สิงห์ทัพใหญ่จัดดร็อกโซ้ยหงส์แดง



ศึกบิ๊กแมตช์ เชลซี เปิดรังสแตมฟอร์ด บริดจ์ พบ ลิเวอร์พูล เกมนี้เจ้าถิ่นเพิ่งแพ้เมื่อสุดสัปดาห์ก่อน หวังเก็บชัยชนะเพื่อแซงหน้านำจ่าฝูง โดยเตรียมส่งชุดใหญ่ลงสนามอย่างครบครัน ส่วนทีมเยือนมี เฟร์นานโด ตอร์เรส เป็นตัวอันตราย
 

ปรีวิวฟุตบอลพรีเมียร์ลีก
 


วันอาทิตย์ที่ 4 ตุลาคม 2552
 


เชลซี  - ลิเวอร์พูล
 


สนาม : สแตมฟอร์ด บริดจ์
 

คาร์โล อันเชล็อตติ กุนซือ สิงโตน้ำเงินคราม ต้องปรับทัพหลายจุดจากเกมที่บุกชนะ อาโปเอล นิโคเซีย ทีมจากไซปรัส 1-0 ในเกมแชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อกลางสัปดาห์
 

ผู้รักษาประตูจะส่ง ฮิลาริโอ ลงเฝ้าเสาแทน ปีเตอร์ เช็ก ที่ติดโทษแบน 1 นัด หลังโดนไล่ออกในเกมแพ้ วีแกน 1-3 เมื่อสัปดาห์ก่อน
 

ข่าวดี คาร์เล็ตโต้ จะได้ ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา กับ โชเซ่ โบซิงวา กลับสู่ทีมทั้งคู่ หลังติดโทษแบนในเกมยุโรป ขณะที่ เดโก้, โจ โคล และ มิชาเอล บัลลัค สามกองกลาง ก็ฟิตกลับมาเป็นตัวเลือกอีกทาง
 

ส่วนในราย อเล็กซ์ ยังเจ็บโคนขาหนีบ, จอห์น โอบี มิเกล ยังเจ็บข้อเท้า ต้องพักฟื้นต่อไปเหมือนเดิม
 

ระบบการเล่น 4-1-3-2 ฮิลาริโอ เฝ้าเสา แผงหลังใช้ โชเซ่ โบซิงวา, ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่, จอห์น เทอร์รี่, แอชลี่ย์ โคล แดนกลางมี มิกาเอล เอสเซียง เป็นตัวรับ ที่เหลือมี เดโก้, แฟร้งค์ แลมพาร์ด, ฟลอร็องต์ มาลูด้า คู่หน้า ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา ยืนคู่ นิโกล่าส์ อเนลก้า
 

ด้าน ราฟาเอล เบนิเตซ กุนซือ หงส์แดง น่าจะพร้อมใช้งาน ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ กองกลางตัวรับทีมชาติอาร์เจนติน่า ได้แล้ว หลังเจ็บเอ็นหลังหัวเข่า จนไม่มีชื่อในเกมยุโรป ที่บุกไปแพ้ ฟิออเรนติน่า 0-2
 

แนวรับ ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์ เซนเตอร์ฮาล์ฟทีมชาติเดนมาร์ก จะกลับมามีชื่อเป็นตัวเลือกให้ ราฟา อีกครั้ง หลังผ่านเกมสำรองไปแล้วเมื่อกลางสัปดาห์ สวนทางกับ อันเดรีย ดอสเซน่า แบ็กซ้ายที่เจ็บโคนขาหนีบ
 

คาดว่า ราฟา จะส่งปรับทัพแค่ตำแหน่งเดียวจากเกมที่แพ้ ฟิออเรนติน่า คือส่ง มาสเคราโน่ ลงแทน ออเรลิโอ ที่ถูก ราฟา ขยับไปเล่นเกมรุกเมื่อกลางสัปดาห์
 

ระบบการเล่น 4-2-3-1 โฆเซ่ เรน่า เฝ้าเสา แผงหลังใช้ เกล็น จอห์นสัน, เจมี่ คาร์ราเกอร์, มาร์ติน สเคอร์เทล, เอมิเลียโน่ อินชัว แดนกลางมี ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ ยืนตัวรับกับ ลูคัส เลว่า โดยที่ตัวรุกใช้ เดิร์ค เค้าท์, สตีเว่น เจอร์ราร์ด, ยอสซี่ เบนายูน หน้าเป้าใช้ เฟร์นานโด ตอร์เรส
 

รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
 

เชลซี (4-1-3-2) : ฮิลาริโอ - โชเซ่ โบซิงวา, ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่, จอห์น เทอร์รี่, แอชลี่ย์ โคล - มิกาเอล เอสเซียง - เดโก้, แฟร้งค์ แลมพาร์ด, ฟลอร็องต์ มาลูด้า - ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา, นิโกล่าส์ อเนลก้า
 

ลิเวอร์พูล (4-2-3-1) : โฆเซ่ เรน่า - เกล็น จอห์นสัน, เจมี่ คาร์ราเกอร์, มาร์ติน สเคอร์เทล, เอมิเลียโน่ อินชัว - ฮาเวียร์ มาสเคราโน่, ลูคัส เลว่า - เดิร์ค เค้าท์, สตีเว่น เจอร์ราร์ด, ยอสซี่ เบนายูน - เฟร์นานโด ตอร์เรส
 

ผู้ตัดสิน : มาร์ติน แอ๊ตกินสัน (สถิติตัดสินพรีเมียร์ลีก 5 นัด, ใบเหลือง 22, ใบแดง 0)


 



ดร็อกเต็ง 1, ตอร์เต็ง 2 ยิงลูกแรก
 

วิลเลี่ยม ฮิลล์ ร้านรับพนันถูกกฏหมายของอังกฤษ เปิดราคาให้ ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา กองหน้าของ เชลซี เป็นเต็ง 1 ยิงประตูแรกของเกมบิ๊กแมตช์ที่สนาม สแตมฟอร์ด บริดจ์ ตามด้วยเต็ง 2 เฟร์นานโด ตอร์เรส หัวหอกฟอร์มแรงของ ลิเวอร์พูล
 

ดร็อกบา ถูกเปิดราคายิงประตูแรกที่ราคาจ่ายต่ำสุด 5/1 (แทง 1 จ่าย 5) ตามด้วย ตอร์เรส 11/2 (แทง 2 จ่าย 11) เต็ง 3 เป็นของ นิโกล่าส์ อเนลก้า ของ เชลซี 13/2 (แทง 2 จ่าย 13), เต็ง 4 แฟร้งค์ แลมพาร์ด ของ เชลซี กับ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ของ ลิเวอร์พูล เท่ากันที่ 8/1 (แทง 1 จ่าย 8) รองลงมาเป็น ซาโลมง กาลู ของ เชลซี เท่ากับ เดิร์ค เค้าท์ ของ ลิเวอร์พูล ที่ 9/1 (แทง 1 จ่าย 9) 
 

เชื่อบิ๊กแมตช์จบ 1-1 ตามสูตร
 

ขณะเดียวกัน วิลเลี่ยม ฮิลล์ ยังเชื่อว่า บิ๊กแมตช์ซูเปอร์ซันเดย์ประจำสัปดาห์นี้มีโอกาสลงเอยด้วยผลเสมอ 1-1 มากที่สุด รองลงมาถึงเป็นโอกาสที่ เชลซี ชนะด้วยสกอร์ 1-0
 

ฮิลล์ส เปิดราคาว่าโอกาสจบเกมด้วยผลเสมอ 1-1 น่าจะเกิดขึ้นมากที่สุดเท่ากับร้านรับพนันสำนักอื่นๆ แต่จ่ายต่ำที่สุดที่ราคา 5/1 (แทง 1 จ่าย 5) ตามด้วย เชลซี ชนะ 1-0 ราคา 11/2 (แทง 2 จ่าย 11), เสมอ 0-0 กับ ลิเวอร์พูล ชนะ 1-0 เท่ากันที่ 7/1 (แทง 1 จ่าย 7), เชลซี ชนะ 2-1 15/2 (แทง 2 จ่าย 15) และ เชลซี ชนะ 2-0 8/1 (แทง 1 จ่าย 8) 
 

5 ปีหลังสูสีแต่หงส์ไม่แพ้ในลีก 5 นัดติด
 

ผลงานการเจอกันของ เชลซี กับ ลิเวอร์พูล ค่อนข้างสูสีทีเดียว เพราะในรอบ 5 ปีหลัง ทั้งสองทีมเจอกันมาทั้งหมด 24 นัดรวมทุกรายการ ปรากฏว่า สิงโตน้ำเงินคราม เอาชนะไปได้ 10 นัด, เสมอกัน 7 นัด และ หงส์แดง ชนะ 7 นัด
 

อย่างไรก็ตาม หากนับผลงานในพรีเมียร์ลีก 5 นัดหลังสุด ลิเวอร์พูล ไม่แพ้ เชลซี เลย โดยสามารถเอาชนะได้ 3 นัด และเสมอ 2 นัด สองนัดในนั้นเป็นผลงานที่เกิดขึ้นเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ที่ หงส์แดง อัด สิงโตน้ำเงินคราม ได้ทั้งเหย้าเยือน
 

นอกจากนี้ เชลซี ยังมีผลงานย่ำแย่อีกเรื่องคือไม่สามารถพังประตู ลิเวอร์พูล มาได้ 3 นัดหลังสุดในพรีเมียร์ลีก รวมเป็นเวลา 4 ชั่วโมง 58 นาทีแล้ว นับตั้งแต่ แฟร้งค์ แลมพาร์ด กดจุดโทษตีเสมอ 1-1 ในเกมที่แอนฟิลด์ ปี 2007

ข่าวจาก www.siamsport.co.th

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์