เรื่องปวดหัวของพรีเมียร์ลีก

ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก เปิดฉากได้ไม่กี่นัด ก็ร้อนฉ่าเสียแล้ว

เกมการเตะก็ยังข้นคลั่กเหมือนเดิม

แล้วอะไรที่เปลี่ยนแปลงไป

นับจากแมนฯ ซิตี้ ลงทุนใช้เงินซื้อความสำเร็จ อะไรก็เปลี่ยนไปเยอะ

เพดานเงินเดือนนักเตะขยับขึ้นจากเดิม ด้วยตัวเลขที่น่าตกใจเหลือประมาณ


ฤดูกาลนี้ จะมองหานักเตะที่รับรายได้สัปดาห์เกิน 1 แสนปอนด์ เป็นเรื่องง่ายดายมาก

ความร่ำรวยของ "เศรษฐีลูกหนัง" เช่นนี้ ทำให้พรีเมียร์ลีกกลายเป็น "บ่อทอง" สำหรับนักฟุตบอลจากทั่วโลก

และเชื่อได้ว่าความหิวกระหายในชื่อเสียง เงินทอง เยี่ยงนี้มีแต่เพิ่มขึ้น ไม่มีลดทอนลงแต่อย่างใด

ในอังกฤษ นักเตะ "แข้งทอง" เหล่านี้ต้องจ่ายเงินภาษีเป็นจำนวนเงินถึง 30 เปอร์เซ็นต์

การเรียกร้องเงินค่าเหนื่อยที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ส่วนหนึ่งก็เพื่อชดเชย กับการต้องจ่ายเงินภาษี

และในเดือนเม.ย.ปีหน้า ในประเทศอังกฤษจะมีการออกกฎหมายใหม่ ที่ระบุให้สำหรับบุคคลผู้มีรายได้เกินกว่า 150,000 ปอนด์ จะต้องจ่ายภาษีราว 40-50 เปอร์เซ็นต์

พรีเมียร์ลีกรับผลกระทบโดยตรง

อาร์เซน เวนเกอร์ ผู้จัดการทีมอาร์เซนอลคาดการณ์ไว้ว่า ถ้ารูปการณ์เป็นไปเช่นนั้น ถ้าพรีเมียร์ลีกไม่ต้องการม้วนเสื่อกลับบ้าน ก็หมายความว่าต้องปรับเพดานค่าเหนื่อยนักเตะให้เพิ่มขึ้น

เฉลี่ย 20 เปอร์เซ็นต์เป็นอย่างน้อย

บางทีรายได้ค่าเหนื่อยของบรรดานักเตะ "บิ๊กเนม" ในพรีเมียร์ลีกในช่วงอีกไม่กี่ปีข้างหน้า อาจจะทะลุสัปดาห์ละ 200,000 ปอนด์ ได้ไม่ยาก

สโมสรยักษ์ใหญ่ก็คงไม่กระไรนัก

เพราะคงจะรวมตัวกันปกป้องผลประโยชน์ของตนเองเหมือนที่เคยเป็นมา

และหากยังคงได้สิทธิ์ไปเตะในบอลยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ก็จะมีเงินก้อนโตที่เอาตัวรอดไปได้

แต่เงินก็จะไปผูกขาดกับทีมใหญ่เท่านั้น

ส่วนทีมเล็กๆ ก็คงล้มกันเป็นลูกระนาด ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

บางทีการนำเอามาตรการภาษีฟุ่มเฟือยมาเล่นงานสโมสรที่มีบัญชีตัวเลขค่าใช้จ่ายสำหรับนักกีฬาสูงสุด หรือการแบ่งสันปันส่วนรายได้ค่าลิขสิทธิ์ให้ทุกทีมอย่างทั่วถึง ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ

แต่บรรดา "ขาใหญ่" จะยอมให้เงินก้อนโตหลุดมือจริงละหรือ

นี่ต่างหาก คำถาม

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์