เกาะติด เชลซีพ่ายมิดเดิลสโบรช์ 1-2

ศึกพรีเมียร์ชิพ อังกฤษ ตีหนึ่งครึ่งเมื่อคืนที่ผ่านมา


ปีศาจแดง ฟอร์มหรูบุกไปชนะ ดาบอัศวิน ชาร์ลตัน 3-0 ขณะที่แชมป์ 2 สมัยซ้อน สิงโตน้ำเงินคราม เชลซี อกหักพ่าย สิงห์แดง มิดเดิลสโบรช์ ช่วงทดเวลาเหนือความคาดหมาย 1-2

ศึกลูกหนังพรีเมียร์ชิพ อังกฤษ เวลาประมาณ 01.30 น.ของวันพฤหัสบดีที่ 24 สิงหาคมตามเวลาในประเทศไทย ปีศาจแดง แมนฯ ยูไนเต็ด ที่นัดแรกโชว์ฟอร์มสุดหรูไล่ต้อน ฟูแล่ม 5-1 ทำให้ผงาดขึ้นรั้งจ่าฝูง บุกไปเยือน ดาบอัศวิน ชาร์ลตัน ที่สนามเดอะวัลลีย์ โดยไม่มีขาดทั้ง เวย์น รูนีย์ และ พอล สโคลส์ ที่ติดโทษแบน

ครึ่งแรกทำอะไรกันไม่ได้


เกมช่วงแรกค่อนข้างสูสี ก่อนที่ ปีศราจแดง จะเริ่มเป็นฝ่ายครองบอลได้เหนือกว่า และมีโอกาสลุ้นได้ประตูอย่างที่สุดในนาทีที่ 24 จากฟรีคิกฝั่งซ้ายในระยะอันตราย ไรอัน กิ๊กส์ ปั่นโค้งโดยเล็งไปที่เสาแรก ลูกพุ่งชนเสาก่อนกลิ้งกระดอนผ่านหน้าปากประตูไป จนกระทั้งจบเวลาครึ่งแรกยังไม่สามารถทำประตูกันได้

ครึ่งหลังผ่านไป4นาทีปีศาจแดงนำ


ครึ่งหลังเริ่มไปได้เพียง 4 นาที ทีมเยือนก็ทะยานขึ้นนำก่อน 1-0 จากจังหวะที่ บราวน์ เติมเกมขึ้นทางฝั่งขวาก่อนครอสกลับมาที่หน้ปประตู จอน ฟอร์จูน สกัดพลาดปล่อยให้บอลไปเข้าเท้า ดาร์เรน เฟลทเชอร์ ที่ล็อกหลบหนึ่งจังหวะก่อนจะตะบันเต็มข้อส่งลูกผ่านมือ คาร์สัน เข้าไปตุงตาข่ายในนาทีที่ 49

หลังจากนั้น แมนฯ ยู ครองบอลได้ตลอด นาทีที่ 77


เฟอร์กูสัน ก็ส่ง ไมเคิล คาร์ริค ลงมาแทน พาร์ค ก่อนจะมาได้ประตูตอกย้ำชัยชนะในนาทีที่ 80 เมื่อ บราวน์ เปิดจากขวาให้ ซาฮา พักด้วยอกที่บริเวณกรอบเขตโทษ ก่อนพลิกตัวแล้วตัดสินใจยิงทันที ส่งบอลพุ่งเสียบเสาขวามือเข้าไปเป็น 2-0 เกมทำท่าว่าจะจบเพียงเท่านี้ แต่นาทีที่ 90 โอเล่ โซลชา ก็ได้จังหวะแปโล่งๆ ให้ แมนฯยู หนีห่างเป็น 3-0 และชนะไปในที่สุดด้วยสกอร์นี้


ขณะที่ สิงโตน้ำเงินคราม เชลซี แชมป์ 2 สมัยซ้อน นัดแรกโชว์ฟอร์มได้ร้อนแรงไม่แพ้กันด้วยการพิชิต เรือใบสีฟ้า แมนฯ ซิตี้ 3-0 รั้งตำแหน่งรองจ่าฝูง ออกไปเยือน สิงห์แดง มิดเดิลสโบรช์ ที่นัดแรกบุกไปนำ เรดดิ้ง 2-0 แต่สุดท้ายแพ้ 2-3 ที่ สนาม ริเวอร์ไซด์ เกมนี้ แกเร็ธ เซาธ์เกต กุนซือเจ้าถิ่นปรับทัพหลายตำแหน่งทีเดียวจากนัดล่าสุด ด้วยการอัดแผงมิดฟิลด์ไว้ถึงห้าคนและวาง อเยกเบนี่ ยาคูบู เป็นกองหน้าตัวเป้าคนเดียว ส่วนทีมเยือนมีข่าวร้าย เมื่อ อาร์เยน ร็อบเบน เกิดบาดเจ็บในระหว่างการวอร์มต้องส่ง ซาโลมง กาลู ลงมาเล่นแทน


เจ้าถิ่นเริ่มต้นได้ดี และน่าจะได้จุดโทษตั้งแต่นาทีที่ 8 เมื่อบอลไปโดนแขนของ ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ ในเขต แต่ผู้ตัดสิน ฮาวเวิร์ด เว็บบ์ โบกมือให้เล่นต่อ

เชฟเชนโก้ยิงให้เชลซีนำไปก่อน


หลังจากนั้น เชลซี ก็เริ่มตั้งเกมของตัวเองได้ ก่อนจะได้ประตูขึ้นนำในนาทีที่ 16 เมื่อ มิชาแอล เอสเซียง พาบอลขึ้นทางซ้ายก่อนไหลให้ เวย์น บริดจ์ ทะลุไปถึงสุดเส้นก่อนตวัดเข้ากลางไปที่หน้าประตูให้ อังเดร เชฟเชนโก้ โฉบเข้าชาร์จ ถึงจะโดนไม่เต็มแต่กลับกลายเป็นดีเมื่อทำให้ มาร์ค ชวาร์เซอร์ หลงทาง ถึงจะพยายามยื่นมือไปปัดแต่บอลก็ยังกระดอนเข้าประตูไปเป็น 1-0


ถัดมาอีกสองนาที ทีมเยือนเกือบนำห่างสองประตู เมื่อกองหลัง โบโร่ ไม่เข้าใจกันปล่อยให้ ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา ฉกบอลไปได้ ก่อนเปิดเรียดกลับมาที่หน้าประตู กาลู สไลด์ตัวชาร์จจ่อๆไม่โดน พลาดโอกาสได้ประตูที่สองไปอย่างน่าเสียดาย หมดครึ่งแรก แชมป์เก่านำอยู่ 1-0 ครึ่งหลัง เชลซี ยังเหนือกว่ามาก นาทีที่ 63 ก็เกือบจะได้ประตูที่สอง เมื่อ เชฟเชนโก้ ฉีกตัวออกไปทางด้านข้างก่อนที่จะโยนมาให้ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ได้โขก แต่บอลดันไปชนคานอย่างน่าเสียดาย เจ้าบ้านก็มีโอกาสเหมือนกันในนาทีต่อมา ดาวนิ่ง ตวัดบอลเข้าไปในเขตโทษ ยาคูบู สอดเข้าไปโหม่งคนเดียว แต่ว่าบิดมากไปบอลเลยออกข้างไปเยอะ

เชลซีเสียท่าช่วงนาทีสุดท้ายพ่ายไป1-2


ก่อนหมดเวลาเพียง 10 มิดเดิ้ลสโบรช์ ก็ยังเล่นอย่างอดทน และมาได้ประตูตีเสมอ 1-1 จากลูกฟรีคิกของ โรเชมบัค ที่บรรจงตักมาให้ เอ็มมานูเอล โปกาเตตซ์ เติมขึ้นมาโขกเหน่งๆคนเดียวไม่เหลือซาก หลังจากนั้นเชลซีก็เดินหน้าลุยหนัก แต่ว่า โบโร่ ก็สามารถต้านทานเอาไว้ได้หมด

แต่แล้วนาทีที่ 90 มาร์ค วิดูก้า ก็ได้จังหวะสับไกเป็นประตูให้โบโร่ขึ้นนำ เชลซี 2-1 จบเกม มิดเดิ้ลสโบรช์ เปิดบ้านเฉือนชนะ เชลซี 2-1

แหล่งที่มา: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์