นักเตะอันดับโลก(3)

ริคาร์โด้ กาก้า

กาก้า หรือริคาร์โด้ ลเซ็คซอน ดอส ซานโตส เลยเต้ ซึ่งชื่อ กาก้า เป็นชื่อตามสำเนียงโปรตุเกสที่จะมีเครื่องหมายแอคเซนต์ (Kak?) ที่ได้รับมาจากน้องชายคนเล็กที่ชื่อ โรดริโก้ ตั้งแต่สมัยเล็กๆ เพราะน้องชายไม่สามารถจะเรียกชื่อจริงว่า ริคาร์โด้ ได้ก็เลยเรียกง่ายๆว่ากาก้าแทน เพียงแต่เปลี่ยนจากที่เขียนในสมัยเด็กๆ ว่า Caca เป็น Kak? แทนในตอนโต (นอกจากนี้ดิเกา น้องชายคนเล็กของกาก้า ก็ย้ายมาเล่นฟุตบอลในอิตาลีด้วย)

 สำหรับชาวบราซิลแล้ว กาก้า เป็นอีกภาพลักษณ์ตัวแทนของชาวแซมบ้า และทีมลา เซเลเซา เนื่องจากเกิดและโตในครอบครัวที่ค่อนข้างมีฐานะ แตกต่างจากนักเตะคนอื่นๆ ในทีมที่มาจากครอบครัวที่ค่อนข้างมีฐานะยากจน แต่ความแตกต่างทางฐานะก็ไม่ได้เป็นปัญหาแต่อย่างใดเนื่องจากกาก้า เองก็มีความรักในเกมลูกหนังและทุ่มเทเพื่อความฝันไม่น้อยกว่าใคร


 ชีวิตในวัยเด็กของกาก้า เติบโตมากับทีมยอดนิยมหมายเลขหนึ่งของบราซิลเกือบทุกยุคทุกสมัยคือ เซา เปาโล โดยได้เริ่มต้นลงสนามเกมแรกตั้งแต่อายุ 18 ปี และสร้างปรากฏการณ์ด้วยการทำได้ถึง 12 ประตูจากการลงเล่น 27 นัดในฤดูกาลแรกและอีก 10 ประตูจาก 22 นัดในฤดูกาลที่สองของชีวิต ซึ่งนับเป็นการแจ้งเกิดที่สุดแสนมหัศจรรย์สำหรับนักเตะที่เคยเกือบจะหมดอนาคตทางการเป็นนักฟุตบอลอาชีพมาแล้ว


 โดยก่อนหน้านี้ที่จะได้ลงสนามแจ้งเกิดกับเซา เปาโล กาก้า เคยประสบอุบัติเหตุร้ายแรงในสระน้ำจนเกือบจะเป็นอัมพาตเพราะกระดูกสันหลังมีรอยร้าว แต่สุดท้ายด้วยกำลังใจที่แข็งแกร่งเขาก็กลับมาลงสนามได้ในอีก 1 ปีต่อมาได้ราวกับเทพนิยาย


 เกมนัดเป็นเกมนัดชิงชนะเลิศ ทอร์เนโร่ ริโอ คัพ ซึ่งเป็นเกมระดับทีมเยาวชน และกาก้า ที่เกือบเป็นอัมพาตก็ได้รับโอกาสจากโค้ชให้ลงสนามเมื่อเหลือเวลาอีก 14 นาทีสุดท้าย ขณะที่นักพากย์ข้างสนามตะโกนหาว่าโค้ชเซา เปาโล คงจะบ้าไปแล้ว แต่แค่ 2 นาทีที่ได้สัมผัสเกม กาก้า ก็ทำ 2 ประตูได้ทันที และนำพาชัยชนะให้กับทีม


 หลังจากชัยชนะครั้งนี้ กาก้า ได้อุทิศชัยชนะให้แก่พระเจ้าและอุทิศตัวให้กับศาสนาคริสต์นับแต่นั้นเป็นต้นมา และกลายเป็นนักฟุตบอลตัวอย่างที่เคร่งครัดในศาสนา เนื่องจากเชื่อว่าพระเจ้าได้ประทานชีวิตใหม่ให้แก่เขาหลังเกือบตายทั้งเป็นจากการเป็นอัมพาต และปัจจุบันก็ยังมีการลักคำว่า I belong to Jesus และ God is faithful ซึ่งเป็นคติประจำใจไว้บนลิ้นรองเท้าสตั๊ดของอาดิดาส (ซึ่งเป็นสปอนเซอร์) และยังพกไบเบิ้ลอ่านเสมอๆยามว่าง


 อย่างไรก็ดี กาก้า เกือบไม่มีโอกาสเล่นให้กับเซา เปาโล อีกครั้งเมื่อถูกตกลงขายให้กับทีม กาเซียนเทปสปอร์ สโมสรในดิวิชั่น 1 ตุรกี แต่สุดท้ายการเจรจาก็ล่มไปเพราะทีมจากแดนไก่งวงไม่อยากจ่ายเงินจำนวน 1.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐให้กับนักเตะที่มีอายุแค่ 17 ปีเท่านั้น และยังไม่เคยลงเล่นในทีมชุดใหญ่เลย ซึ่งเชื่อว่ากาเซียนเทปสปอร์ ก็คงจะเสียใจอยู่ในทุกวันนี้


 เพราะหลังจากนั้น กาก้า ก็แจ้งเกิดได้เต็มตัวใน 2 ฤดูกาลกับเซา เปาโล และได้ติดทีมชาติบราซิล ชุดคว้าแชมป์ฟุตบอลดลกปี 2002 ด้วย ก่อนจะถูกทีม ปีศาจแดงดำ เอซี มิลาน ซื้อมาร่วมทีมด้วยค่าตัวแค่ 8.5 ล้านดอลลาร์ ซึ่งซิลวิโอ แบร์ลุสโคนี่ เจ้าของทีมรอสโซเนรี่ บอกว่าถูกเหมือนซื้อ ถั่วกระป๋อง


 เหตุผลก็เพราะ กาก้า สามารถสร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้แก่วงการฟุตบอลอิตาลี ที่กำลังเริ่มซบเซาด้วยการเป็นดาวดวงใหม่ที่โผล่ขึ้นมาจรัสแสงได้อย่างไม่น่าเชื่อ ด้วยลีลาการเล่นที่สุดมหัศจรรย์ และยังมีหน้าตาที่หล่อเหลาราวกับเทพบุตร ซึ่งจบฤดูกาลแรกกาก้า ก็กลายเป็นกำลังสำคัญที่พามิลาน คว้าได้ทั้งสคูเด็ตโต้ หรือแชมป์กัลโช่ เซเรีย อา และถ้วยใหญ่อย่างยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ คัพ พร้อมผลงาน 10 ประตูจากการเล่น 30 นัดในลีก


 กาก้า ก้าวขึ้นมาเป็นขวัญใจคนใหม่ของชาวเมืองมิลาน ในบทบาทของเพลย์เมคเกอร์ที่คอยให้การสนับสนุนอังเดร เชฟเชนโก้ และยังคงเล่นได้อย่างโดดเด่นในฤดูกาลต่อมาด้วยผลงาน 7 ประตูาก 36 นัด และพาทีมคว้าแชมป์อิตาเลี่ยน ซูเปอร์ คัพ ได้ด้วย แต่น่าเสียดายที่มิลาน จบฤดูกาลด้วยการเป็นรองแชมป์ในฤดูกาลที่สองของเขา และยังพลาดการเป็นแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ ด้วยความปราชัยแบบเหลือเชื่อต่อลิเวอร์พูล ทั้งที่เกมนั้นกาก้า ได้ร่ายเพลงแข้งที่น่าตื่นตาตื่นใจตลอด 45 นาทีแรกในสนามที่ไม่มีนักเตะ หงส์แดง คนไหนหยุดเขาได้


 แต่ในฤดูกาลนั้น กาก้า ก็ได้รับเลือกให้เป็นกองกลางที่ดีที่สุดของรายการยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ก่อนที่ฤดูกาลต่อมาเขาจะทำประตูสุดมหัศจรรย์ที่กูรูลูกหนังยกย่องเทียบกับตำนานเทพเจ้าลูกหนังอาร์เจนไตน์ ดีเอโก้ มาราโดน่า กับประตูที่กาก้า เริ่มต้นวิ่งจากกลางสนามหลบคู่แข่ง 3 คนก่อนจะเข้าถึงเขตโทษและซัดเรียดเข้าประตูไปอย่างสุดคลาสสิค


 นอกเหนือจากประตูนี้ กาก้า ยังมักสร้างความตะลึงให้กับแฟนๆด้วยการทำประตูสวยๆ ที่น่าเหลือเชื่อเสมอ โดยเฉพาะการอัดบอลเต็มหลังเท้าที่หนักหน่วงอย่างไม่น่าเชื่อโดยไม่จำเป็นต้องง้างเท้านานๆแต่อย่างใด


 หลังจากนั้น กาก้า ก็ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในนักฟุตบอลที่เก่งที่สุดในโลก และกลายเป็น 1 ใน 4 จตุรเทพของทีมชาติบราซิล ในฟุตบอลโลก 2006 ที่เยอรมัน แต่น่าเสียดายที่เขา ,โรนัลดินโญ่ ,โรนัลโด้ และอาเดรียโน่ ไม่สามารถคว้าแชมป์โลกมาครองได้เนื่องจากทีมเซเลเซา เล่นกันได้ไม่เป็นสับปะรดทั้งทีม


 สำหรับในฤดูกาลนี้ ผลงานของกาก้า อาจจะไม่โดดเด่นนักเนื่องจากเอซี มิลาน ก็ไม่ได้ทำผลงานดีอะไรมากมาย แต่กระนั้นก็ยังมีข่าวลือสะพัดกับทีม ราชันชุดขาว เรอัล มาดริด ที่อยากได้ตัวไปร่วมทีมในฤดูกาลหน้า ขณะที่ทางรอสโซเนรี่ ก็พยายามขัดขวางทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้เสียนักเตะที่เก่งที่สุดของทีมไป


 ในเรื่องชีวิตส่วนตัว กาก้า หักอกสาวๆทั่วโลกเพราะได้เข้าพิธีวิวาห์กับ คาโรลิน เซลิโก้ ภรรยาสาวที่พบรักกันมาตั้งแต่สมัยที่กาก้า ยังเป็นนักเตะเยาวชนในทีมเซา เปาโล ซึ่งในพิธีวิวาห์เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. 2005 ก็มีสักขีพยานเป็นยอดนักเตะทีมชาติบราซิล อย่างโรนัลโด้ ,คาฟู ,อาเดรียโน่ ,ดีด้า ,ชูลิโอ บาปติสต้า และคาร์ลอส อัลแบร์โต้ ปาร์เรยร่า และสักขีพยานที่มาเป็นเกียรติจนแน่นโบสถ์คริสต์ อีกราว 600 คนด้วยกัน


 กาก้า คือโกลเด้นบอยตัวจริงของวงการฟุตบอลในยุคนี้และถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด นี่คือหนึ่งในนักฟุตบอลที่ได้รับการยกย่องว่ามีโอกาสจะเป็น ราชาลูกหนัง คนใหม่ที่หล่อที่สุดเท่าที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์ฟุตบอล!

สำหรับวันนี้คงจบแค่นี้นะคับวันละสามคนคับ พุ่งนี้ติดตามต่อได้คับ ขอบคุนสำหรับความคิดเห็นนะครับ เรียกผมได้ย่อๆได้ว่า เป็ดน้อยก็ได้คัฟ55+
ข้อมูลจาก : MSN ฟุตบอล


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์