ราชันแห่งการคัมแบ็ก

โซล แคมป์เบลล์ กลายเป็นนักเตะคนแรกที่ถูกปล่อยตัวออกไปโดย อาร์แซน เวนเกอร์ และถูก กุนซือเฟร้นช์แมน เซ็นสัญญาดึงตัวกลับมาร่วมงานกันอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ยังต้องรอดูกันต่อไปว่า ดาวเตะวัย 35 ปี จะประสบความสำเร็จในการหวนกลับมาค้าแข้งกับ อาร์เซน่อล เป็นคำรบ 2 หรือไม่ ขณะที่ 10 นักเตะ และผู้จัดการทีมที่อยู่ในลิสต์ Top 10 comeback kings หรือ ราชันแห่งการคัมแบ็กของเรา จากการจัดอันดับของ เดอะ ซัน ในวันนี้ มีสถิติที่สุดยอด เหลือเกินในการกลับไปรับใช้ต้นสังกัดเก่า



ร็อบบี้ ฟาวเลอร์
ลิเวอร์พูล : 1993-2001 และ2006
ราฟา เบนิเตซ คงไม่อาจจะหาทางเรียกคะแนนนิยมให้กับตัวเองได้ดีไปกว่านี้อีกแล้ว ตอนที่ ราฟา ดึง ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ กลับมายัง ลิเวอร์พูล เมื่อปี 2006 สาวก เดอะ ค็อป เรียกการคือนถิ่นเก่าครั้งนั้นว่า เดอะ รีเทิร์น ออฟ ก็อด หรือ การคืนถิ่นของพระเจ้า ฟาวเลอร์ อาจไม่ยิงสลุตเหมือนเก่าในสัญญา 18 เดือน แต่มันก็เพียงพอที่จะทำให้ยอดรวมในการทำประตูให้ หงส์แดง ของเขาเพิ่มพูนขึ้นไปถึง 191 ประตู แซงหน้าฮีโร่ตลอดกาลแห่ง แอนฟิลด์ อย่าง เคนนี่ ดัลกลิช ได้อย่างงดงาม


จูนินโญ่
มิดเดิ้ลสโบรช์ : 1995-97, 1999-2000 และ 2000-2004

ดาวเตะสายพันธ์แซมบ้า กับถิ่นทีไซด์ดูเหมือนจะเป็นอะไรที่ไม่ค่อยเข้ากันนัก และ จูนินโญ่ ก็มีปัญหากับการใช้ชีวิตที่ ริเวอร์ไซด์ สเตเดี้ยม จริงดังคาด แม้จะทำผลงานได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจก็ตาม ด้วยเหตุนี้ อดีตดาวเตะทีมชาติบราซิล จึงระเห็จไปอยู่กับ แอตฯ มาดริด และวาสโก ดา กาม่า แต่ไม่ประสบความสำเร็จจนต้องบากหน้ากลับมาเล่นให้ เดอะ โบโร่ อีก 2 ช่วง


เจอร์เมน เดโฟ
ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์: 2004-2008 และ2009-ปัจุบัน

หลังจากถูกดองเป็นมะม่วงแช่อิ่มอยู่กับ สเปอร์ส เดโฟ จึงตัดสินใจย้ายไปซบตัก พอร์ทสมัธ และช่วงเวลา 12 เดือนภายใต้การกุมบังเหียนของ แฮร์รี่ เร้ดแน็ปป์ นี่เองที่ทำให้ กองหน้าร่างเล็ก กลับมาระเบิดฟอร์มยิงสลุตได้อีกครั้ง เมื่อ จ่าแฮร์รี่ ตัดสินใจเก็บของย้ายจาก แฟร็ตตัน พาร์ค ไปยัง เดอะ เลน เขาก็ไม่ลืมที่จะหิ้ว เดโฟ กลับถิ่นเก่าไปด้วยกัน และหัวหอกทีมชาติอังกฤษ ก็ระเบิดฟอร์มให้ ไก่เดือยทอง ได้อย่างสุดยอด โดยเฉพาะในเกมถล่ม วีแกน 9-1 เมื่อเดือนพฤศจิกายน ที่ผ่านมา ซึ่ง หมอกดไปคนเดียวถึง 5 ดอกเน้นๆ


มาร์ค ฮิวจ์ส
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด : 1980-86 และ1988-1995
ช่วงเวลา 6 ปีแรกกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ของ ฮิวจ์ส ทำให้เขากลายเป็นขวัญในของแฟนบอลบนอัฒจันทร์ฝั่ง สเตรทฟอร์ด เอนด์ อย่างไรก็ตาม เมื่อ เทอร์รี่ เวนาเบิ้ลส์ และบาร์เซโลน่า เข้ามากวักมือเรียก ดาวยิงเลือดเวลช์ ก็ไม่อาจต้านทานความเย้ายวนได้ไหว และตัดสินใจย้ายไปล่าประตูยังถิ่น คัมป์ นู ในที่สุด อย่างไรก็ตาม หลังจาก 2 ฤดูกาลที่ร้างไร้ความสำเร็จกับ บาร์ซ่า ฮิวจ์ส ก็ต้องเผ่นกลับมาอยู่กับ ปีศาจแดง อีกครั้ง ภายใต้การนำทัพของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน สปาร์กี้ กลับมายิงระเบิดอีกครั้ง และคว้ารางวัลแข้งยอดเยี่ยม พีเอฟเอ ไปครองได้ในสำเร็จในซีซั่น 1988-89 แถมยังคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ได้ 2 สมัย เอฟเอ คัพ 2 สมัย ลีก คัพ 1 สมัย และคัพ วินเนอร์ คัพ อีกหนึ่งสมัย



เควิน คีแกน
นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด : ในฐานะนักเตะ - 1982-1984
ในฐานะผู้จัดการทีม - 1992-1997 และ2008

นี่คือพระผู้มาโปรด ซึ่งกลับมากู้ชีพให้สาวก เดอะ แม็กพายส์ อยู่เนืองๆ เดิมที คีแกน คือนักเตะของ นิวคาสเซิ่ล ก่อนจะกลับมายัง เซนต์ เจมส์ พาร์ค ในฐานะผู้จัดการทีมอยู่ 2 ช่วง ซึ่งทำให้เขากลายเป็นขวัญใจเบอร์ 1 ของชาวจอร์ดี้ บางทีช่วงเวลาที่ถูกจดจำมากที่สุดของ คิง เคฟ น่าจะอยู่ในฤดูกาล 1995-96 เมื่อเขาพา นิวคาสเซิ่ล นำเป็นจ่าฝูง พรีเมียร์ลีก โดยทิ้งรองจ่าฝูงถึง 12 คะแนน แต่กลับถูก แมนฯ ยูไนเต็ด เร่งเครื่องแซงเข้าป้ายคว้าแชมป์ไปครองในที่สุด ถึงแม้อดีตหัวหอก ลิเวอร์พูล และฮัมบูร์ก จะไม่เคยนำถ้วยรางวัลมายังถิ่น ไทน์ไซด์ ได้เลย แต่ก็ยังมีแฟนบอลนิวคาสเซิ่ลอีกหลายคนที่อยากให้เขากลับมาเป็นผู้จัดการทีมอีกครั้ง


 
เจอร์เก้น คลิ้นส์มันน์
ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์: 1994-1995 และ1997-1998
ช่วงแรกของ คลิ้นส์มันน์ กับ สเปอร์ส กินเวลาเพียง 1 ฤดูกาล แต่แค่นั้นก็ทำให้เขากลายเป็นขวัญใจแฟนบอลในถิ่น ไวท์ ฮาร์ทเลน ได้เรียบร้อย แต่ คลิ้นซี่ เข้ามาอยู่ในลิสต์ Comeback Kings Top 10 หลังตอบรับสัญญาณ SOS จากลอนดอน ขณะที่ค้าแข้งอยู่กับ ซามพ์โดเรีย ฤดูกาลนั้น ไก่เดือยทอง จวนเจียนจะตกชั้นอยู่รอมร่อ แต่จากการถล่มประตูของ เจ้าฉลามขาว ที่ย้ายกลับมาด้วยสัญญายืมตัวทำให้พวกเขารอดจากการถูกลดชั้นด้วยระยะห่างเพียง 4 คะแนน


 


แฮร์รี่ เร้ดแน็ปป์
พอร์ทสมัธ : 2002-2004 และ2005-2008
หลังจากโดนเขี่ยตกเก้าอี้ กุนซือ เวสต์แฮม เร้ดแน็ปป์ ก็กลับไปเริ่มนับหนึ่งใหม่อีกครั้งกับทีมในดิวิชั่น 1 (เดิม) อย่าง พอร์ทสมัธ จากนั้น เขาก็พา ปอมปีย์ กลับมาผงาดในลีกสูงสุด แต่จากการแต่งตั้ง เวลิเมียร์ ซาเย็ค ขึ้นมาเป็น ผอ.ฟุตบอล ทำให้ กุนซือตาหวาน ตัดสินใจโบกมือลา แฟร็ตตัน พาร์ค ก่อนย้ายไปคุม เซาธ์แฮมป์ตัน ซึ่งก็ตกชั้นในเวลาต่อมา ปี 2005 เมื่อ พอร์ทสมัธ กวักมือเรียก เร้ดแน็ปป์ ก็ไม่ลังเลที่จะตอบรับคำเชิญ และช่วยให้ สโมสรทางตอนใต้ ของ อังกฤษ เอาตัวรอดจากการถูกลดชั้นได้สำเร็จ โดยก่อนจะย้ายไปคุม สเปอร์ส กุนซือจอมเก๋า ยังฝากผลงานเอาไว้ให้ พอร์ทสมัธ ด้วยการพาทีมคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ ในปี 2008 อีกด้วย


 


เอียน รัช
ลิเวอร์พูล : 1980-1987 และ1988-1996
ตอน เอียน รัช ไปล้มเหลวกับ ยูเวนตุส เขาพ่นวลีอมตะออกมาว่า มันเหมือนกับการย้ายไปอยู่ต่างประเทศ ไม่ว่าเขาจะพูดประโยคข้างต้นออกมาหรือไม่ แต่มันก็เห็นได้ชัดเจนว่า สำหรับ รัชชี่ ไม่มีที่ไหนจะทำให้สุขใจไปมากกว่าการยิงประตูในเครื่องแบบ หงส์แดง อีกแล้ว การกลับบ้านของ รัช ในปี 1988 ทำให้เกิดการฉลองใหญ่ ซึ่งก็สามารถเข้าใจได้เมื่อ เหลือบไปดูสถิติยิง 139 ประตูในการลงเล่น 224 เกมให้ ลิเวอร์พูล จากนั้น เพชฌฆาตหนวดเหล็ก ก็กดไปอีก 90 ประตู ใน 224 เกม และกลายเป็นดาวยิงสูงสุดตลอดกาลของสโมสรมาจนกระทั่งปัจจุบัน


 


ฟาบิโอ คาเปลโล่
ในฐานะนักเตะ: โรม่า 1967-1969, ยูเวนตุส 1969-1976 และเอซี มิลาน 1976-1980
ในฐานะผู้จัดการทีม: เอซี มิลาน 1991-1996, เรอัล มาดริด 1996-1997, เอซี มิลาน 1997-1998, โรม่า 1999-2004, ยูเวนตุส 2004-2006 และเรอัล มาดริด 2006-2007
3 ช่วงเวลากับ เอซี มิลาน 2 ช่วงเวลากับ โรม่า 2 ช่วงเวลากับ ยูเวนตุส กับ อีก 2 ช่วงเวลากับ เรอัล มาดริด ทำให้ ฟาบิโอ คาเปลโล่ กวาดถ้วยรางวัลมาประดับบารมีได้เป็นกระบุงทั้งในฐานะนักเตะ และผู้จัดการทีม ในฐานะมิดฟิลด์ คาเปลโล่ ได้ชูถ้วย โคปปา อิตาเลีย ในปี 1969 และคว้าแชมป์ เซเรีย อา 3 สมัยกับ ยูเวนตุส ก่อนจะมาคว้าแชมป์ลีกอิตาลี และโคปปา อิตาเลีย อีกอย่างละหนึ่งสมัยกับ เอซี มิลาน จากนั้น เขาจึงก้าวขึ้นมาเป็นนายใหญ่แห่งถิ่น ซาน ซีโร่ หลังแยกจากกันไปนาน 11 ปี คาเปลโล่ พา รอสโซเนรี่ ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ด้วยการคว้าแชมป์ เซเรีย อา 3 สมัยซ้อน ระหว่างปี 1992 ถึง 1994 ตามด้วยถ้วยแชมเปี้ยนส์ ลีก ในปี 1994 และแชมป์ ลีก อิตาเลียน อีก 1 สมัยในปี 1996 จากนั้น เรอัล มาดริด ก็เข้ามารับตัวเขาไปทำงานที่ เบร์นาเบว และ กุนซือชาวอิตาเลียน ก็พา ราชันชุดขาว คว้าแชมป์ ลา ลีกา ได้สำเร็จทันทีในขวบปีแรกกับสโมสร ปีต่อมา คาเปลโล่ โบกมือลา แชมป์ยุโรป 9 สมัย และกลับมาคุม โรม่า ซึ่งเขาสามารถพา หมาป่าเหลืองแดง ครองแชมป์ เซเรีย อา ได้ทันทีเช่นกัน ต่อมา บิ๊กดอน ย้ายกลับไปคุม เรอัล มาดริด อีกหนึ่งซีซั่น และพาพวกเขาครองแชมป์ ลา ลีกา ได้อีกครั้ง ด้วยสถิติในการคัมแบ็กอันยอดเยี่ยม และความสำเร็จที่ล้นหลามดังกล่าว จงอย่าแปลกใจหาก คาเปลโล่ จะกลับมาคุมอังกฤษเป็นคำรบ 2 พร้อมพาทีมไปสู่ฝังฝั่น หลังจากหมดสัญญาคุมทีมฉบับปัจจุบัน


 


โยฮัน ครัฟฟ์
ในฐานะนักเตะ: อาแจ็กซ์ 1964-1973 และ 1981-1983, บาร์เซโลน่า 1973-1978
ในฐานะผู้จัดการทีม: อาแจ็กซ์ 1985-1988 และบาร์เซโลน่า 1988-1996
นี่คือหนึ่งในคนลูกหนัง ซึ่งมีอาชีพที่ประสบความสำเร็จสูงที่สุด และมันก็ส่งให้ โยฮัน ครัฟฟ์ มีช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่กับ อาแจ็กซ์ ถึง 3 ช่วงเวลาทั้งในฐานะนักเตะ และผู้จัดการทีม อย่างไรก็ตาม นักเตะเทวดา ยังประสบความสำเร็จอย่างสูงกับ บาร์เซโลน่า ทั้งในฐานะนักเตะ และกุนซือเช่นกัน จนทำให้เขาคว้าอันดับ 1 ในลิสต์ราชันแห่งการคัมแบ็กไปครอง ในช่วงแรกที่อยู่กับ อาแจ็กซ์ ครัฟฟ์ ซัดไปถึง 190 ประตู จากการลงสนาม 240 เกม และพาตันสังกัดคว้าแชมป์ลีก 6 สมัย ดัตช์ คัพ 4 สมัย และยูโรเปี้ยน คัพ อีก 3 สมัย จากนั้นเขาจึงไปอยู่กับ บาร์เซโลน่า และพาทีมคว้าแชมป์ ลา ลีกา และโกปา เดล เรย์ มาครองได้อย่างละหนึ่งสมัย ช่วงปลายอาชีพค้าแข้ง ครัฟฟ์ ย้ายไปเล่นในสหรัฐฯ กับ ลอส แอนเจลิส อัซเท็คส์, วอชิงตัน ดิโพลแมตส์ และกลับมาเล่นในสเปนกับ เลบานเต้ จากนั้นเขาก็กลับไปยัง อาแจ็กซ์ และคว้าแชมป์ พรีเมียร์ดัตช์ อีก 2 สมัย และแชมป์บอลถ้วยอีกหนึ่งสมัยในฐานะนักเตะ หลังแขวนเกือก อดีตกองหน้าทีมชาติฮอลแลนด์ ก็ก้าวขึ้นมาเป็นกุนซือของ อาแจ็กซ์ และพาทีมคว้าแชมป์ ดัตช์ คัพ 2 สมัย และคัพ วินเนอร์ส คัพ อีกสมัย ก่อนย้ายไปคุม บาร์ซ่า และพา เจ้าบุญทุ่มประสบความสำเร็จอย่างยิ่งยวดด้วยการคว้าแชมป์ ลา ลีกา 4 สมัย โกปา เดล เรย์ 1 สมัย และยูโรเปี้ยน คัพ 1 สมัย เอ่อ


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์