ว่าที่Big4?เรือจุ่มแซ่บขึ้นที่ 4!บุกต้อนเบิร์นลีย์ขี้ราด 6-1

เรือใบแมนเชสเตอร์ ซิตี้อัดอั้นมาจากไหนไม่ทราบบุกสาดกระสุนใส่เบิร์นลีย์เจ้าบ้านชนิดไม่ไว้ หน้า 6-1 โดยเอ็มมานูเอล อเดบายอร์เบิ้ล 2 แถมเกมนี้จบตั้งแต่ 7 นาทีแรกที่สกอร์ 3-0 แซงสเปอร์สขึ้นมาอยู่อันดับ 4 อย่างยิ่งใหญ่

พรีเมีย ร์ลีก

วันเสาร์ที่ 3 เมษายน 2553


เบิร์นลีย์ 1-6 แมนฯซิตี้

ประตู : 0-1 อเดบายอร์ น.4,0-2 เบลลามี่ น.5,0-3 เตเบซ น.7,0-4 วิเอร่า น.20,0-5 อเดบายอร์ น.45,0-6 กอมปานี,1-6 เฟลทเชอร์ น.71


ครึ่งแรก

เรือนำสาย ฟ้าแล่บ 1-0
แค่ 3 นาทีเรือใบเกือบขึ้นนำอย่างรวดเร็วหลังอดัม จอห์นสันรับลูกทุ่มจากโอนูฮาแล้วลากตัดก่อนฝากให้เตเบซที่ตอกสั้นให้อดีต แข้งโบโร่วิ่งเข้ามาเอาข้างในเขตโทษแล้วซัดแฉลบขาตัวบล็อกบอลชนเสาออกหลัง นิดเดียว

แต่จากจังหวะเตะมุมบอลตกที่หน้าประตูระยะ 8 หลาเลยไปถึงอเดบายอร์ที่เกี่ยวบอลล้นไปด้านหน้าก่อนวิ่งมาวอลเลย์กลางอากาศ บอลพุ่งเลียดพุ่งแฉลบขาเยนเซ่นนายทวารบอลตุงตาข่ายไม่มีเหลือ 1-0 แล้ว

ช็อก!ถีบ จักรซัด 2-0
เบิร์นลีย์ที่เคยแกร่งในบ้านเมื่อต้นฤดูกาลมาโดน 2-0 ในอีกนาทีต่อมาโดยต้องบอกว่าแดนกลางไม่ช่วยกองหลังเลยเพราะปล่อยให้อดัม จอห์นสันฝากบอกให้เตเบซควบโทงๆขึ้นมาถึงหน้าเขตโทษแล้วอดีตแข้งแมนฯยูไนเต็ด บรรจงแทงไหลเข้าเขตโทษให้อเดบายอร์ที่วิ่งฉีกไปทางด้านซ้ายแต่เบลลามี่ไม่ รู้มาจากไหนวิ่งมาฉกด้วยความเร็วจนตัวประกบบายอร์หลงไปเลยแล้วแปสวนเยนเซ่น เข้าไปหน้าตาเฉย

แม่เจ้าโว้ย 7 นาทีเรือนำ 3-0
แว้ก!!อีก 2 นาทีเรือใบนำ 3-0 ช็อกทั้งสนามหลังจังหวะที่เยนเซ่นเตะเปิดเกมไม่ดีกลายเป็นเข้าทางเตเบซลาก จี้มาหน้าเขตโทษแล้วแทงเข้าในเขตด้านขวาให้จอห์นสันวิ่งมาตบบอลตั้งให้บา ยอร์ยิงเลียดตามน้ำแต่บอลเบาไปตรงตัวเยนเซ่นแต่นายทวารจอมเก๋าไม่รู้ตกใจ อะไรถึงรับไม่อยู่ไปปัดบอลปลิ้นมาเข้าทางเตเบซวิ่งมาแปเผาขน 2 หลาง่ายๆ แฟนบอลบางคนลุกขึ้นด่าแล้วเดินกลับบ้านเลย ส่วนไบรอัน ลอว์กุนซือยืนช็อกก่อนตั้งสติตะโกนบอกช่วยชีวิตกูด้วยเล่นดีๆ

น่าจะเป็นหนึ่งในเกมที่แฟนบอลรุ่นใหม่ได้เห็นการยิงประตูติดๆกันรวดเร็วขาด ลอยแบบนี้ เรียกว่าเกมจบตั้งแต่ยังไม่เริ่มกันเลยทีเดียว!!

วิเอร่าโขก หาย 4-0
เกมนี้จังหวะเสียวไม่ต้องเอาแต่ลูกเข้าเน้นๆก็เหนื่อยแล้วและนาที 20 ลูกตะมุมของจอห์นสันบอลโค้งมาที่ระยะ 8 หลาเป็นวิเอร่าที่วิ่งทำทางตีคู่มากับดาเนี่ยล ฟ็อกซ์ที่ดึงแล้วไม่อยู่ก่อนที่แข้งเลสเบลอส์จะขวิดทะลุเยนเซ่นเข้าไปง่ายๆ 4-0 พูลสวัสดิ์

กล้องจับไปที่แฟนบอลเดินกลับบ้านกันเพียบ เก้าอี้หลายจุดโหรงเหรง บางคนเดินกลับเอามือทุบกำแพง คงแค้นมากเลยสินะ

แฟน เบิร์นลีย์ฮึดร้องเพลงปลุกใจ
เกมของเจ้าถิ่นยังไม่ดีขึ่นแม้จะวิ่งกันลืมตายเพราะแฟนบอลหลายคนที่ยังไม่ กลับบ้านร้องเพลงเชียร์ปรบมือเอาใจช่วยทำให้แนวรับของเรือใบเริ่มต้องออก แรงมากขึ้นตามลำดับ

นูเจนท์โขก เหน่งๆไม่เข้า
นาที 38 เบิร์นลีย์น่าตีเสมอได้หลังจังหวะลูกเตะมุมนูเจนท์เทคตัวขึ้นโขกระยะเหน่งๆ 5 หลาแต่ถูกกิฟเว่นลอยตัดปัดบนเส้นเหลือเชื่อ

ตอนนี้เกมรุกของทีมเยือนน่ากลัวมากเพราะเบิร์นลีย์บุกจะตีไข่แตกทำให้เจอสวน ทีหลุดกระชากขึ้นมาสนุกสนานและนาทีสุดท้ายเรือใบน่าได้ลูก 5 หลังเบลลามี่ควบมาเอาบอลตรงริมกรอบโทษฝั่งซ้ายก่อนตบระดับเอวให้เตเบซดูดลง ก่อนบรรจงแปผ่านสองตัวประกบบอลชนเสาอย่างน่าเสียดาย

ผู้กองหลุด เดี่ยว 5-0
อย่างไรก็ตามนาทีสุดท้ายเรือใบมาได้ลูก 5 จากจังหวะที่เตเบซได้บอลตรงกลางสนามแล้วบรรจงแปเลียดทะลุช่องพรวดเดียวแหวก สองเซนเตอร์ให้บายอร์วิ่งกระชากหลุดเดี่ยวชายสี่หมี่เกี๊ยวไปล่อเป้าสองคน เธอกับฉันกับเยนเซ่นแล้วมีเวลามากถึงขนาดหลอกยึกยักก่อนแปเลียดลอดแขนเบียด เสาเข้าไปง่ายๆ หมดครึ่งแรก 5-0!!

ครึ่งหลัง

นูเจนท์ เกือบตีไข่
ฝนตกหนักทำให้สภาพสนามเละเทะมากและเล่นมา 6 นาทีนูเจนท์ลากบอลนัวเนียคนเดียวฝ่า 4 นักเตะทีมเยือนก่อนสบโอกาสส่องบอลถากเสาไกลออกไปแบบได้เสียว

ครึ่งโหล เงาะโรงเรียน
แต่ซิตี้ที่เล่นเนือยๆมาได้ลูก 6 จากจังหวะเตะมุมบอลเป็นกอมปานีเทคตัวเหนือสองผู้เล่นเบิร์นลีย์ที่ไม่ยอม ขึ้นบอลเด้งลงพื้นเข้าไปเลย

เบิร์นลีย์ ไล่มาแล้ว 6-1
แต่นาที 71 เบิร์นลีย์มาตีไข่แตกหลังอีเกิลส์แทงทะลุช่องให้เฟลทเชอร์วิ่งเข้าเขตโทษ ก่อนหักข้อยิงมุมแคบแสกหน้ากิฟเว่นที่ปรี่ล้มตัวปิดมุมบอลพุ่งเบียดเสาตุง ตาข่ายเข้าไปสวยงาม ไล่มาอย่างตื่นเต้น 6-1!!

หมดเวลาเกมขาดลอยชนะตามคาด 6-1 ทำให้เรือใบของโรแบร์โต้ มันชินี่แซงสเปอร์สขึ้นไปอยู่ที่ 4 แทนแถมตุนประตูได้เสียเพิ่มจาก 19 เป็น 24 ไล่ไก่เดือยทองเหลือแค่ 7 ลูกอีกต่างหาก

รายชื่อนัก เตะทั้งสองทีม

เบิร์นลีย์ :
ไบรอัน เยนเซ่น,ไทรอน เมียร์ส,ไมเคิ่ล ดัฟฟ์,ลีออน คอร์ท,ดาเนี่ยล ฟ็อกซ์,เควิน แม็คโดนัลด์(เอเลียต น.46),เกรแฮม อเล็กซานเดอร์,เดวิด นูเจนท์,ร็อบบี้ เบล็ค(คอร์ค น.46),คริส อีเกิ้ลส์,สตีเฟ่น เฟลทเชอร์(แพตเตอร์สัน น.81)

แมนฯซิตี้ : เชย์ กิฟเว่น,เนดุม โอนูฮา,โคโล่ ตูเร่,แวงซ็องต์ กอมปานี,ซิลวินโญ่(เด ยอง น.67),อดัม จอห์นสัน,ปาทริค วิเอร่า,แกเรธ แบร์รี่,เคร็ก เบลลามี่,เอ็มมานูเอล อเดบายอร์(ซานตา ครูซ น.79),คาร์ลอส เตเบซ(นิเมลีย์ น.83)























_________________
##### ได้รู้ความจริง ได้ยิ่งกว่าฟุตบอล อ่าน SoccerSuck #####


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์