เจ็บกันเข้าไป

เหลือเชื่อว่าทีมบิ๊กโฟร์พรีเมียร์ลีกกำลังเจอปัญหาเดียวกัน และอยู่ในความเสี่ยงพอๆ กันถ้าประคองตัวได้ไม่นิ่งพอ

ทั้ง "เชลซี แมนฯยู ลิเวอร์พูล อาร์เซน่อล" ไม่เคยปวดกะโหลกกับการบาดเจ็บของนักเตะในช่วงสิบกว่านัดแรกมากเท่านี้ หงส์แดงอาจจะหนักกว่าเพื่อนที่ต้องลุ้นความฟิตของ "เฟร์นานโด ตอร์เรส" ทุกสัปดาห์ แต่เชลซีที่ไม่มี "แฟร้งก์ แลมพาร์ด โจเซ่ โบซิงวา แอชลีย์ โคล", แมนฯยู ที่หนักใจกับสภาพของ "ริโอ เฟอร์ดินานด์, ดิมิตาร์ เบอร์บาตอฟ" รวมทั้ง อาร์เซน่อลซึ่งจะเสีย "โรบิน ฟาน เพอร์ซี่" ไปเดือนครึ่งก็น่าจะเครียดไม่ต่างกัน

ตรงนี้ได้วัดกันเลยว่าพื้นฐานของใครแข็งแกร่งกว่า หนักแน่นกว่า ทีมระดับหัวกะทิจริงๆ ต้องมีระบบการเล่น มีเรื่องของแทคติค เป็นโครงสร้างหลัก ตัวจริงไม่ลง ตัวสำรองก็ควรแทนได้ โดยใช้ระบบช่วยประคองให้เกมขับเคลื่อนไป

ถ้าวัดกันที่ระบบ เชลซี แมนฯยู อาร์เซน่อล ดูน่าเชื่อถือกว่าทุกทีม ขณะที่ ลิเวอร์พูลยังต้องพึ่งความพิเศษของตอร์เรส, "สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด" พอสองคนนี้ เดี้ยง หรือฟอร์มตก ทั้งทีมก็วูบตามจนผลงานในลีกหล่นตุ้บมาอยู่ที่ 7 ห้านัดหลังชนะแค่นัดเดียว โดนเชลซีทิ้งห่างถึง 11 คะแนน

ใครๆ ก็เป็นห่ว ตอร์เรสนะครับ ลำพังแค่แบกภาระกับลิเวอร์พูลยังไม่เท่าไหร่ แต่มองไกลไปถึงอนาคตแล้วเครียดแทน เพราะถ้ารักษาอาการเจ็บขาหนีบกับไส้เลื่อนไม่สนิท ก็มีสิทธิกระทบต่อบทบาทในฟุตบอลโลกรวมทั้งอาจเรื้อรังเลยไปถึงฤดูกาลหน้าได้ด้วยซ้ำ

สัปดาห์นี้ หงส์แดงจะลงเตะพรีเมียร์ลีกกับ "แมนฯซิตี้" ตอร์เรสยังไม่น่าลงได้ แต่ก็พอมีข่าวดีว่า สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด คงฟิตกลับมา เช่นเดียวกับ "เกล็น จอห์นสัน" และ "ดาเนียล แอกเกอร์"

ส่วนตัวแทนตอร์เรส คงเป็น "ดาวิด เอ็นก๊อก" เจ้าเก่า ซึ่งแม้จะจมูกหักมาจากเกมทีมชาติชุดเล็ก ก็ไม่ได้หนักหนาอะไรมาก

เอ็นก๊อกปีนี้เก่งขึ้น แข็งแกร่งขึ้น มีแววว่าจะเป็นกองหน้าชั้นดี แต่หงส์แดงจะชนะ - ไม่ชนะ ไม่ได้อยู่ที่เขาทั้งหมด เพราะที่สำคัญกว่าคือ การทำเกมแดนกลาง ซึ่งลดประสิทธิภาพไปมากในช่วงหลังๆ

เรื่องนี้ ลิเวอร์พูลคล้ายๆ แมนฯซิตี้, เรือใบสีฟ้า เสมอมา 5 นัดติด เนื่องจากเกมไม่คม ไม่ชัวร์ กองหลังติดประมาท เสียประตูง่าย กองกลางก็ไม่มีตัวจ่าย สร้างโอกาสให้กองหน้าน้อยไป แถมยังคุมเกมไม่ต่อเนื่องอีกต่างหาก

ซิตี้มีปัญหาขาดมิดฟิลด์ตัวทำเกมมาตั้งแต่ต้น ช่วงแรกๆ อาจเปิดตัวแรงเพราะ "อเดบายอร์" ยังคึกช่วยยิงให้ แต่พอหมอนั่นเจ็บ และพวกกองกลางเริ่มฟอร์มอืด ทีมเรือใบก็ช็อตไปดื้อๆ

เกมที่แอนฟิลด์จึงหมายถึงจุดเปลี่ยนของทั้งสองทีม ใครชนะจะเรียกความมั่นใจกลับมาได้เพียบ ถ้าเสมอก็เท่ากับฉุดกันเอง มอบของขวัญให้พวกลุ้นแชมป์ทีมอื่นเขาไป

พรีเมียร์ลีกยุคนี้ต้องเน้นทุกนัด ผมกำลังสนใจอาร์เซน่อลอยู่ว่า จะแก้ปัญหาที่ขาด โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ถึง 6 นัด ได้ดีแค่ไหน ในเมื่อทีมกำลังเข้าฝักอยู่ดีๆ แท้ๆ

ไอ้ปืนโตจะบุกเยือน "ซันเดอร์แลนด์" ที่เล่นกับทีมใหญ่ได้แจ๋วเสมอ ถ้าเกมรุกอาร์เซน่อลเสียศูนย์จากการขาด ฟาน เพอร์ซี่ ก็น่าหนักใจเหมือนกัน

อุตส่าห์ไล่เชลซีเหลือ 5 แต้มมันก็ต้องบี้ต่อ ห้ามสะดุดเด็ดขาด!

โปรแกรมแข่งพรีเมียร์ลีก

วันเสาร์ที่ 21 พ.ย. ลิเวอร์พูล-แมนฯซิตี้, เบอร์มิงแฮม-ฟูแล่ม, เบิร์นลีย์-แอสตัน วิลล่า, เชลซี-วูล์ฟส, ฮัลล์-เวสต์แฮม, ซันเดอร์แลนด์-อาร์เซน่อล, แมนฯยู-เอฟเวอร์ตัน วันอาทิตย์ที่ 22 พ.ย. โบลตัน-แบล๊คเบิร์น, สเปอร์ส-วีแกน, สโต๊ก-ปอร์ทสมัธ

โปรแกรมถ่ายทอดสดทางทรูวิชั่นส์+ฟรีทีวี

คืนวันเสาร์ที่ 21 พ.ย. เวลา 19.45 น. ลิเวอร์พูล - แมนฯ ซิตี้ (ทรูสปอร์ต 1 ช่อง 59, คลับแอล ช่อง 107) เวลา 22.00 น. เบอร์มิงแฮม - ฟูแล่ม (ทรูสปอร์ตเอ็กซ์ตร้า 2 ช่อง 67, คลับแอล ช่อง 107), เบิร์นลีย์ - แอสตัน วิลล่า (ทรูสปอร์ตเอ็กซ์ตร้า 1 ช่อง 66, คลับเอ็ม ช่อง 106), เชลซี - วูล์ฟส (ทรูสปอร์ต 1 ช่อง 59, คลับซี ช่อง 109), ฮัลล์ - เวสต์แฮม (ทรูสปอร์ต 5 ช่อง 63), ซันเดอร์แลนด์ - อาร์เซน่อล (ทรูสปอร์ต 3 ช่อง 61, คลับเอ ช่อง 110) เวลา 00.00 น. โบโลญญ่า - อินเตอร์ (ทรูสปอร์ต 5 ช่อง 63), เดปอร์ติโบ - แอตฯ มาดริด (ทรูสปอร์ตเอ็กซ์ตร้า 1 ช่อง 66) เวลา 00.30 น. แมนฯยู - เอฟเวอร์ตัน (ฟรีทีวีช่อง 7, ทรูสปอร์ต 3 ช่อง 61, คลับเอ็ม ช่อง 106), ดอร์ตมุนด์ - ไมนซ์ 05 (ทรูสปอร์ต 2 ช่อง 60) เวลา 02.00 น. รีล มาดริด - ราซิ่ง (ทรูสปอร์ต 1 ช่อง 59) เวลา 04.00 น. แอธเลติก บิลเบา - บาร์เซโลน่า (ทรูสปอร์ต 1 ช่อง 59)

คืนวันอาทิตย์ที่ 22 พ.ย. เวลา 20.30 น. โบลตัน - แบล๊คเบิร์น (ทรูสปอร์ต 1 ช่อง 59, คลับแอล ช่อง 107, คลับเอ ช่อง 110) เวลา 21.00 น. เอซี มิลาน - กายารี่ (ทรูสปอร์ตเอ็กซตร้า 2 ช่อง 67), ฟิออเรนติน่า - ปาร์ม่า (ทรูสปอร์ตเอ็กซ์ตร้า 1 ช่อง 66) เวลา 22.00 น. สเปอร์ส - วีแกน (ทรูสปอร์ต 3 ช่อง 61, คลับเอ็ม ช่อง 106) เวลา 23.00 น. สโต๊ก - ปอร์ทสมัธ (ทรูสปอร์ต 1 ช่อง 59, คลับซี ช่อง 109) เวลา 02.45 น. ยูเวนตุส - อูดิเนเซ่ (ทรูสปอร์ต 3 ช่อง 61) เวลา 03.00 น. โอซาซูน่า - บาเลนเซีย (ทรูสปอร์ต 1 ช่อง 59)

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์