4 ทีมสุดท้ายเวิลด์คัพ ใครมีโอกาสเป็นแชมป์

หน้าแรกTeeNee ที่นี่กีฬา พูดคุยเรื่องฟุตบอลและกีฬาต่าง ๆ sport 4 ทีมสุดท้ายเวิลด์คัพ ใครมีโอกาสเป็นแชมป์

บราซิล เยอรมนี อาร์เจนตินา และเนเธอร์แลนด์ คือ 4 ทีมอรหันต์ที่ฟันฝ่าเข้ามาถึงรอบรองชนะเลิศ ศึกฟุตบอลโลก 2014 ซึ่งทุกทีมล้วนเป็นชาติยักษ์ใหญ่แห่งวงการลูกหนัง และแฟนบอลทั่วโลกต่างจับตามอง

สำหรับเกมรอบตัดเชือก 2 คู่ยิ่งทวีความน่าสนใจมากขึ้นไปอีก เพราะเป็นการดวลกันระหว่างยอดทีมของอเมริกาใต้กับยุโรป โดยคู่แรกจะลงสนามในคืนวันอังคารที่ 8 ก.ค. เวลา 03.00 น. “เจ้าภาพ” บราซิล ปะทะ “อินทรีเหล็ก” เยอรมนี ส่วนคู่สอง “ฟ้าขาว” อาร์เจนตินา บู๊กับ “อัศวินสีส้ม” เนเธอร์แลนด์ ในคืนวันพุธที่ 9 ก.ค. เวลา 03.00 น. ทั้งนี้ ผู้ชนะจะผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศในคืนวันอาทิตย์ที่ 13 ก.ค. เวลา 02.00 น. ส่วนผู้แพ้จะไปชิงอันดับ 3 ในคืนวันเสาร์ที่ 12 ก.ค. เวลา 03.00 น.

บราซิล

ปัจจัยสู่รอบชิง : อย่างที่ทราบกันดีว่าเนย์มาร์รูดม่านปิดฉากฟุตบอลโลกไปเรียบร้อยแล้ว แถม ติอาโก ซิลวา กองหลังกัปตันทีมดันมาติดโทษแบนในเกมรอบตัดเชือกเข้าไปอีก แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้แข้งแซมบ้าหวั่นวิตกจนเกินไปแต่อย่างใด แถมดูเหมือนว่าสปิริตและความมุ่งมั่นของพวกเขานั้นจะยิ่งเพิ่มมากขึ้นเข้าไปอีกด้วยซ้ำ ส่วนเรื่องแฟนบอลไม่ต้องพูดถึง เพราะเมื่อเกิดเหตุดราม่าเช่นนี้ ชาวแซมบ้ายิ่งแห่กันส่งกำลังใจเข้ามาหนุนหลังนักเตะเซเลเซามากขึ้นเป็นเท่าตัว

ขณะเดียวกัน ไม่แน่ว่าการขาดสตาร์อย่างเนย์มาร์ อาจทำให้บราซิลไม่จำเป็นต้องพึ่งนักเตะคนใดคนหนึ่งมากเกินไป ซึ่งอาจจะส่งผลดีต่อรูปเกมก็เป็นได้ ใครจะรู้ล่ะเนอะ

ปัจจัยสู่รอบชิง (ที่ 3) : ผ่านมาถึงรอบตัดเชือกแล้ว บราซิลยังไม่สามารถงัดฟอร์มประทับใจแฟนบอลเท่าที่ควร เรียกว่าต้องลุ้นกันเหนื่อยแทบทุกนัด ยิ่งด่านต่อไป พวกเขาต้องมาเจองานสุดโหดอย่างเยอรมนี ขนาดต่อให้บราซิลฟูลทีมยังต้องเหนื่อยหนัก นี่ต้องขาดคีย์แมนไปถึง 2 คน กุนซือหลุยส์ เฟลิเป สโคลารี ต้องคิดวางแผนหนักกว่าเดิมเป็น 2 เท่า

สตาร์พาแชมป์ : ท็อปฟอร์มได้ถูกที่ถูกเวลาจริงๆ สำหรับ ดาวิด ลุยซ์ ดาวเตะหัวฟู เจ้าของสถิติกองหลังค่าตัวแพงที่สุดในโลก ซึ่งนอกจากเกมรับที่เล่นได้อย่างแข็งแกร่งแล้ว ลุยซ์ยังเติมขึ้นมาลุ้นทำประตูได้อีกด้วย อย่างเช่นเกมกับชิลี แถมมีทีเด็ดจากลูกฟรีคิกอันทรงพลังในเกมพิชิตโคลอมเบียอีกต่างหาก ยิ่งในยามที่ไร้เงาเนย์มาร์และซิลวา ทีมแซมบ้าอาจต้องฝากความหวังไว้ที่กองหลังอย่างลุยซ์คนนี้แหละ

เยอรมนี

ปัจจัยสู่รอบชิง : เชื่อขนมกินได้เสมอสำหรับมาตรฐานของทีม “อินทรีเหล็ก” เยอรมนี ที่ไม่ค่อยทำให้แฟนผิดหวังในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ๆ แบบนี้

ขณะที่ขุมกำลังของเยอรมนีค่อนข้างสมบูรณ์ ผู้เล่นตัวหลักอยู่ให้กุนซือโยอาคิม เลิฟ ได้เลือกใช้งานอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา นอกจากนี้ตัวสำรองของพวกเขายังสามารถลงมาพลิกเกมได้เสมอ เรียกว่าแกร่งทั่วแผ่นทั้งตัวจริงและตัวสำรอง

ปัจจัยสู่รอบชิง (ที่ 3) : ตั้งแต่ถล่มโปรตุเกส 4-0 ในนัดแรก ผลงานการยิงประตูของเยอรมนีก็ดูแผ่วลงไป ในรอบ 16 ทีมต้องเล่นจนถึงช่วงต่อเวลากว่าจะเจาะตาข่ายแอลจีเรียได้ ส่วนเกมรอบ 8 ทีม ซึ่งเฉือนฝรั่งเศส 10 พวกเขามีโอกาสบวกเพิ่มประตูที่ 2 เพื่อปิดเกมหลายครั้ง แต่จบสกอร์ไม่ได้ ยังดีที่ไม่โดนทีมตราไก่ตามตีเสมอ ไม่งั้นล่ะรากเลือดเลย

สตาร์พาแชมป์ : ช่วงออกสตาร์ทฟุตบอลโลก เกมรุกของทัพอินทรีเหล็กดูจะเป็นจุดเด่นของพวกเขา แต่ในช่วงหลังโดยเฉพาะรอบน็อกเอาต์ คนที่โดดเด่นขึ้นมาสุดๆ คือผู้รักษาประตู

มานูเอล นอยเออร์ ซึ่งโชว์ฟอร์มสุดเหนียวหนึบ แถมยังอ่านเกมช่วยกองหลังได้อย่างเด็ดขาด โดยมีหลายจังหวะที่นอยเออร์ปรี่ออกมานอกกรอบและแปลงร่างเป็นสวีปเปอร์ตัดบอลจากฝ่ายตรงข้ามได้อย่างเพอร์เฟกต์

อาร์เจนตินา

ปัจจัยสู่รอบชิง : หลังจากปล่อยให้ลิโอเนล เมสซี แบกทีมอยู่นาน ในที่สุดกองหน้ารายอื่นอย่าง กอนซาโล อิกวาอิน ก็คลำเป้าเจอแล้ว หลังจากซัดประตูชัยในเกมดับเบลเยียม 10 พร้อมกับคว้าแมนออฟเดอะแมตช์มาครอง ซึ่งน่าจะเรียกความมั่นใจให้กับอิกวาอินได้ไม่น้อยเลยทีเดียว หลังจากถูกวิจารณ์มาตลอดในหลายเกมก่อนหน้านี้

ขณะเดียวกัน ต้องไม่ลืมว่าฟุตบอลโลกหนนี้จัดขึ้นในอเมริกาใต้ ซึ่งแข้งฟ้าขาวได้เปรียบกว่าแน่นอน รวมทั้งสภาพทีมที่ สดกว่าเนเธอร์แลนด์ที่ต้องออกแรงเหนื่อยถึง 120 นาที ก่อนดวลจุดโทษดับคอสตาริกา

ปัจจัยสู่รอบชิง (ที่ 3) : ถือว่าเสียหายไม่น้อยเลยเมื่ออังเคล ดิ มาเรีย มิดฟิลด์ตัวขับเคลื่อนเกมดันมาเจ็บกล้ามเนื้อขาขวาเอาพอดี และหมดสิทธิลงช่วยทีมในฟุตบอลโลกหนนี้แล้ว เล่นเอากุนซืออเลฮานโดร ซาเบลลา ต้องกุมขมับปวดหัวตึ้บๆ เพราะที่ผ่านมา ดิ มาเรีย เป็นคนที่ประสานงานกับเมสซีได้ดีที่สุด และยังมองไม่ออกว่าตัวสำรองคนไหนจะมาทดแทนการขาดหายไปของ ดิ มาเรียได้

สตาร์พาแชมป์ : คงจะเป็นใครไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่ ลิโอเนล เมสซี มนุษย์ต่างดาวในคราบนักฟุตบอล ซึ่งสามารถลบคำสบประมาทก่อนหน้านี้ที่ถูกมองว่ามักทำผลงานได้ไม่ดีในยามรับใช้ทีมชาติ ผิดกับเวลาเล่นให้สโมสร

ถึงตรงนี้ทั่วโลกยอมรับแล้วว่า หากไม่มีเมสซี ทีมฟ้าขาวคงมาได้ไม่ไกลขนาดนี้ และถ้าทีมฟ้าขาวจะก้าวไปถึงขั้นชูถ้วยแชมป์โลก แข้งต่างดาวคนนี้แหละคือทุกสิ่งทุกอย่างของทัพอาร์เจนไตน์

เนเธอร์แลนด์

ปัจจัยสู่รอบชิง : เกมรุกของเนเธอร์แลนด์ยังคงตื่นตาตื่นใจเสมอ โรบิน ฟาน เพอร์ซี เวสลีย์ สไนเดอร์ และอาร์เยน ร็อบเบน ยังคงเป็น 3 ประสานที่กองหลังคู่แข่งต้องหวาดผวา และในบรรดา 4 ทีมรอบตัดเชือก เนเธอร์แลนด์เป็นทีมที่ยิงประตูได้มากที่สุด 12 ลูก

นัดที่แล้วแข้งดัตช์อาจเสียฟอร์มเล็กน้อยที่เจาะแนวรับคอสตาริกาไม่สำเร็จจนต้องไปลุ้นดวลจุดโทษ อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่า พวกเขาสร้างโอกาสลุ้นประตูได้มากมาย แต่เผอิญ เคย์เลอร์ นาวาส นายทวารคอสตาริกาดันโชว์ฟอร์มเหนียวหนึบแบบผีเข้า หรือถ้าบอลผ่านมือไปแล้วก็ไปชนเสาชนคานซะอย่างงั้น

ปัจจัยสู่รอบชิง (ที่ 3) : การลงเล่นถึง 120 นาทีในรอบที่ผ่านมาน่าจะส่งผลต่อสภาพทีมบ้างไม่มากก็น้อยนอกจากนี้แผงหลังของพวกเขายังมีช่องโหว่ให้เห็น ขนาดเจอกับคอสตาริกายังเกือบโดนทีเด็ด

ในช่วงท้ายเกม สตาร์พาแชมป์ : เกมรุกอันจัดจ้านคือจุดขายของทัพฟลายอิ้ง ดัตช์แมน แต่ที่มองข้ามไม่ได้คือกึ๋นของกุนซือหลุยส์ ฟาน กัล ในการวางแท็กติกและแก้เกม ซึ่งกล้าได้กล้าเสียวัดดวงกันไปเลย หากเกมรุกของทีมดูขัดๆ และต้องการประตู ฟาน กัล พร้อมส่งบรรดาตัวรุกหรือเทกองหน้าลงไปหมดหน้าตัก

อีกหนึ่งตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ การตัดสินใจเปลี่ยนตัวผู้รักษาประตูเพื่อดวลจุดโทษในเกมกับคอสตาริกา ซึ่งบ่งชี้ว่า ฟาน กัล คิดละเอียดในทุกจุดจริงๆ ซึ่งในที่สุดมันก็ส่งผลให้พวกเขามายืนอยู่ ณ จุดนี้ได้สำเร็จ

เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!