เจาะสูตรสำเร็จ?แซมบ้า

เจาะสูตรสำเร็จ?แซมบ้า

รอดตัวไปได้สำหรับ บราซิล ผ่านเข้าชิงชนะเลิศคอนเฟดเดอเรชั่นส์ คัพ ได้สำเร็จ น่าเสียดายที่ สเปน แชมป์ยุโรปดันไม่มาตามนัด อดดูคู่ชิงหยุดโลกจนได้

แต่ประเด็นที่อยากจะพูดถึงก็คือ ระบบการเล่นตามแบบฉบับของ คาร์ลอส ดุงก้า กุนซือมาดเนี้ยบที่ได้คิดค้นขึ้นนั้นช่างเป็นอะไรที่น่าสนใจในระดับนึง

พอดีไปอ่านมุมมองคอลัมนิสต์ท่านนึงนามว่า โจนาธาน วิลสัน ได้ถ่ายทอดสูตรเฉพาะ 4-2-3-1 ของ ดุงก้า มีความแตกต่างจาก 4-2-3-1 ของทีมในยุโรปที่นิยมใช้กันอยู่ในปัจจุบัน แม้การจัดวางผู้เล่นแต่ละตำแหน่งเหมือนกัน แต่วิเคราะห์เจาะละเอียดไปที่นักเตะทำคนละบทบาท

ตามหลักโดยทั่วๆไปแล้วระบบการเล่นดังกล่าวได้จัดวางผู้เล่นตามตำแหน่งก็คือ แผงหลังแบ็กโฟร์ยืนเรียงหน้ากระดานไล่จากขวาไปซ้ายคือ ไมค่อน ,ลุยเซา ,ลูซิโอ,อังเดร ซานโต๊ส

หลุยส์ ฟาเบียโน่ จะยืนหน้าเป้า โยก โรบินโญ่ วิ่งฝั่งซ้ายย้าย รามิเรส ทางขวา ขณะที่ กาก้า อยู่ตรงกลางคอยสร้างสรรค์เกม

จิลแบร์โต้ ซิลวา อดีตดาวเตะอาร์เซนอลที่เรารู้จักกันดีเป็นกันชนให้แผงหลังแบ็กโฟร์และเป็นตำแหน่งที่ค่อนข้างตายตัวพอสมควร ส่วน เฟลิเป้ เมโล่ อีกหนึ่งห้องเครื่องแม้ยืนระนาบเดียวกันแต่จะมีความยืดหยุ่นมากกว่าสามารถดันขึ้นไปข้างหน้าได้ สูตรการเล่นแผงกองกลางชุดนี้ในวงการฟุตบอลเรียกโก้ๆว่าระบบไดมอนด์

แต่แผนของ ดุงก้า เท่าที่เห็นก็คือ จิลแบร์โต้ จะยืนปักหลักเป็นมิดฟิลด์ตัวรับเรียกว่า ฟังก์ชั่น 1 แต่ เฟลิเป้ เมโล่ ถ่างออกไปยืนฝั่งซ้ายดันขึ้นไปเล่นหน้าได้เรียกว่า ฟังก์ชั่น 2 รามิเรซ เล่นทางขวาเรียกว่า ฟังก์ชั่น 3 กาก้า เป็นเพลย์เมคเกอร์ ส่วน โรบินโญ่ จะเล่นหน้าต่ำคอยสนับสนุน ฟาเบียโน่ อีกที
อย่างไรก็ตามแผนดังกล่าวพออนุโลมให้ โรบินโญ่ สามารถถ่างไปยืนฝั่งซ้ายได้เพื่อเปิดช่องให้ กาก้า และ ฟาเบียโน่ มีพื้นที่เจาะเข้าทำ โดยในรายของ รามิเรส ฟังชั่น 3 นั้นว่ากันว่านอกจากเล่นปีกขวาแล้วยังถอยลงไปช่วยเกมรับได้ด้วยเป็นการทำหน้าที่แยกออกจากแผงหลังแบ็กโฟร์ ผลที่ได้ช่วยเกมรับเหนียวแน่นขึ้นหรือไม่ มีคำตอบให้เห็นแล้ว


ว่าไปแล้วย้อนเมื่อหลายปีก่อน บราซิล เคยใช้สูตร 4-2-2-2 มาแล้วชุดคลาสสิคที่สุดเห็นจะเป็นปี 1982 ฟัลเกา และ เซเรโซ่ ทำหน้าที่ 2 เพลย์เมคเกอร์อยู่ข้างหลังคู่หน้าคือ ซิโก้ และ โซคราเตส

ต่อมามีอยู่ช่วงนึงในปี 1990 แซมบ้าภายใต้การทำทีมของ เซบาสเตียน ลาซาโรนี่ หันมาเล่น 3-5-2 ผลก็คือไปไม่ถึงดวงดาวในศึกฟุตบอลโลกปีนั้น

อีก 4 ปีต่อมากลับมาใช้ 4-2-2-2 แต่เน้นเกมรับมากขึ้นกว่าปี 1982 ปรากฎว่าประสบความสำเร็จได้แชมป์โลกปี 1994 ซึ่งมี ดุงก้า สมัยยังเป็นนักเตะสวมปลอกแขนกัปตันทีมทำหน้าที่เป็นมิดฟิลด์ตัวรับ ซินโญ่ กับ มาซินโญ่ เป็นสองเพลย์เมคเกอร์ยืนหลังคู่หน้าคือ โรมาริโอ และ เบเบโต้

นับจากตอนนั้นจนถึงตอนนี้และปีหน้า ฟุตบอลโลก 2010 กำลังจะอุบัติขึ้น เราต้องรอดูต่อไปว่า ดุงก้า ภายใต้ระบบ 4-2-3-1 ที่เขาคิดค้นขึ้นจะประสบความสำเร็จเหมือนยุคเดียวกับเขาหรือไม่ เป็นเรื่องเราที่ต้องจับตาดูกันไป




เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์