ไก่ลิ่วชิงหลังกด 2 ตงช่วงต่อเวลา

พลิกตลบ!ไก่โกงความตายเข้าชิงระทึก

ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์พลิกสถานการณ์จากที่ไปเฝ้ายมบาลกลับมาเข้าชิงคาร์ลิ่ง คัพอย่างเหลือเชื่อเมื่อโรมัน พาฟลูเชนโก้และเจอร์เมน เดโฟมายิงประตูในช่วงท้ายเกมต่อเวลาพิเศษและแม้จะพ่าย 3-2 แต่สกอร์รวมสองนัดชนะเบิร์นลีย์ชนิดระทึกขวัญ 6-4

บรรยายเกมโดยดา ขาเดฟ

ผลฟุตบอลคาร์ลิ่ง คัพ

รอบรองชนะเลิศ นัดที่สอง

วันพุธที่ 21 มกราคม 2552


เบิร์นลี่ย์ 3-2 สเปอร์ส

(รวมผลสองนัดหลังต่อเวลาสเปอร์สเข้ารอบ 6-4)

สนาม :
เทิร์ฟ มัวร์

ประตู : 1-0 ร็อบบี้ เบล็ค น.34,2-0 คริส แม็คแคนน์ น.73,3-0 โรดิงเกวซ น.88,3-1 พาฟลูกเชนโก้ น.118,3-2 เดโฟ น.120

เกมคาร์ลิ่ง คัพรอบรองชนะเลิศนัดสองเบิร์นลีย์ตั้งใจจะมาขอยิงลูกแรกให้เร็วที่สุดเพราะแพ้มาในนัดแรกถึง 4-1

เริ่มเกมแค่ 5 นาทีเท่านั้นสเปอร์สเกือบจะเสียประตูไปก่อนเมื่ออัสซู-เอก็อตโต้ทำแผลงๆจ่ายคืนหลังแต่เหมือนกับยิงประตูฝั่งตัวเอง โชคยังดีที่อัล์นวิคบินปัดออกข้างเสาไปได้

แต่ 2 นาทีต่อมา สเปอร์สได้เสียวบ้างเมื่อเดโฟสังหาร 20 หลาทว่าเจนเซ่นปัดออกข้างเสาไปได้หวุดหวิด

จากนั้นเกมคู่คี่สูสีกันมาก ท่ามกลางฝนที่กระหน่ำลงมาไม่ขาดสาย กระทั่งนาที 34 เบิร์นลี่ย์ได้ลูกฟรีคิกหน้าเขตโทษระยะ 25 หลาเยื้องไปทางขวา อัล์นวิคใช้กำแพงแค่ 2 คนขวางทางปืน แต่ร็อบบี้ เบล็คโชว์ความสุดยอดด้วยการปั่นโค้งเสียบเสาใกล้เข้าไปอย่างเด็ดขาด ชนิดที่อัล์นวิคบินมาไม่ทัน เบิร์นลี่ย์ขึ้นนำ 1-0 แต่สกอร์รวมตามอยู่ 4-2

จากนั้นอีก 5 นาทีเบิร์นลี่ย์ต้องมาเสียจอร์แดนไป เนื่องจากบาดเจ็บจนเล่นต่อไม่ไหว ทำให้ต้องส่งคัลเวเนสลงมาแทน

สเปอร์สยังไม่ค่อยมีโอกาสกะซวกประตูจะแจ้งนัก กระทั่งนาที 43 ฮัดเดิลสตันเปิดฟรีคิกให้วู้ดเกตโหม่งจากระยะไกล 15 หลาแต่เจนเซ่นรับติดมือไว้ได้สบายๆ จบครึ่งแรก เบิร์นลี่ย์นำอยู่ 1-0 




รีเทิร์นมาเล่นครึ่งหลังสเปอร์สไม่รอช้าดันเกมรุกทันที เดโฟไหลให้โมดริชจับแล้วพลิกยิงที่เส้น 18 หลาบอลข้ามคานออกไปนิดเดียว นาที 48

นาที 65 สเปอร์สน่าจะได้ประตูตีเสมอเมื่อเบลได้บอลหลุดเข้าเขตโทษทางซ้ายโล่งๆ แต่ดาวเตะทีมชาติเวลส์ยิงหักข้อมากเกินไป บอลหลุดเสาสอง จากนั้น 2 นาทีต่อมาคาร์ไลส์กะจังหวะจับบอลลอยโด่งไม่ดี ทำให้เดโฟโฉบมาฉกไปได้แต่เจนเซ่นออกมาบล็อกลูกยิงเดโฟได้ทัน

แต่แล้วนาที 73 เบิร์นลี่ย์ลุยขึ้นมาบ้าง เบล็คกระชากพลิ้วจี้เข้าเขตโทษด้านซ้าย หลบกองหลังสเปอร์สสองคนก่อนจะเปิดเรียดใส่พานไปให้แม็คแคนน์ยิงที่เสาสองง่ายๆ 6 หลาเข้าไป เบิร์นลี่ย์ทิ้งห่าง 2-0 และตอนนี้สกอร์รวมจี้ติดเข้ามาเหลือแค่ 4-3 แล้ว

อย่างไรก็ตามเบิร์นลีย์ชวนทะเลาะจนมาได้ประตูที่ 3 ก่อนหมดเวลา 2 นาทีจากฟรีคิกเกือบๆครึ่งสนามทางปีกซ้ายของเบล็คบอลโด่งเป็นรักบี้และเหมือนไม่มีอะไรเมื่ออัล์นวิคกระโดดลอยออมาคว้าแต่เพื่อน 2 คนที่ขึ้นโหม่งตรงข้างหน้ามาล้นตัวชนบอลหลุดมือก่อนที่โรดริงเกวซจะซัดเข้าไปง่ายๆไม่มีเหลือ เบิร์นลีย์กระซวก 3-0 รวมสองนัดเสมอกันแล้ว 4-4!!


จากนั้นเวลาที่เหลือเจ้าถิ่นคึกคักพาบอลมาป้วนเปี้ยนหน้าประตูสเปอร์สจนกองหลังช่วยกันเคลียร์ก่อนหมดเวลาต้องต่อเวลาโดยช่วงนี้ถ้าสกอร์จบที่ 3-0 จะมีการนับอเวย์โกล์ซึ่งเบิร์นลีย์จะเข้ารอบทันที

ช่วงต่อเวลาพิเศษครั้งแรกทั้งคู่เล่นอย่างรัดกุมแต่จังหวะได้บอลขึ้นทำเกมรุกก็เอาจริงหมายจะซิวประตูสำคัญตัดสินเกมนี้ให้ได้แต่สุดท้ายหาโอกาสส่องสวยเหมือนที่เคยเปิดแลกกันเวลาปกติไม่ได้หมดครึ่งแรกสกอร์ยังอยู่ที่ 3-0 เช่นเดิม

สเปอร์สไม่มีอะไรจะเสียลุยใส่ในช่วง 15 นาทีที่เหลือเพราะถ้ายิงประตูไม่ได้พวกเค้าจะอดเข้าชิงแต่ก็ไม่ง่ายเลยเพราะตอนนี้เบิร์นลีย์ถอยไปตั้งรับกันหมดขนาดร็อบบี้ เบลคตัวรุกยังลงไปวิ่งไล่เหงือกแดงในแดนหลังด้วยเลย

แต่ในขณะที่เวลาค่อยๆหมดไป...นาที 118 สเปอร์สมาได้ประตูสำคัญอย่างไม่น่าเชื่อเมื่อจังหวะทำชิ่งตรงระยะ 30 หลาบอลทะลุมาถึงเอก็อตโต้ที่ทะลุเข้ากรอบเขตโทษก่อนตบบอลมาที่จุดนัดพบเป็นพาฟลูเชนโก้ตัวสำรองวิ่งมาแปเน้นๆบอลติดเซฟเจนเซ่นแต่ช่วยอะไรไม่ได้บอลตุงตาข่ายไม่มีเหลือ

จากนั้นอีกนาทีเดียวฝันองเจ้าถิ่นจบสิ้นเมื่อเดโฟได้บอลจากปีกขวาก่อนลากตัดเข้าในตรงกลางประตูและยิงด้วยอีซ้ายบอลเสียบมุมเดียวกับพาฟลูเชนโก้เข้าไป สกอร์ 3-2 สเปอร์สเข้าชิงชนิดใจหายใจคว่ำสุดๆ


รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม

เบิร์นลี่ย์ :
ไบรอัน เจนเซ่น,เกรแฮม อเล็กซานเดอร์,ไมเคิล ดัฟฟ์,คลาร์ก คาร์ไลส์,สตีเฟ่น จอร์แดน(คริสเตียน คัลเวเนส น.39),เวด แอลเลียต,คริส อีเกิลส์,โจอี้ กุ๊ดยอนส์สัน(เจย์ โรดริเกซ น.81),คริส แม็คแคนน์,ร็อบบี้ เบล็ค,มาร์ติน พาเตอร์สัน(อเด อคินบิยี่ น.100)

สำรองไม่ได้ลงสนาม :ดีเอโก้ เพนนี่,เควิน แม็คโดนัลด์,อลัน มาห์น,อเล็กซ์ แม็คโดนัลด์

สเปอร์ส : เบน อัล์นวิค,คริส กันเตอร์(อเดล ทารับต์ น.95),โจนาธาน วู้ดเกต,ไมเคิล ดอว์สัน,เบอนัวต์ อัสซู-เอก็อตโต้,เดวิด เบนท์ลี่ย์,ดิดิเยร์ โซโกร่า,ทอม ฮัดเดิลสตัน,เจมี่ โอฮาร่า(แกเร็ธ เบล น.62),ลูก้า โมดริช(โรมัน พาฟลูเชนโก้ น.65),เจอร์เมน เดโฟ

สำรองไม่ได้ลงสนาม :เซซาร์ ซานเชซ,โจวานนี่ ดอส ซานโต๊ส,เฟรเซอร์ แคมป์เบลล์,ริคาร์โด้ โรชา

ผู้ตัดสิน : มาร์ก ฮัลซี่

เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์