เตเบซแฮทริค-ริชาร์ดมหัศจรรย์!เรือ 4-1 ขึ้นท็อปโฟว์

เตเบซแฮทริค-ริชาร์ดมหัศจรรย์!เรือ 4-1 ขึ้นท็อปโฟว์

แมนเชสเตอร์ ซิตี้แรงเงียบอย่างต่อเนื่องล่าสุดเปิดบ้านเอาชนะแบล็คเบิร์น โรเวอร์สสบายเกือก 4-1 จากแฮทริคของคาร์ลอส เตเบซและลูกมหัศจรรย์ของไมคาห์ ริชร์ดที่ลากเดี่ยวตั้งแต่หน้าประตูตัวเองงทำให้ลูกทีมโรแบร์โต้ มันชินี่ทะยานขึ้นอันดับ 4 เรียบร้อยแล้ว

พรีเมียร์ลีก

วันจันทร์ที่ 11 มกราคม 2553


แมนฯซิตี้ 4-1 แบล็คเบิร์น

ประตู : 1-0 เตเบซ น.7,2-0 ริชาร์ดส์ น.39,3-0 เตเบซ น.49,3-1 พีเดอร์เซ่น น.71,4-1 เตเบซ ย.90+1


ก่อนเกมมีสองไฮท์ไลท์คือการโชว์ตัวของปาทริค วิเอร่าแข้งใหม่จากอินเตอร์ มิลานที่เซ็นสัญญา 6 เดือนใส่สูทโบกมือทักทายแฟนและการถ่ายรูปรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือนธันวาคมของคาร์ลอส เตเบซอีกด้วย

ครึ่งแรก

เตเบซเจาะ 1-0
หลังประกาศตัวชัดเจนว่าจะเอาชัยชนะในเกมนี้ด้วยการขึงเกมเข้าทำจนถึงนาทีที่ 6 เศษๆเรือใบก็ได้ประตูขึ้นนำ 1-0 อย่างรวดเร็วจากจังหวะเตะมุมของเปตรอฟที่อัดพุ่งมาแต่เหมือนไม่มีมอะไรเพราะจังหวะนั้นโรบินสันออกมากระโดดคว้าแต่ไม่รู้กันกับคีธ แอนดรูวส์ทำให้บอลหกถึงเบนจานี่ที่ยิงซ้ำบอลแป๊กโดนไม่เต็มแต่ยังมีเฮงไปถูกน่องเตเบซที่ยืนอยู่ตรงระยะ 6 หลาเข้าไปง่ายๆ ลูกที่ 9 ใน 8 นัดของเตเบซนักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือนธันวาคม!!

พีเดอร์เซ่นส่องถาก
เกมของเรือใบเหมือนน่าจะเล่นง่ายแต่กุหลาบไฟก็ชวนทะเลาะได้เรื่อยๆและนาที 27 ซาบาเลต้าโขกเคลียร์ไม่ดีมาเข้าทางพีเดอร์เซ่นที่ง้างอีซ้ายซัดจากหน้ากรอบเขตโทษดีที่บอลไม่ตรงกรอบ

บอลชวนง่วงอีกแล้ว
บอลคู่นี้ยิงเร็วแต่เกมไม่เร้าใจอย่างที่คาดเรียกว่าผ่านมาแล้ว 35 นาทีผู้รักษาประตูทั้งสองทีมยังไม่ได้ออกแรงเซฟอะไรเลยเพราะแนวรับดักทางการเข้าทำกันและกันได้ดีมาก

ริชาร์ดทำช็อกลากจากหน้าประตูมายิง 2-0!!
ด่าหน่อยทำฮึดนาที 39 เกิดช็อตมหัศจรรย์ขึ้นเมื่อริชาร์ดกองหลังดาวรุ่งเลี้ยงฝ่าด่านตั้งแต่หน้าประตูตัวเองจากระยะ 25 หลาหลบมา 4 จนถึงหน้าเขตโทษแล้วไหลให้เบนจานี่หลุดเข้าไปยิงชนเสาแต่บอลเป็นใจกระเด้งมาเข้าทาง MR ที่วิ่งมาแประยะเผาขนผ่านตัวบล็อกเข้าไป เป็นประตูสุดยอดที่แฟนๆปรบมือสะใจกันทั้งสนาม

ครึ่งหลัง

เตเบซว่องยิงเบิ้ล
เล่นมา 4 นาทีเจ้าถิ่นหนีห่างเป็น 3-0 หลังริชาร์ดเบียดตัวประกบคว่ำตรงริมกรอบโทษฝั่งขวาก่อนตบเลียดเลยเบลลามี่มาเข้าทางเตเบซที่วิ่งมาแปสวนติดไซด์หนีมือโรบินสันเข้าไปอย่างเด็ดขาด

เตเบซวืดแฮทริค
ยิ่งเล่นยิ่งมันนาที 59 เรือใบน่าจะได้ลูกสี่และเป็นแฮทริคของเตเบซหลังซาบาเลต้าหยอดบอลจากหน้ากรอบโทษฝั่งขวาให้อดีตหอกแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดฉีกหนียาค็อปเซ่นล้มตัวขวิดเหน่งๆ 7-8 หลาบอลกลับหลุดกรอบสุดช็อก

กุหลาบยังไม่ท้อ
อีก 3 นาทีต่อมาทีมเยือนได้ลุ้นบ้างจากฟรีคิกทางปีกซ้ายบอลลอยละลิ่วเข้ามาท่ามกลางฝูงคนเป็นเอ็นซ็อกซี่เบียดโขกบอลตกพื้นเฉี่ยวเสาออกไปนิดเดียวเท่านั้น

กิฟเว่นเซฟช่วยชีวิต
นาที 70 กุหลาบไฟที่ยังไม่ย่อท้อเกือบตีไข่แตกจากลูกที่กิฟเว่นออกมาชกบอลล้นนอกเขตเข้าทางเอเมอร์ตันที่ยิงสวนตูมเดียวแต่อดีตจอมหนึบแบล็คเบิร์นล้มตัวปัดทั้งๆที่ยังไม่ได้กลับไปยืนตำแหน่งเส้นประตู

พีเดอร์เซ่นยิงงาม 3-1
เจ้าถิ่นแผ่วชัดเจนเพราะอีกนาทีเดียวมาตีไข่แตกจนได้หลังลูกที่กิฟเว่นได้บอลที่เพื่อนส่งคืนให้แล้วงัดกลับให้กอมปานีตรงเกือบๆริมเส้นแต่แข้งเบลเยียมจับบอลไม่ดีเลยถูกพีเดอร์เซ่นฉกลากเข้าไปยิงไซด์โค้งหน้าเขตโทษสวนตัวบล็อก 2 คนโค้งหนีมือกิฟเว่นเข้าไปสุดสวย 3-1 แล้ว

โรบินโญ่เกือบบวกเม็ด 5
เกมของเจ้าถิ่นมีชีวิตชีวาหลังโรบินโญ่ลงสนามและนาที 82 เกือบได้ลูกสี่เมื่อแบร์รี่แงะบอลจากริมเส้นเลยครึ่งสนามมานิดหน่อยเป็นโรบินโญ่ที่รับแล้วเลี้ยงมาเรื่อยๆและหลังไม่เห็นใครเข้าก็พามาถึงระยะทำการ 20 กว่าหลาแล้วส่องด้วยขวาร้อนถึงโรบินสันต้องล้มตัวปัดมือเดียว

เตเบซแฮทริคสมใจหมาย
โฆษกประกาศเวลาทดเจ็บได้ไม่นานเจ้าถิ่นมาได้ลูกที่สี่ปิดท้ายจากจังหวะลูกทุ่มที่ค่อยๆเคาะๆจนมาถึงเตเบซตรงหน้าเขตโทษและเหมือนจะไม่มีมุมเพราะเจอกองหลังแบล็คเบิร์นยืนออกัน 3 คนแต่เตเบซเอียงตัวปั่นไซด์อ้อมตัวแซมบ้าโค้งเบียดเสาหนีมือโรบินสันเข้าไปสวยงามสุดๆ

หมดเวลาเรือใบเล่นบอลมันส์ยกร่องเอาชนะ 4-1 แซงสเปอร์สขึ้นมาอยู่อันดับ 4 มี 38 แต้มจาก 20 นัดและเป็นชัยชนะ 3 นัดรวดของโรแบร์โต้ มันชินี่ยิงได้ 9 ลูกเสียหนึ่งและจนถึงตอนนี้เป็นทีมที่แพ้น้อยที่สุดคือ 2 นัดเท่านั้นเองส่วนแบล็คเบิร์นยังไม่ชนะใครเลยตลอด 9 นัดอยู่อันดับ 13

รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม

แมนฯซิตี้ :
เชย์ กิฟเว่น 7,พาโบล ซาบาเลต้า 7,ไมคาห์ ริชาร์ดส 8,แวงซ็อง กอมปานี 7,ฆาเบียร์ การ์ริโด้ 7,มาร์ติน เปตรอฟ 7(โบยาต้า น.84),ไนเจล เด ยอง 7,แกเรธ แบร์รี่ 7,เคร็ก เบลลามี่ 7(โรบินโญ่ น.69,7),คาร์ลอส เตเบซ 9*,เบนจานี 8 เอ็มวารูวารี 7(ครูซ น.81)

แบล็คเบิร์น : พอล โรบินสัน 5,ลาร์ส ยาค็อปเซ่น 5,คริสโตเฟอร์ แซมบ้า 5,ไรอัน เนลเซ่น 5,กาเอล กิเวต์ 5,เบร็ตต์ เอเมอร์ตัน 5,คีธ แอนดรูวส์ 4(คลาลินิช น.46,5),สตีเฟ่น เอ็นซอนซี่ 4,มอร์เท่น แกมสต์ พีเดอร์เซ่น 7,เดวิด ดันน์ 5(โอลส์สัน น.66,5),ฟรังโก้ ดิ ซานโต้ 3(ฮอยเลตต์ น.46,6)






























_________________
##### ได้รู้ความจริง ได้ยิ่งกว่าฟุตบอล อ่าน SoccerSuck #####

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์