ผีอาจไม่สมควรแพ้ แต่.......?


เชื่อว่ามีแฟนบอลชาวไทยจำนวนไ่ม่น้อยได้รับชมการถ่ายทอดสด 'คอมมูนิตี้ชิลด์ 2009' กันไปนะครับ ก็ช่อง 3 ของเสี่ยประวิทย์ใจดียิงสดตลอด 90 นาทีแบบไม่มีโฆษณาคั่น+ช่วงดวลจุดโทษตลอดจนบรรยากาศการฉลองได้โล่ของเหล่า 'สิงห์บลูส์' ซะด้วย

คาร์โล อันเชล็อตติผู้ซึ่งไม่เคยมีประสบการณ์คุมทีมในอังกฤษแม้แต่น้อยเพิ่งนำเชลซีตะลุยปรีซีซั่นได้อย่างสวยหรูแต่นั่นยังไม่อาจวัดอะไรได้เช่น 'ศึกชิงโล่' กับแมนฯยูไนเต็ดของเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันผู้เกรียงไกร หากจะทำนายชีวิตการทำงานตลอด 9 เดือนนับจากนี้ไปของ 'พี่แจ้' แล้วเกมนี้คงพอที่จะบอกอะไรได้บ้างไม่มากก็น้อย

สไตล์ของอันเชล็อตติยังคงเอกลักษณ์ดั้งเดิมไม่เปลี่ยนไปจากสมัยนั่งเก้าอี้นายใหญ่ 'รอสโซเนรี่' ทว่าระบบแดนกลางรูปเพชรที่บอสสิงห์บลูส์หมายมั่นปั้นมือสร้างชื่อในพรีเมียร์ชิพยังขาดตัวโฮลดิ้งที่โดนใจอยู่

แม้ว่าอันเชล็อตติเคยให้สัมภาษณ์ว่าคงไม่มีการต่อเติมเสริมแต่งใด ๆ แต่ผมก็เชื่อว่าไม่มีใครที่สามารถ 'ตอบโจทย์' ตำแหน่งโฮลดิ้งมิดฟิลด์ในแผนการเล่นของอดีตกุนซือเอซี มิลานได้ดีเท่ากับอันเดรีย ปิร์โล่อีกแล้ว

การเล่นในอุดมคติของกุนซือเลือดมักกะโรนีซึ่งนิยมใช้ตัวโฮลด์บอลที่สามารถเป็นจุดเริ่ม+วางบอลได้ตั้งแต่หน้าแผงหลังของตัวเองมีไม่กี่คนในโลกนี้ที่ทำได้ จอห์น มิเกล โอบีเจ้าของตำแหน่งนั้นแห่งเดอะบริดจ์ยังถือว่าห่างชั้นจากขั้นนั้นนัก

แต่มิเกลก็มีจุดเด่นที่ความแข็งแกร่งและช่วงก้าวที่ยาวจึงสามารถพาบอลไปยังแอเรียลึก ๆ ได้โดยที่เพลย์เมคเกอร์อย่างแฟรงค์ แลมพาร์ดไม่ต้องทำงานหนักเป็นทั้ง 'ตัวโฮลด์บอล' และ 'ตัวทำเกม' ในคน ๆ เดียวกัน

การไปกับบอลของฟลอร็องต์ มาลูด้าและการสอดขึ้นมาของแอชลีย์ โคลนับว่ามีประโยชน์ต่อการสร้างมิติเกมรุกที่อันเช่ 'จำเป็น' ต้องใช้เนื่องจากไม่มีตัว 'ตั้งเกม' ที่สามารถวางบอลทำลายสมดุลย์แนวรับคู่แข่งได้ บอลจากฝั่งซ้ายนั่นแหละที่จะเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญในซีซั่นนี้ของเชลซี นี่ยังไม่นับยูริ เซอร์คอฟที่ยังไม่ฟิตสมบูรณ์นะครับ ฮ่า ๆ

ไม่บ่อยครั้งที่ได้เห็นยูไนเต็ดนำใครก่อนแล้วโดนยิงแซงได้ รายละเอียดของเกมที่ผลัดกันนำผลัดกันตามจนต้องลุ้นถึงฎีกาแบบนี้ไม่มีอะไรมากนอกจากความ 'ทันกัน' ของทั้ง 2 ฝ่าย เชลซีก็เน้นเกมฝั่งซ้ายหมายเล่นงานจอห์น โอเช ในขณะเดียวกันนานี่กับเอวร่าก็สร้างปัญหาให้อิวาโนวิชได้อย่างชัดเจน

นามของคริส ฟอยตกเป็นขี้ปากแฟนผีแดงไปในบัดดลด้วยการตัดสินสุดแสนขัดใจ 2 ประตูที่ยูไนเต็ดเสียไปค่อนข้างต้องมานั่งตีึความกัน ประตูแรกยังไม่เท่าไหร่แต่ประตูที่ 2 ถึงกับกลายเป็นประเด็นเดือดกันเลยทีเดียวเชียว

ดูรีเพลย์เพียงรอบเดียวก็เห็นชัด ๆ ว่าบัลลัคไปตั๊นใส่เอวร่าซึ่งถือว่าเป็นการเล่น 'นอกกติกา' แหง ๆ แต่ไม่ว่าจะเพราะผู้ตัดสินไม่เห็นก็ตาม หรือเพราะให้เป็นลูกได้เปรียบก็ไม่แน่ ยังไงซะบอลก็ยังอยู่ในการครอบครองของยูไนเต็ดโดย 'อสูรสุกร' เวย์น รูนี่ย์อยู่ดี

การหยุดเกมใช่ว่าต้องเกิดจากผู้ตัดสินเสมอไป พอเร้ดอาร์มี่ 'เลือก' ที่จะไม่ 'หยุดเกม' แต่ดึงดันครองบอลบุกต่อจนโดนสวนกลับจึงเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้

เมื่อทางเชลซีได้บอลกลับไปมีความจำเป็นอันใดต้อง 'หยุดเล่น' เพื่อเอวร่าที่นอนอยู่ทั้งที่ไม่กี่วินาทีก่อนเวย์น รูนี่ย์รวมถึงไมเคิ่ล คาร์ริคคนงัดจังหวะสุดท้ายยังไม่คิดถึงเรื่องหยุดเกมเพื่อ 'เพื่อนที่นอนอยู่' เลยด้วยซ้ำ

ลูกตีเจ๊า 2-2 ที่ดูเหมือนล้ำหน้าทำให้ทุกอย่างดูคลี่คลายลง ถ้าสกอร์ไม่ขยับมาเท่ากันคริส ฟอยคงโดนวิพากษ์วิจารณ์หนักขึ้นอีกหลายเท่าตัว

ความไม่รัดกุมจากทีมงานผู้ตัดสินเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นในเกมช้างชนช้างไม่ว่าด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม แต่ผลที่ออกมาใน 90 นาทีมันก็ดีต่อทุกฝ่ายแล้ว การดวลจุดโทษก็อีกเรื่องหนึ่ง ฮ่า ๆ


นัดนี้ผีอาจไม่สมควรแพ้ แต่จะบอกว่าสิงห์สมควรชนะมันก็ได้อยู่...


ขอบคุณข่าวจาก lentee.com

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์