ฤดูที่แตกต่าง...Seasons Change !!!!!????

ฤดูที่แตกต่าง...Seasons Change !!!!!????

มันจบไปแล้ว...มันผ่านไปแล้ว ไม่มีประโยชน์ใดๆที่จะไปคิดถึงมันอีก 



ภายใต้ ภาพลวงตา สวยงามพาแฟนผีชวนฝันหวาน... หายนะค่อยๆเดินมาสะกิดหลังอย่างไม่รู้ตัว หมอกดำทมิฬ ปกคลุมโอลด์ แทร็ฟฟอร์ดอย่างแนบเนียน

ใช่ครับ...ทุกคนอาจคิดเหมือนกัน เกมประวัติศาสตร์ 7-1 กับโรม่าลอยเตะจมูกทันทีหลังดาร์รอน กิ๊บสันและนานี่ ปล่อยสองหมัดฮุกพายูไนเต็ดเฮอย่างรวดเร็ว

กระนั้น สัญญาณเตือนภัยเริ่มตั้งแต่เวย์น รูนี่ย์ ถูกกระตุ้นอาการบาดเจ็บที่ข้อเท้า... หลังจากนั้นทุกอย่างค่อยๆเปลี่ยนไป

แม้ รูน จะเด็ดเดี่ยวยกนิ้วโป้งขอสู้ต่อ แต่ตัวเขาเองและทุกคนในสนามรู้ว่า... สังขารและสองเท้าใช้ชีวิตอยู่ในสนามไม่ไหวแล้ว

เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เหมือนตัดสินใจถูกในการจัดแต่งกองทัพก่อนลงสนาม... กองหน้าร่างอวบมีส่วนกับทั้ง 2 ประตูขึ้นนำของ ปีศาจแดง ลูกแรกเขาชิ่งทำทางให้กิ๊บสัน หลุดไปยิง

ลูกที่สอง เขาเปิดข้ามฟากให้อันโตนิโอ วาเลนเซีย ครอสมาให้หลุยส์ นานี่...

หากในสนามเป็นดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ เชื่อแน่ว่ายูไนเต็ดคงไม่ได้ 2 ประตูในลักษณะนี้... เพราะบอลทำทางทะลุช่องให้เพื่อนเล่นของรูนี่ย์ ถือเป็นอาวุธหลักอย่างหนึ่งของยูไนเต็ดในช่วงหลัง

ดังนั้นข้อเท็จจริงที่น่ากลุ้ม... ยูไนเต็ดมีตัวเลือกในทีมหรือ อะไหล่ น้อยเกินไป... เฟอร์กี้เองรู้ดีว่าหากเปลี่ยนรูนี่ย์ออก เกมรุกก็จะขาดพิษสงโดยสิ้นเชิง จึงตัดสินใจฝืนให้ WR10 กะเผลกต่อไปอีกเกือบครึ่งชั่วโมง

จุดเปลี่ยนจุดอื่นยังมีให้เห็นอยู่ประปราย... จุดเพียงเล็กน้อย แต่เมื่อนำมาวางต่อกันมันคือ เส้นทางหายนะแห่งความพ่ายแพ้

จุดแรก... ลูกหลุดเดี่ยวของราฟาเอล ดา ซิลวา... เกมรับอันขาดสติหลุดวิ่นของบาเยิร์น มิวนิค... รอดจากการสังเวยประตูที่สามชนิดหัวใจแทบวาย หากลูกนั้นแบ็กบราซิเลี่ยนเคาะให้รูนี่ย์ที่อยู่หน้าประตูทำสกอร์ และมันเป็น 3-0 ทุกอย่างคงง่ายกว่านี้



จุดที่สอง... ลูกตีไข่แตกของอิวิก้า โอลิช... อีกครั้งที่ยูไนเต็ด ไม่ต้องโทษใคร พวกเขาควรโทษตัวเองครับ... เหล่าแข้งปีศาจปล่อยให้ไมเคิ่ล คาร์ริค ซึ่งขึ้นชื่อด้านความบอบบาง ปะทะกับโอลิชแต่เพียงผู้เดียว... ตรงจุดนั้นราฟาเอล หายไปไหน ? ...กองหลังอย่างเนมานย่า วิดิช และริโอ เฟอร์ดินานด์ ก็พร้อมใจกันยักไหล่พร้อมเมินหน้าหนี... ความประมาทที่เชื่อว่าโอลิชคงไม่มีมุมยิง... เชื่อว่าเอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ จะเซฟประตูเอาไว้ได้

ความประมาทคือหนทางสู่หายนะ อารมณ์ของแฟนยูไนเต็ดเหมือนตกสวรรค์นับแต่บัดนั้น

ผมมีลางสังหรณ์ตั้งแต่ตอนนั้นครับ... ลางไม่ดีที่กระซิบข้างหูผมแผ่วเบาว่า ทีมรักอาจต้องตกรอบ 

จุดเปลี่ยนที่สามเริ่มต้นอย่างกระฉับกระเฉง... เฟอร์กี้ตัดสินใจไม่เปลี่ยนรูนี่ย์ออกจากสนาม ปล่อยให้หอกสุกรทนทุกข์ทรมานต่อไปอีก 10 นาที ขณะที่หลุยส์ ฟาน กัล ชี้นิ้วสั่งแข้งเสือ บุกสู้ตาย ขึงเกมอย่างไร้ปราณี

ชัดเจนครับในเรื่องของ อะไหล่... บาเยิร์นชนะยูไนเต็ดขาดลอย แค่มิดฟิลด์คุณภาพคับแก้วก็วิ่งเบียดกันในสนามจนไร้ที่หายใจ... ฟร้องค์ ริเบรี่ , บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ , อาร์เยน ร็อบเบน... ขณะที่กองหน้านอกจากโอลิชและมุลเลอร์... มาริโอ โกเมซ , มิโรสลาฟ โคลเซ่ และฮามิต อัลทินท็อป นั่งแสยะยิ้มอย่างดุร้ายบนม้านั่งสำรอง

แข้งขาสั่นพร้อมมองไปที่ซุ้มฝั่งปีศาจ... ไรอัน กิ๊กส์และพอล สโคลส์ บนความหวังอันริบหรี่ในวัยสามสิบปลายๆ... ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ ผู้น่าผิดหวัง และเฟเดริโก้ มาเคด้า กระทาวัยหนุ่มแน่นซึ่งรอการพิสูจน์ตัวเอง

เฟอร์กี้ต้องรอจน จุดเปลี่ยนที่ 4 เกิดขึ้น... คือการถูกไล่ออกของราฟาเอล จึงแก้เกมด้วยการเปลี่ยนรูนี่ย์เวอร์ชั่น หมูหน้าบูด ออกจากสนามเสียที... จอห์น โอเช รับบัญชาพร้อมทั้งคืนสนามในรังเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือน

อาการ หนังม้วนเดิม เริ่มกำเริบ... ยูไนเต็ดต้องหน้าตั้งมาอุดประตูไม่คิดชีวิต... ไม่ต่างกับทีมท้ายตาราง... เล่นเหมือน รอโดน ขณะที่เกมรุกของทีมเยือน พรั่งพร้อมด้วยสตาร์ระดับยุโรประดับหรูหราฟู่ฟ่าด้วยฝีเท้า

4 จุดเปลี่ยนที่เกิดขึ้นในที่สุด... แปรเปลี่ยนเป็นความพ่ายแพ้... ต้องโค้งคำนับการยิงของอาร์เยน ร็อบเบนครับ... ร็อบเบนกับริเบรี่ น่าเสียดายเหลือเกิน สองแข้งรายนี้ยูไนเต็ดไล่ตามเกี้ยวพาราสีตั้งแต่อ้อนแต่ออก ท้ายสุดเหมือนกริชแหลมคมที่กลับมาแทงอกตัวเอง

กระนั้นความพ่ายแพ้นัดนี้... ทำให้ความมั่นใจในตัวของดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ ลดไปเรื่อยๆ

หากรูนี่ย์ที่ยังฟิตสมบูรณ์อยู่ในสนาม ในช่วงท้ายเกมอาจโหมกดดันฝ่ายตรงข้ามได้มากกว่าหอกบัลแกเรียแน่

และเท่าที่ได้เห็นในเกม คนที่สมควรคารวะในความทุ่มเทที่สุดคือ หลุยส์ นานี่

นอกจากบวกสองสกอร์ให้ทีมแล้ว... ในช่วงท้ายเขาเป็นเพียงไม่กี่คนในทีมที่กระหายในชัยชนะชัดเจน... งัดทุกลูกเล่นทุกทริกที่มีในตัวมาใช้... วิ่งไล่ทุกจังหวะเท่าที่ทำได้ และลากตะลุยจนสับไกยิงเกือบเป็นประตูปาฏิหาริย์

แต่ปาฏิหาริย์แบบปี 1999 เกิดไม่บ่อยครับ... เพราะบางทีถ้าเกิดขึ้นบ่อยเกินไป เราอาจไม่ได้เรียกมันว่าปาฏิหาริย์ก็ได้

ประเด็นน่าขบคิด... เฟอร์กี้กับปมที่เก็บกด... เขาทำทีมพ่ายแพ้ให้กับโค้ชชั้นนำของยุโรปหลายต่อหลายคนแล้ว

พ่ายเชลซีของคาร์โล อันเชล็อตติ ทั้งเหย้า-เยือน และก่อนหน้านี้ มิลานในกำมือของกุนซือคางทูม เขี่ย ปีศาจแดง หล่นจากเหวแชมเปี้ยนส์ ลีกถึง 2 ฤดูกาลซ้อน

พ่ายสเวน โกรัน อีริคส์สัน เมื่อครั้งกุมบังเหียนแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทั้งเหย้า-เยือน และสมัยที่กุนซือเถิกขุนแผนคุมลาซิโอ... มาร์เซโล่ ซาลาส ปลิดชีพยูไนเต็ดลงในศึกซูเปอร์คัพปี 1999 

ล่าสุดคงเป็นหลุยส์ ฟาน กัล ที่ถูกบันทึกไว้ในปูมของเฟอร์กี้

กระนั้นก็เถอะครับ... นี่คือเสน่ห์ของฟุตบอลลูกกลมๆ... ไม่มีใครเศร้าไปตลอด และไม่มีใครยิ้มไปตลอด



มองในแง่ดียูไนเต็ดก็ไม่ต้องไปพะวงกับโปรแกรมชุกชุมอย่างที่คาดหวังเอาไว้... จากนี้จนถึงเส้นชัย มีเพียง 5 นัดสุดท้ายของพรีเมียร์ลีก ที่จะนำทางไปสู่แชมป์ประวัติศาสตร์เท่านั้น

ในฐานะเร้ด อาร์มี่ เราทำได้แค่เชียร์ต่อไป... แต่ขอพูดในแฟนผีคนหนึ่ง... เราอย่าโทษกรรมการเลยครับ... ไม่มีประโยชน์... กรรมการเป็นแค่ส่วนหนึ่งในเกมเท่านั้น... เพราะถึงเขาจะตัดสินเข้าข้างคุณเพียงใด แต่ถ้าคุณเล่นอย่างไม่ดีพอที่จะเอาชนะ คุณก็จะไม่ชนะ !

อย่างเกมวันนี้ที่ยูไนเต็ด ไม่ดีพอ ที่จะกำราบบาเยิร์นได้ภายใน 90 นาที... ไม่ดีพอ กับการจัดการความประมาทเพียงนิดเดียว... จังหวะละเลยปล่อยอิวิก้า โอลิช หลุดจากโซ่ตรวน มันคือประตูสู่นรก

ปีศาจแห่งซาตานเปิดประตูสู่นรกของพวกเขาเองในนาทีที่ 43 ของเกมเมื่อคืนนี้ครับ !!

เรื่องของทีมที่ยังไม่เสถียรพอ... คงเป็นหน้าที่ของเฟอร์กี้ที่จะต้องขบคิดต่อไป... ทำยังไงให้ยูไนเต็ดกลับมาผงาดอีกครั้งในฤดูกาลหน้าให้ได้

แต่ตอนนี้ สำหรับแฟนผีแม้ฟ้าจะมืดหม่นอึมครึ้มเพียงใด... ขอให้นึกถึงเพลงนี้เข้าไว้ครับ

ทำได้เพียงทำวันนี้ให้ดีที่สุด ให้กำลังใจทีมที่เรารักอย่างสุดหัวใจ...

และเมื่อวันเวลาที่ฝนจาง... ฟ้าก็คงสว่างและทำให้เราได้เข้าใจ... ว่ามันคุ้มค่าแค่ไหนที่เฝ้ารอ...

เจี๊ยบ เคเอฟซี


ปล.2 ขอบคุณภาพสวยๆจากไบรท์









 



ขอขอบคุณเนื้อข่าวคุณภาพดีโดย lentee

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์