ท็อป 10 แข้งแจ้งเกิดประเดิมสนาม


(ซ้าย) รุด ฟาน นิสเตลรอย (แมนฯ ยูไนเต็ด) (ขวา) ร็อบบี้ คีน (วูล์ฟแฮมป์ตัน)
จากประตูสุดสวยในช่วงทดเวลาบาดเจ็บที่ทำให้ เฟเดริโก้ มาเคด้า ดาวยิงวัย 17 ปี เปลี่ยนสถานะจากนักเตะ โนเนม กลายเป็น ฮีโร่ ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพียงชั่วข้ามคืน ทำให้หลายคนอดนึกย้อนกลับไปไม่ได้ว่าที่ผ่านมามีนักเตะคนใดบ้างที่ยิงประตูสร้างชื่อในการลงประเดิมสนามนัดแรกให้ทีมของตัวเอง

ว่าแล้ว เดลี่ เทเลกราฟ หนังสือพิมพ์ดังของอังกฤษ ก็ไม่รีรอเกาะกระแสจัดอันดับ ท็อป 10 แข้งแจ้งเกิดประเดิมสนาม ออกมาทันควัน ดังนี้

10.อลัน สมิธ : ลิเวอร์พูล - ลีดส์ (1998)

หลังจากฉลองวันเกิดครบอายุ 18 ปีไปได้ไม่นาน อลัน สมิธ ก็มีโอกาสได้ลงประเดิมสนามให้ ลีดส์ ยูไนเต็ด โดยสัมผัสบอลเพียงไม่กี่ครั้ง ก็ส่งลูกเข้าไปตุงตาข่ายทีมเจ้าถิ่นลิเวอร์พูล ช่วยให้ลีดส์ไล่ตีเสมอได้สำเร็จ ก่อนจะลงเอยด้วยชัยชนะ 3-1

9. รุด ฟาน นิสเตลรอย : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด - ฟูแล่ม (2001)

รุด ฟาน นิสเตลรอย ดาวยิงดัตช์ย้ายจากพีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น มาร่วมทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัว 19 ล้านปอนด์ ในฐานะดาวยิงสูงสุดในลีกบ้านเกิด 2 ฤดูกาลหลังสุด และทำประตูแรกได้ตั้งแต่นัดแรกที่ลงสนามในศึกแชร์ริตี้ ชิลด์ที่พบกับฟูแล่ม ก่อนจะจบฤดูกาลแรกของตัวเองด้วยผลงานสุดหรู 36 ประตู

(ซ้าย) เวย์น รูนี่ย์ (แมนฯ ยูไนเต็ด) (ขวา) อลัน เชียเรอร์ (ทีมชาติอังกฤษ)


8.ร็อบบี้ คีน : นอริช - วูล์ฟแฮมป์ตัน (1997) และ โคเวนทรี - ดาร์บี้ (1999)

เพียงแค่โอกาสแรกของการลงเล่นให้กับ วูล์ฟแฮมป์ตัน ต้นสังกัดใหม่ ร็อบบี้ คีน ในวัย 17 ปี ก็รับบทฮีโร่ทำคนเดียว 2 ประตู ช่วยให้ทีมชนะนอริช 2-0 ครั้นพอย้ายมาร่วมทีม โคเวนทรี ในปี 1999 ก็ยังไม่วายทำประตูแรกในนัดประเดิมสนามได้อีก ด้วยเหตุนี้ อีก 2 ปีให้หลัง เขาจึงทำสถิติเป็นแข้งวัยรุ่นที่ย้ายทีมด้วยค่าตัวสูงสุดถึง 6 ล้านปอนด์

7.จิมมี่ กรีฟส์ : เชลซี - สเปอร์ส (1957), เปรู - อังกฤษ (1959), แบล๊คพูล - สเปอร์ส (1961), เวสต์แฮม - แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (1970)

การยิงประตูในนัดประเดิมสนามดูจะเป็นของชอบของ จิมมี่ กรีฟส์ ไปแล้ว ไล่ตั้งแต่นัดที่เล่นให้ เชลซีในวัย 17 ปี, นัดประเดิมทีมชาติอังกฤษ แต่นัดที่เป็นสุดยอดความทรงจำหนีไม่พ้นนัดที่ทำแฮตทริคให้ สเปอร์ส ปี 1961 และนัดที่ทำ 2 ประตูให้ เวสต์แฮม ปี 1970

6.ฟาบริซิโอ ราวาเนลลี่ : มิดเดิ้ลสโบรช์ - ลิเวอร์พูล (1996)

ฟาบริซิโอ ราวาเนลลี่ ดาวยิงอิตาเลียนย้ายมาค้าแข้งในอังกฤษกับทีม มิดเดิ้ลสโบรช์ และทำแฮตทริคได้ตั้งแต่เกมแรกของตัวเองที่พบกับลิเวอร์พูล แต่ถึงจะยิงประตูได้ไม่น้อยในฤดูกาลแรก มิดเดิ้ลสโบรช์ก็ไม่อาจหนัจากการตกชั้นได้ในปีนั้น

อัลวาโร่ เรโคบา (อินเตอร์ มิลาน)


5.ซีเนอดีน ซีดาน : ฝรั่งเศส - สาธารณรัฐเช็ก (1994)

ซีเนอดีน ซีดาน แจ้งเกิดกับทีมชาติฝรั่งเศส ในนัดที่ถูกเปลี่ยนลงมาเป็นตัวสำรองให้ทีม ก่อนจะโชว์ลีลาและทักษะอันเหนือชั้นทำประตูตีเสมอให้ฝรั่งเศสในเกมกระชับมิตรกับสาธารณรัฐเช็ก ด้วยลูกยิงระยะ 25 หลา ก่อนจะโหม่งทำประตูในลูกที่สองของนัดเดียวกัน ช่วยให้จบเกมเสมอกันไป 2-2

4.อลัน เชียเรอร์ : เซาแธมป์ตัน - อาร์เซน่อล (1988), อังกฤษ - ฝรั่งเศส (1992), คริสตัน พาเลซ - แบล๊คเบิร์น (1992)

ปี 1988 อลัน เชียเรอร์ กลายเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดที่ทำแฮตทริคในลีกฟุตบอลอังกฤษที่ เซาแธมป์ตัน ชนะอาร์เซน่อล 4-2 ก่อนที่อีก 5 ปีถัดมาจะทำประตูแรกในนัดแรกที่ลงรับใช้ ทีมชาติอังกฤษ และชนะฝรั่งเศส 2-0 ครั้นย้ายมาร่วมทีม แบล๊คเบิร์น ด้วยค่าตัว 3.3 ล้านปอนด์ ก็ยังทำคนเดียว 2 ประตู ในนัดประเดิมสนามของตัวเองอีก

3.เวย์น รูนี่ย์ : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด - เฟเนร์บาห์เช่ (2004)

สืบเนื่องจากฟุตบอลยูโร 2004 ที่ทีมชาติอังกฤษลงแข่งขันส่งผลให้มีนักเตะในทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้รับบาดเจ็บ ทำให้ เวย์น รูนี่ย์ ได้รับโอกาสจากต้นสังกัดให้ลงเล่นนัดแรกในฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ที่ถล่ม เฟเนร์บาห์เช่ คู่แข่งจากตุรกี 6-2 ซึ่งเกมนี้รูนี่ย์ทำคนเดียวถึง 3 ประตู

2.โทนี่ ก๊อตตี้ : เอฟเวอร์ตัน - นิวคาสเซิล (1988)

โทนี่ ก๊อตตี้ ผู้เคยทำประตูเมื่อครั้งที่ประเดิมสนามให้เวสต์แฮม กลายเป็นนักเตะอังกฤษที่มีค่าตัวสูงสุดในยุคนั้น หลังย้ายจากเวสต์แฮมมาซบทีม เอฟเวอร์ตัน ด้วยค่าตัว 2 ล้านปอนด์ และแค่ 32 วินาทีที่สัมผัสพื้นหญ้าในสนามกูดิสันปาร์ก ก๊อตตี้ก็ส่งบอลเข้าไปตุงตาข่ายได้สำเร็จ ก่อนจะทำอีกประตูช่วยให้ทีมชนะไป 4-0 เบ็ดเสร็จแล้วช่วงที่ค้าแข้งกับเอฟเวอร์ตัน ลงสนามไป 184 นัด ทำประตูไปทั้งสิ้น 72 ประตู

1.อัลวาโร่ เรโคบา : อินเตอร์ มิลาน - เบรสชา (1997)

ฤดูกาลใหม่ของกัลโช่ เซเรียอา ในปี 1997-98 อัลวาโร่ เรโคบา ย้ายมาร่วมทีมอินเตอร์ มิลาน ในช่วงเดียวกับที่ โรนัลโด้ ดาวยิงชื่อดังย้ายมาจากบาร์เซโลน่าพอดี แต่แค่นัดแรกที่เรโคบาลงมาเป็นตัวสำรอง หัวหอกอุกุกวัยก็ขโมยซีนจากแข้งดังบราซิล เมื่อ 2 ประตูที่เขาทำเกิดขึ้นในช่วง 10 นาทีสุดท้าย โดยลูกแรกมาจากลูกยิงไกลสุดสวยระยะ 30 หลา ขณะที่ลูกสองก็มาจากการยิงฟรีคิกแบบเต็มแรง ทำให้เรโคบาแจ้งเกิดชนิดที่โรนัลโด้ต้องยอมหลีกทางให้

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์