5 อันดับโคตรประตูประวัติศาสตร์ของ แลมพาร์ด กับ เชลซี !!!!!!


..........ในอดีตที่ผ่านมาช่วง 10 - 15 ปีชื่อของ จานฟรังโก้ โซล่า เรียกได้ว่าเป็นตำนานเบอร์ 1 ตลอดการของ เชลซี หลังจากย้ายมาและสร้างความประทับใจให้กับแฟนบอลเป็นอย่างมาก

ด้วยลีลาการไปกับบอลที่คล่องแคล่วดั่งพญางูเห่าเลื้อยไปมาในสนาม แถมมีการจบสกอร์ที่วิเศษและปั่นฟรีคิ๊กได้ยอดเยี่ยม จึงไม่ใช่เรื่องแปลกใจที่เป็นเวลากว่า 7 ปีแล้วแต่สาวกสิงห์บลูไม่มีวันลืม

แล้วในตอนนี้ละ ผู้เล่นที่ยอดเยี่ยมและเจ๋งที่สุดคุณนึกถึงใคร.. ? กัปตันทีม จอห์น เทอร์รี่ ? โคตรศูนย์หน้า ดิดิเยร์ ดร็อกบา ? แน่นอนว่าที่ผมกล่าวถึงมีคนรักอยู่แล้ว.. แต่..

ในฐานะที่ผมขายเลือดเนื้อให้กับทัพสิงโตน้ำเิงินครามมาเป็นเวลาเกือบๆ 12 ปีผมกล้าฟันธงได้เลยว่าแฟนบอล เชลซี ณ ปัจจุบันนี้เกิน 50 % มี แฟรงค์ แลมพาร์ด เป็นไอดอลของตน

แลมพาร์ด ย้ายมาอยู่กับ เชลซี ในปี 2001 ด้วยค่าตัว 12 ล้านปอนด์ โดยในตอนนั้นทางสโมสรลังเลใจอย่างมากว่าระหว่าง ไมเคิ่ล คาร์ริค หรือว่า แฟรงค์ แลมพาร์ด ที่จะเลือกใช้บริการ..

แต่ผลสุดท้ายบทสรุปไปอยู่ที่ แลมพาร์ด เพราะมีความสามารถในการหาจังหวะเติมไปทำประตูได้บ่อยครั้งโดย แลมพาร์ด ใช้เวลาปรับตัวแค่ไม่นานก็ก้าวมาเป็นตัวหลักของ เชลซี ได้สำเร็จ

ต่อไปนี้เราจะไปดูกันว่าประตูสุดแสนสำคัญของ แฟรงค์ แลมพาร์ด ในยูนิฟอร์มสีน้ำเงินนั้นมีประตูไหนที่น่าจดจำกันบ้าง ผมขอหยิบเมมโมรี่ตัวเองออกมาและสังเคราะห์ออกมาเป็น 5 ลูกดังนี้

เตรียมตัวให้พร้อม.. แล้วไปดูกันว่าทำไมพวกเราสาวกสิงโตน้ำเงินครามถึงได้รัก แฟรงค์ แลมพาร์ด ยิ่งนัก..


อันดับที่ 5 : ลิเวอร์พูล 0 - 2 เชลซี (ประตูที่ 2)



เกมในวันนั้น เชลซี กดดันอย่างมากและต้องการที่จะเอาชนะทีมหงส์แดงให้ได้ โดยที่ เชลซี ได้ประตูออกนำไปก่อน 1 - 0 จากจังหวะที่ ดิดิเยร์ ดร็อกบา ฉวยโอกาสจากความผิดพลาดของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ได้สำเร็จ

เหนือสิ่งอื่นใด ลิเวอร์พูล ยังคงโหมบุกหนักแล้วถ้า เชลซี พลาด 3 แต้มในนัดนี้แน่นอนว่า แชมป์พรีเมียร์ลีก 2009/2010 จะไม่มีริบบิ้นสีน้ำเงินผูกไว้ด้านข้าง

เกมอึดอัดมากแต่ในช่วงครึ่งหลัง บรานิสลาฟ อิวาโนวิช ผ่านบอลให้ ดร็อกบา ก่อนจะงัดลูกโด่งตัดไลน์กองหลัง ลิเวอร์พูล ให้กับ นิโกล่าส์ อเนลก้า..



พื้นที่ตรงเสาสองโล่งมาก อเนลก้า จึงตัดสินใจปาดบอลไป ณ จุดนั้นทันที

และแน่นอนคนที่รออยู่ก็คือ แฟรงค์ แลมพาร์ด..



จัดการแปบอลแบบไม่เต็มเท้าผ่านหว่างขาของ โฆเซ่ เรน่า เข้าไปอย่างงดงามและนั่นคือการปลดล็อคคลายความกดดันของ เชลซี ออกไปแบบ 100 เปอร์เซ็นต์



เมื่อยิ่งเข้า แลมพาร์ด ดีใจอย่างมากจึงวิ่งไปหาแฟนบอลด้วยความสะใจสุดขีด



ก่อนที่เพื่อนๆ จะมารุมแสดงความยินดีอย่างมาก ที่สำคัญท่านผู้อ่านลองสังเกตหน้าตาของ อิวาโนวิช ให้ดีว่าดีใจขนาดไหน

ประตูนี้สำคัญยังไง : นี่คือประตูที่ทำให้ทีมมั่นใจว่าได้ 3 แต้มออกจาก แอนด์ฟิล์ด แน่นอนแล้วแถมการันตีได้ว่า นี่อาจเป็นประตูแชมป์ของ เชลซี เลยก็เป็นได้


อันดับ 4 : เอฟเวอตัน 1 - 2 เชลซี (ประตูที่ 2 ของ เชลซี)



นี่คือเกม เอฟเอ คัพ รอบชิงชนะเลิศที่ เชลซี พบกับ เอฟเวอตัน ในปี 2009 โดยจังหวะนี้คือจังหวะที่ ไมเคิ่ล บัลลัค ผ่านบอลให้กับ อเนลก้า ก่อนจะฝากไปต่อที่ แลมพาร์ด



แลมพาร์ด จัดการล็อคหลบนักเตะของ เอฟเวอตัน โดยที่ตัวเองล้มลงไปนอนกับพื้นก่อนแต่่ว่าสามารถลุกขึ้นมาก่อนที่จะ..



ง้างเท้ายิงประตูนี้แบบสุดแรงเกิด..



บอลพุ่งเป็นจรวดผ่านมือของ ทิม ฮาเวิร์ด ที่ปัดโดนบอลเพียงส่วนนึงแต่ไม่สามารถหยุดยั้งความแรงของลูกยิงนี้ได้ทำให้ แฟรงค์ แลมพาร์ด ซังหารประตนี้เข้าไปอย่างสมบูรณ์แบบ



ก่อนจะวิ่งไปดีใจด้วยท่าหมุนรอบเสาเตะมุมเหมือนที่คุณพ่อของเขาเคยทำเอาไว้...

ประตูนี้สำคัญยังไง : นี่คือประตูชัยให้ เชลซี เป็นแชมป์เอฟเอคัพ 2009


อันดับ 3 : โบลตัน 0 - 2 เชลซี (ประตูที่ 1)(ปี 2005)



ประตูนี้ทำให้ผมถึงกับขนลุกที่สุดตั้งแต่เคยดู เชลซี เล่นมาเพราะมันคือลูกยิงที่ทำให้ทีมเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกหนแรกในประวัติศาสตร์ ซึ่งเป็นเกมที่ เชลซี บุกไปเยือน โบลตัน โดยปราศจากชื่อของ ร็อบเบ็น และ เดเมี่ยน ดัฟฟ์

จังหวะนี้ ดิดิเยร์ ดร็อกบา จัดการโหม่งบอลไปในที่ว่างก่อนที่ แฟรงค์ แลมพาร์ด จะวิ่งเติมขึ้นมา



และได้เอาชนะการเบียดกับ แวงซอง กันเดร่า โดยตอนแรกผู้เล่นของ โบลตัน นึกว่าเป็นการฟาวส์



แต่ในเมื่อไม่มีปัญหา แลมพาร์ด ก็จัดการล็อคหลบอีก 1 จังหวะ.. และ..



สังหารประตูนี้แบบเฉียดขาดด้วยความแข็งแกร่ง เทคนิค และจังหวะจบสกอร์



โดยเมื่อทำประตูสำเร็จก็วิ่งอ้อมไปหลังตาข่ายและดีใจกับเพื่อนร่วมทีม

ประตูนี้สำคัญยังไง : นี่คือประตูเบิกร่องให้ เชลซี คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 2004/2005


อันดับที่ 2 : โบลตัน 0 - 2 เชลซี (ประตูที่ 2) (ปี 2006)



อันที่จริงต้องบอกว่าประตูนี้ไม่ได้สำคัญมากเท่าไหร่ แต่ที่ผมเลือกมาก็เพราะมันเป็นรีรันภาพการเยือน รีบอร์ค สเตเดี้ยม อีกครั้งซึ่งผมตัดประตูนี้ออกไปไม่ได้จริงๆ ..

เพราะอะไร ไปชมกันครับ จังหวะนี้ แฟรงค์ แลมพาร์ด ผ่านบอลให้กับ เฮอร์นัน เครสโป



เครสโป ลากจี้เข้าหากองหลังและตรงที่ว่างยังไม่มีใคร



แต่ว่าอยู่ดีๆ แลมพาร์ด ก็วิ่งเติมมาด้วยความเร็วสุดขีดก่อนที่จะ..



ตะบัดเต็มข้อด้วยลูกฉีดยาผ่านมือ ยุสซี่ ยัสเคไลเน่น เข้าไปอย่างสวยงาม



แฟรงค์ แลมพาร์ด วิ่งกลับไปในจุดเก่าที่เขาทำประตูได้เมื่อฤดูกาลที่แล้วอีกครั้งก่อนจะตะโกนเสียงดังแล้วชี้นิ้วลงไปโดยผมขอทรานสเรทเป็นภาษาไทยว่า...

ตรงนี้ และ ตรงนี้ !!! คุณจำได้มั้ย ???

ประตูนี้สำคัญอย่างไร : ก่อนที่เกมนี้จะเริ่มปีศาจแดงพึ่งพลาดท่าเสมอกับ ซันเดอร์แลนด์ ทำให้ถ้า เชลซี ชนะแทบจะเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก 2005/2006 แบบนอนมาในทันที


อันดับที่ 1 : เชลซี 3 - 2 ลิเวอร์พูล (ประตูที่ 2 ของเชลซี)



ผมเชื่อว่าใครที่ดูเกมนี้อยู่จะต้องร้องไห้.. ก่อนที่แมทนี้จะเตะเพียงแค่ 1 สัปดาห์คุณแม่ของ แฟรงค์ แลมพาร์ด ได้เสียชีวิตลงไป สภาพจิตใจของ แลมพาร์ด แย่เอามากๆ แต่เขาก็กำหมัดลุกขึ้นมาสู้และลงเล่นเกมนี้ได้สำเร็จ

เป็นจังหวะที่ ซามี่ ฮูเปีย ไปทำฟาวส์ ไมเคิ่ล บัลลัค และเสียจุดโทษ



ก็รู้ๆ กันว่าถ้ายิงเข้าทีมจะขึ้นนำและถ้าหากรักษาสกอร์ไว้ได้ เชลซี จะเข้าิไปชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ทันทีแต่เราก็เห็นได้ถึงความเสียใจในแววตาของเขา



แลมพาร์ด วิ่งไปซัดด้วยหลังเท้าบอลส่ง โฆเซ่ เรน่า พุ่งไปอีกทางได้สำเร็จ



และก็วิ่งมาแสดงความดีใจโดยกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ไหวเมื่อเพื่อนๆ มาช่วยกันปลอบ



คุณพ่อของเขา แฟรงค์ แลมพาร์ด ซีเนียร์เป็นปลื้มและซึ้งเอามากๆ กับประตูนี้



แววตาก่อนยิงเป็นอย่างไร ตอนนี้ก็เป็นเช่นนั้น..

แลมพาร์ด ไม่มีทางลืมหญิงผู้ให้กำเนิดที่ชื่อ แพ็ต แลมพาร์ด แน่นอน..

ประตูนี้สำคัญยังไง : ยิงเพื่อแม่ และพาทีมเข้าชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก


ผมคิดว่าน่าจะมีอีกหลายๆ ประตูที่สาวกสิงโตน้ำเงินครามได้ชอบกันแต่ไม่มีในสกู๊ปนี้.. ผมเลือกจากความรู้สึกล้วนๆ หลังจากที่มานั่งเปิดซีดี เชลซี ซีซั่นรีวิว แต่ละฤดูกาลดูใหม่อีกรอบ

แต่ก่อน จานฟรังโก้ โซล่า เป็นตำนานได้อย่างไร

แฟรงค์ แลมพาร์ด เดินล้ำไปแล้วด้วยการกระทำอย่างนั้นและก้าวไปสู่ในจุดที่สูงกว่า..

ถึงตอนนี้อายุของแลมพ์จะมากถึง 32 ปีแล้ว.. อาจจะเล่นได้อีกไม่นาน


เครดิต
Petrboat

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์