมือนจะตั้งตัวไม่ทันในระยะไม่ถึง 4 หลา บอลเปลี่ยนทางกำลังจะเข้าประตู แต่ปีเตอร์ เช็กที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ สะดุ้งปัดบอลได้แบบสัญชาตญาณล้วน ๆ ก่อนที่จะเคลียร์บอลทิ้งออกไปได้

กาลูยิงโล่งๆ 5 หลาชนคาน
นาทีที่ 27 เรื่องน่าเหลือเชื่อเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากจังหวะที่แอชลี่ย์ โคลเลี้ยงตะลุยขึ้นไปทางฝั่งซ้าย ก่อนที่จะเปิดบอลแบบใส่พานเข้าไปในกรอบเขตโทษให้กับกาลู ที่ยืนรอโล่ง ๆ เพราะเจมส์พุ่งออกไปบล็อกวืดตั้งแต่จังหวะโคลแล้ว แต่กาลูดันยิงไปชนคาน ก่อนที่เจมส์จะกลับตัวพุ่งมาคว้าบอลได้ทัน นี่เป็นโอกาสที่เรียกได้เลยว่าน่าจะต้องเป็นประตู 90 เปอร์เซ็นต์แล้วแท้ ๆ

เจทีโขกชนคาน
3 นาทีถัดมา เชลซีก็พลาดโอกาสขึ้นนำขึ้นครั้ง จากจังหวะที่ได้เปิดบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษ แล้วจอห์น เทอร์รี่ขึ้นโหม่งได้สูง และจังหวะดีกว่ากองหลังของปอร์ทสมัธ บอลลอยย้อยไปเสาสอง เจมส์ถอดใจเพราะแค่ขยับเท้าให้ทันยังทำไม่ได้ แต่บอลกลับหล่นไปใส่คานซะงั้น

นับรวมโอกาสของเชลซีในตอนนี้โดนไปแล้ว 1 เสา 2 คาน

บร๊ะเจ้า!เจมส์โคตรซูเปอร์เซฟฟฟ
นาทีที่ 39 เดวิด เจมส์โชว์พลังเซฟแบบลืมแก่ จากจังหวะที่ดร็อกบาอัดฟรีคิกในระยะ 25 หลา บอลพุ่งแรง และส่ายกำลังจะฮุคเสียบเข้ากรอบ เจมส์พุ่งเยียดสุดตัวปัดไว้ได้ปลายมือ บอลชนคานแล้วกระเด้งลงเส้นประตู แถมยังสปินออกมา ทำให้กองหลังของปอร์ทสมัธตามเคลียร์ออกหลังไปได้

ตอนแรกดร็อกบาดีใจ และคิดว่าเป็นประตู แต่พอผู้ตัดสินบอกว่าเป็นเพียงแค่ลูกเตะมุม แข้งปอมปีย์ก็เข้ามาแสดงความดีใจกับเจมส์กันยกใหญ่ เพราะโชว์สุดยอดซูเปอร์เซฟเอาไว้ได้นั่นเอง

แมลงสาบเซง!เสาอีกแล้ว
ไม่รู้ว่าก่อนแข่งเฮียคางคกลงอาคมอะไรไว้กับเสาประตูหรือเปล่า เพราะในนนาทีที่ 43 ดร็อกบาได้โอกาสจากความผิดพลาดของกองหลังปอร์ทสมัธได้หลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษ และยิงสวนเดวิด เจมส์มุมแคบ บอลผ่านมือเจมส์ไปแล้ว แต่กลับชนเสาแล้วออกหลังซะงั้น

มาถึงตอนนี้ 3 คาน 2 เสาแล้วครับ

บัลลัคไม่ไหว-โดนเปลี่ยนออก
ก่อนหมดเวลาหนึงนาที มิชาเอล บัลลัคต้องถูกเปลี่ยนตัวออก เพราะว่าเขาได้รับบาดเจ็บจากจังหวะที่โดนปริ๊น-บัวเต็งเสียบเข้าจากด้านหลัง ซึ่งถือว่าเป็นการเข้าบอลที่หนักเอามาก ๆ ในนาทีที่ 35 และดูเหมือนว่าจะเป็นการตามเก็บบัลลัคของบัวเต็ง เพราะทั้งคู่ทำท่าจะมีเรื่องมีราวมาก่อนหน้านี้

โดยผู้ที่ลงมาเล่นแทนบัลลัคก็คือจูเลียโน่ เบลเล็ตติ

ปอมปีย์ชื่อนี้ลงยันต์!
ก่อนทดเวลาบาดเจ็บ เชลซีได้โอกาสลุ้นอีกครั้ง จากจังหวะที่อิวาโนวิชทำชิ่งกับเพื่อนแล้วทะลุเข้าไปเปิดบอลผ่านมือเจมส์ไปได้ แต่ก็โดนกองหลังของปอร์ทสมัธโหม่งสกัดออกไปได้ก่อนที่บอลจะถึงผู้เล่นของเชลซีที่ยืนรอเตรียมชาร์จจ่อ ๆ อยู่ พอสวนบอลกลับเข้ามาอีกทีก็กลายเป็นว่าออกหลังไปแล้ว

สังเกตหน้านักเตะเชลซีแต่ละคนแล้วอ่อนอกอ่อนใจกันสุด ๆ

จบ 45 นาทีแรกแห่งความสนุก และเชื่อได้เลยว่ากองเชียร์ กองแช่งเกร็งกันเยี่ยวเหนียว เพราะมีโอกาสลุ้นทำประตูกันแบบจะแจ้งเยอะเหลือเกิน แต่ถึงอย่างนั้นทั้งคู่ก็ยังเสมอกันอยู่ 0-0

ต้องมาลุ้นกันว่าครึ่งหลังยันต์ของปอร์ทสมัธยังคงมีฤทธิ์เดชอยู่หรือเปล่า

ครึ่งหลัง

บัวเต็งได้อัดด้วยซ้าย
เริ่มครึ่งหลังมาได้ 6 นาที ปอร์ทสมัธก็ได้โอกาสบ้างจากจังหวะที่บัวเต็งได้ลุ้นเข้าไปในกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย จากการเปิดฟรีคิกเข้ามา แต่เจ้าตัวตัดสินใจตวัดยิงด้วยซ้ายในจังหวะแรกเลย บอลพุ่งปาดผ่านหน้าประตู แล้วก็ออกหลังไป

ปอมปีย์ได้จุดโทษ-บัวเต็งยิงติดเซฟ
นาทีที่ 55 ปอร์ทสมัธได้ลุ้นประตูขึ้นนำ จากจุดโทษในจังหวะที่เบลเล็ตติไปทำฟาวล์ดินดานในกรอบเขตโทษ ผู้ตัดสินเป่าให้เป็นจุดโทษทันที เควิน ปริ๊น-บัวเต็งรับหน้าที่สังหารจุดโทษ แต่ยิงไปตรงกลาง และเช็กไม่หลงเซฟด้วยเท้าเอาไว้ได้ ก่อนที่กองหลังจะเคลียร์ออกหลังไปได้ นี่น่าจะเป็นโอกาสอันงามหยดที่ปอมปีย์พลาดไปในเกมนี้เลยทีเดียว

แมลงสาบปั่นสุดสวย!
แต่แล้ว 3 นาทีต่อมา แฟนปอมปีย์ก็ใจสลาย หลังทีมมีโอกาสขึ้นนำแล้วทำไม่ได้ ก็มาโดนดร็อกบาปั่นฟรีคิกด้วยขวา บอลพุ่งโค้งเข้าเหลี่ยมเข้ามุมได้จังหวะแบบสุด ๆ แม้เจมส์จะพุ่งไปสุดตัวแล้วก็แต่ก็ไม่ทัน บอลกระทบเสาที่เป็นปรปักษ์กับเชลซีมาตลอดในครึ่งแรกเข้าประตูไป สิงห์บลูได้ประตูขึ้นนำ 1-0 แล้ว

กาลูยิงเฉียดเสา
นาทีที่ 62 กาลูได้โอกาสทำประตูนำห่างให้กับเชลซี จากจังหวะที่เขาลากบอลขึ้นไป ก่อนจะทำชิ่ง 1-2 กับอิวาโนวิช แล้วเจ้าตัววิ่งขึ้นไปรอที่จุดนัดพบ ก่อนจะสไลด์ัตัวยิงลูกจ่ายของอิวาโนวิช แต่บอลกลับเลี้ยวหลุดเสาไกลออกไปแค่นิดเดียวเท่านั้น

กาลูโดนเปลี่ยนออก-โคลหล่อลง
นาทีที่ 70 กาลูที่พลาดโอกาสทองไปในวันนี้ถูกเปลี่ยนตัวออก และอันเช่ก็ส่งโจ โคลลงไปเล่นแทน ซึ่งต้องดูว่าโคลจะสามารถทำฟอร์มได้ดีหรือไม่

แมลงสาบ-โคลหล่อยิงติดหมด
2 นาทีต่อมาดร็อกบาโชว์การลากเลื้อยผ่านกองหลังของปอร์ทสมัธเข้าไปในกรอบเขตโทษ แล้วดวลเดี่ยวกับเจมส์ แต่ยิงไปติดเซฟ ก่อนที่บอลจะเด้งกลับมาที่เขา คราวนี้ใจกว้างจ่ายให้กับโจ โคลได้ยิงเหน่ง ๆ แต่ก็โดนกองหลังของปอร์ทสมัธเข้ามาบล็อกไว้ได้อีก

สิงห์ผ่อนเกม
เข้าสู่นาทีที่ 80 เชลซีเริ่มจะผ่อนเกมลงมาบ้าง หลังจากได้ประตูขึ้นนำ โดยหันมาครองบอล และเน้นความแน่นอน มากกว่าการที่จะดันเกมบุกขึ้นไปสูงเหมือนในช่วงครึ่งแรก

ปอมปีย์เกือบได้โอกาส
นาีทที่ 82 ปอร์ทสมัธเกือบที่จะได้โอกาสตีเสมอ จากจังหวะที่ได้เปิดบอลเข้าในกรอบเขตโทษ ซึ่งเป็นจุดเกรงใจระหว่างกองหลัง และผู้รักษาประตู บอลกำลังจะเลยไปถึงดินดานที่เสาสอง แต่โดนเทอร์รี่สะกิดด้วยหัวเข่านิดหนึง ทำให้เสียจังหวะไป และดินดานไม่สามารถเข้าชาร์จได้ทัน

สิงห์ได้จุดโทษ-แลมพ์ซัดพลาด
นาทีที่ 88 กลายเป็นเกมอะไรก็ไม่รู้ไปเลย สำหรับนัดนี้ เพราะต่างฝ่ายต่างก็ได้จุดโทษ โดยเชลซีได้จากการที่แลมพาร์ดไปโดนไมเคิ่ล บราวน์ทำฟาวล์ แล้วเจ้าตัวอาสาสังหารเอง แต่กลับยิงหลุดกรอบออกไป

จบ 90 นาทีของเกมอันเร้าใจ และมันส์ครบทุกรส เชลซีสามารถคว้าดับเบิ้ลแชมป์ได้จากการเอาชนะปอร์ทสมัธไป 1-0 ซึ่งนี่เป็นดับเบิ้ลแชมป์ครั้งแรกนับตั้งแต่ก่อตั้งสโมสรมา

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก,แอชลี่ย์ โคล,จอห์น เทอร์รี่,อเล็กซ์,บรานิสลาฟ อิวาโนวิช,แฟรงค์ แลมพาร์ด,ฟลอร็องค์ มาลูด้า,มิชาเอล บัลลัค,นิโกลาส์ อเนลก้า,ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา,ซาโลมอง กาลู

ปอร์ทสมัธ : เดวิด เจมส์,สตีฟ ฟินแน่น,ริคาร์โด้ โรช่า,ปาปา บูบ้า ดิยุฟ,ไมเคิ่ล บราวน์,เฮย์เดน มุลลินส์,อารอน โมโคเอน่า,เจมี่ โอฮาร่า,เควิน-ปริ๊น บัวเต็ง,เฟดเดริค ปิกิยอน,อารูน่า ดินดาน






















_________________
##### ได้รู้ความจริง ได้ยิ่งกว่าฟุตบอล อ่าน SoccerSuck #####

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์