★คาเปลโล่-โอเว่น..ขอเพียงโอกาส และขอเพียงเปิดใจ★...

''คาเปลโล่-โอเว่น''..ขอเพียงโอกาส และขอเพียงเปิดใจ...

บางครั้งชีวิตคนเราก็มืดมนเหมือนท้องฟ้ายามค่ำคืน..

ไม่ว่าจะทำอะไรก็มองไม่เห็นแสงแห่งความหวัง แต่หากเพ่งไปดีๆจะเห็นว่า ยังมีดาวดวงเล็กๆคอยแพรวพราวให้เราได้อิ่มเอมใจอยู่บ้าง..

แม้ว่า.. มันจะแวววับให้เราเห็นเพียงชั่ววูบหนึ่ง แล้วก็หายไปกับท้องฟ้าสีดำก็ตาม..

ครับ.. นั่นคือชีวิตของไมเคิ่ล โอเว่น บนถนนสายลูกหนังในตอนนี้..

การใช้ชีวิตบนโลกใบกลมก็ต้องหมุนไปตามกาลเวลา ในธรรมชาติโลกมีข้างขึ้น-ข้างแรม.. มีน้ำขึ้น-น้ำลง.. และมีกลางวัน-กลางคืน

สำหรับ เบบี้โกล์ ในวัย 29 ยามนี้.. สิ่งเดียวที่ผุดอยู่ในหัวคงเป็นคำถามที่ว่า ทำไมกลางคืนมันช่างยาวนานเหลือเกิน??

จริงอย่างที่สุด.. กลางวันของโอเว่นผ่านมานานแล้ว.. เหมือนกับว่าพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าในวันที่เสื้อลิเวอร์พูลหลุดพ้นจากคอนั่นแหละ..

เพราะหลังจากนั้นกราฟชีวิตของหนุ่มหน้ามนก็ดำดิ่งลงเรื่อยๆ พาลทำให้ต้องนึกภาพเขาสวมเสื้อทีมชาติครั้งสุดท้าย..

มันคือเกมกับรัสเซีย.. ในศึกยูโร 2008 รอบคัดเลือก.. ที่ สิงโตคำราม ขายหน้าคนทั้งบางตกรอบคัดเลือกนั่นล่ะครับ..

เพลานั้นยังมีแต่คนกะเก็งกันอยู่เลยว่า.. สถิติยิงประตูทีมชาติตลอดกาลของเซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน ที่ทำบอลซุกก้นตาข่ายไป 49 ครั้ง อาจมีคนทำลายมันได้..

ตอนนี้ 40 แล้ว..อีกแค่ 9 ประตูเท่านั้น.. มันดูคล้ายอยู่ใกล้แค่เอื้อมในวินาทีนั้น.. แต่ตอนนี้ขอเพียงแค่ประตูเดียวยังห่างไกล..

ไม่สิ.. ตอนนี้ขอเพียงแค่โอเว่นได้สวมชุดสีขาวปักดาวดวงเดียวที่คุ้นเคย วิ่งอย่างกระชุ่มในสนามก็ชื่นใจแฟนบอลแล้ว..

แฟนบอลที่กำลังลุ้น.. ลุ้นจนเหนื่อย.. เพราะกุนซือใจแข็งอย่างฟาบิโอ คาเปลโล่ ก็ยังคงสร้างเส้นขนานให้กับโอเว่นต่อไป..

ครั้งแล้วครั้งเล่า.. กับการประกาศโผทีมชาติ.. และทุกครั้งก็จะเห็นชื่อเวย์น รูนี่ย์ , ปีเตอร์ เคร้าช์ , เอมิล เฮสกีย์ , เจอร์เมน เดโฟรายล้อม.. แต่ก็เช่นเดิม.. หามีชื่อของโอเว่นไม่..

บางทีภาพอคติมันแฝงตัวเข้าไปในจิตใจของคนได้ภายในแรกเห็น.. และยากที่จะลบออกไปให้หมดสิ้น..

เพราะเริ่มแรกที่เขามานั่งจับงานที่โซโห สแควร์.. ไมเคิ่ล เจมส์ โอเว่นกำลังดิ่งเหวไปพร้อมๆกับนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด โดยมีอาการบาดเจ็บคอยซ้ำเติมอยู่ห่างๆ..

ปัญหาที่สำคัญที่ ดอน ฟาบิโอ สร้างกำแพงขึ้นมาเสมอคือเรื่องสภาพความฟิต และปัญหาอาการบาดเจ็บ เช่นเดียวกับสายตาที่ไม่เคยมองโอเว่นเป็นอย่างอื่นนอกจากคำว่า อดีต..

อดีตที่ผ่านพ้นไปแล้ว.. และไม่มีวันที่จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีก..

กระนั้นเขาก็ยังเหลือพื้นที่เล็กๆที่เรียกว่า โอกาส เอาไว้..

แม้จะดูไม่ชายตาแล แต่แอบสังเกตได้ว่าคาเปลโล่สนใจโอเว่นอยู่ห่างๆเสมอ.. เขารับรู้ทุกช่วงเวลาของกองหน้าสาวกเอฟเวอร์โตเนี่ยนรายนี้.. และไม่แปลกที่จะยิ้มมุมปากระคนสงสัยกับชะตาชีวิตที่หักเหจากนิวคาสเซิ่ล..

ไปยังแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด.. ที่ที่ไม่มีใครคาดถึงว่าเขาจะไป.. ที่ที่หลายฝ่ายไม่เชื่อว่าโอเว่นจะพิสูจน์ตัวเองได้ และยังมีน้ำยาพอ..

สามเดือนแห่งการพิสูจน์ตัวเอง.. โอเว่นยิงประตูในเกมอุ่นเครื่องได้อย่างเฉียบขาด.. เซนส์บอลที่เคยเห็นในยุคเครื่องจักรสีแดง กลับมาอีกครั้งแม้ยังคงมีความแตกต่างในเรื่องความคล่องตัว..

และเมื่อซีซั่นเปิดขึ้นอย่างเป็นทางการ.. เบบี้โกล์ก็มีเค้ารางของอดีตยุครุ่งเรื่อง แฝงอยู่ในฝีเท้าอยู่เรื่อยๆ..

ไม่ว่าจะเป็นลีลาการดีดบอลอย่างเหนือชั้นกับวีแกน.. และการหาพื้นที่รวมทั้งจบสกอร์อย่างแนบเนียนในแมนเชสเตอร์ ดาร์บี้..

มันทำให้กำแพงเหล็กกล้าที่กั้นขวางระหว่างเขากับคาเปลโล่ค่อยๆถูกทลายลง.. ใบหน้าของกองหน้าผู้ซึ่งไม่เคยอยู่ในสายตา วางเรียงอยู่ในหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ..

หลายคราที่เขาฝืนใจแฟนบอล ไม่ใส่ชื่อโอเว่นเลยซักครั้ง.. แต่เกมกับยูเครนและเบลารุส.. มันใกล้แล้ว.. อีกนิดเดียวเท่านั้น..

แต่เจ้ากรรม โคนขาหนีบ ช่างไร้เมตตา..

มันมาเคาะประตูหน้าร่างกายของโอเว่นพร้อมกับหนีบเพื่อนผู้แสนร้ายอย่าง อาการบาดเจ็บ เข้ามาด้วย.. และนั่นก็ประจวบเหมาะกับนัดหมายที่คาเปลโล่ ตั้งใจมาดูฟอร์มของกองหน้าที่ถูกลืม..

ทำไม ทำไม ทำไม ต้องมาเกิดขึ้นเอาตอนนี้.. โชคชะตาช่างเล่นตลกเสียเหลือเกิน..

แต่ถ้าเปรียบชีวิตคนเหมือนบทภาพยนตร์.. ผมว่าเรื่องนี้คือพล็อตที่น่าติดตามตอนจบอย่างยิ่ง..

ตอนจบ.. ที่จะเฉลยทุกสิ่งทุกอย่างในเดือนมิถุนายน 2010.. อีก 9 เดือน ที่ประตูสู่ทีมชาติของเบบี้โกล์ กำลังค่อยๆเลื่อนตัวเองแคบลงทุกทีๆ..

หากแต่ผมเชื่ออย่างไม่เอียงข้าง ไม่เข้าข้างทีมตัวเองว่า.. โอเว่นกำลังอยู่กับทีมที่ถูกต้องแล้ว..

ยูไนเต็ดเป็นกระแสเสมอบนหน้าหนังสือพิมพ์ และกระแสนั้นก็คงไม่เคยรอดสายตาจากคาเปลโล่แม้ซักครั้ง..

ยังมีเกมให้ยลฝีเท้าของเขาอยู่มากมาย.. เขารอพิสูจน์คุณค่าของตัวเองในอีก 4 ถ้วย.. บอลยุโรป.. เอฟเอคัพ.. คาร์ลิ่งคัพ และพรีเมียร์ลีก..

ยังไม่ต้องมองไปไหนไกล.. จับตาดูเขาให้ดีๆในศึก เร้ดไฟท์ ที่แอนฟิลด์ วันอาทิตย์ที่ 25 ตุลาคมนี้..

หากโอเว่นเหยียบแอนฟิลด์ที่คุ้นเคย และทำประตูได้..

เขาจะให้ผลงานพูดแทนปาก.. และให้ผลงานตะโกนลั่นใส่หน้าคาเปลโล่ที่ชมเกมอยู่ที่ไหนซักแห่งว่า.. บัลลงดอร์ 2001 คนนี้.. ยังมีดีให้โชว์อีกเยอะ..

และไม่แน่ว่าเวิลด์ คัพ 2010 ของ สิงโตคำราม อาจรอคอยฮีโร่คนเดิม ให้กลับมาโลดแล่นด้วยกันอีกครั้งก็ได้..

ขอเพียงให้โอกาสมา.. ขอเพียงให้เขาได้พิสูจน์ตัวเอง.. และขอเพียงคุณเปิดใจเท่านั้น.. ฟาบิโอ คาเปลโล่..

แล้วคุณก็จะรู้ว่า.. กองหน้าที่ดีที่สุดในอังกฤษ อาจไม่จำเป็นต้องไปมองหาที่ไหนไกลแล้ว..


ได้รู้ความจริง ได้ยิ่งกว่าฟุตบอล อ่าน SoccerSuck 


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์