เคราช์เต็งตะบัน สิงโตอุ่นเกือกกรีซ สถิติ 8 นัดไม่เคยแพ้

คม-ชัด-ลึก

หลังจากตกรอบ 8 ทีมฟุตบอลโลก 2006 ที่ประเทศเยอรมนี สิงโตคำราม อังกฤษ ได้คิวลงสนามอีกหน ในเกมอุ่นเครื่องที่มี กรีซ แชมป์ยูโร 2004 มาเยือนที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด เมืองแมนเชสเตอร์ ในวันพุธที่ 16 สิงหาคมนี้ โดยจะเป็นการประเดิมงานแรกของ บิ๊กแม็ค สตีฟ แม็คคลาเรน กุนซือทีมสิงโตคำรามคนใหม่ รวมทั้ง จอห์น เทอร์รี กัปตันทีมคนใหม่เช่นกัน โดยนัดนี้ ยูบีซี ช่อง 39 อีเอสพีเอ็น และช่อง 7 สี ถ่ายทอดสด เวลา 02.00 น.

แม็คคลาเรน แทบจะปรับทีมใหม่จากยุคของ สเวน โกรัน อีริคส์สัน อดีตโค้ชที่ลาทีมไปแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการไม่เรียก เดวิด เบ็คแฮม มาติดทีม ทำให้แดนกลางจะเป็นหน้าที่ของ แฟรงค์ แลมพาร์ด, สตีเวน เจอร์ราร์ด, โอเว่น ฮาร์กรีฟส์ และเจอร์เมน เจนาส ส่วนกองหลัง จอห์น เทอร์รี จะยืนเป็นคู่เซ็นเตอร์กับ เจมี คาร์ราเกอร์ เนื่องจาก ริโอ เฟอร์ดินานด์ ยังเจ็บกล้ามเนื้อต้นขา ขณะที่กองหน้าชุดนี้ไม่มี เวย์น รูนีย์ ซึ่งเจ็บโคนขาหนีบ ทำให้ ปีเตอร์ เคราช์ น่าจะเป็นตัวจริง และอีกตำแหน่งเป็น เจอร์เมน เดโฟ ผู้พลาดหวังจากฟุตบอลโลก

ด้าน กรีซ ที่คุมทัพมาโดย อ็อตโต้ เรห์ฮาเกล โค้ชชาวเยอรมัน ก็มีการปรับทัพตัดนักเตะจากชุดแชมป์ยูโร 2004 หลายคน แล้วเรียกผู้เล่นดาวรุ่งเข้ามาติดทีมหลายคน แต่นัดนี้จะไม่มี ยูร์คาส ไซตาริดิส กองหลังจากแอตเลธิโก มาดริด ที่ได้รับบาดเจ็บ แต่ยังมี สเตลิออส เจียนนาโคปูลอส ปีกจากโบลตันเป็นตัวทำเกม รวมทั้งมี จอร์จอส ซามาราส กองหน้าจากแมนฯ ซิตี้ เป็นหัวหอกตัวจริงคู่กับ อันเจลอส ชาริทิอัส ศูนย์หน้าจากอาแจ๊กซ์ อัมสเตอร์ดัม

สำหรับสถิติที่ทั้งคู่เจอกันมาทั้งหมด 8 หน อังกฤษ ชนะถึง 6 ครั้ง เสมอกัน 2 ครั้ง ไม่เคยแพ้ รวมทั้งยังยิงได้ถึง 19 ประตู เสียแค่ 3 ลูกเท่านั้น โดยการเจอกันครั้งล่าสุดในฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกปี 2002 เสมอกันไป 2-2 โดย เดวิด เบ็คแฮม เป็นคนยิงตีเสมอในนาทีสุดท้าย ขณะที่ บริษัทพูลในอังกฤษ ต่างเชื่อว่า อังกฤษจะเป็นฝ่ายชนะ โดยให้อัตราทีมสิงโตคำรามคว้าชัย 1-2 (แทง 2 ได้ 1) เสมอกัน 14-5 และ กรีซ ชนะ 7-1

ส่วนอัตราคนยิงประตูแรกในเกมนี้เป็น ปีเตอร์ เคราช์ ราคา 6-5 ตามด้วย ดีน แอชตัน ที่ติดทีมชาติอังกฤษเป็นครั้งแรก 5-4 เท่ากับ เจอร์เมน เดโฟ ขณะที่เต็ง 3 เป็น สตีเวน เจอร์ราร์ด, ดาร์เรน เบนท์ และแฟรงค์ แลมพาร์ด ราคา 6-4 ส่วน อันเจลอส ชาริทิอัส กองหน้ากรีซ เป็นเต็ง 4 ราคา 13-5

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์