แมนฯยูคัมแบ๊ค


ครึ่งทางของพรีเมียร์ลีกที่ผ่านมาคงพอพูดได้ว่า

ทีมลุ้นแชมป์มีอยู่ 3 ทีม คือ ลิเวอร์พูล เชลซี และ แมนฯยูไนเต็ด ขณะที่ อาร์เซน่อล น่าจะเป็นแค่น้ำจิ้มช่วยเสริมรสชาติเพราะความสม่ำเสมอสู้คนอื่นเขาไม่ได้

ทีมหงส์แดงมีโอกาสดีนะครับ แต่ความรู้สึกของแฟนบอลก็ยังกลัวแมนฯยู

ที่กลัวแมนฯยูก็เพราะปีศาจแดงมีกุนซืออย่าง เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน

เฟอร์กี้คือตัวที่ทำให้ทีมแตกต่างจากอีก 3 บิ๊กที่เหลือ ไม่ใช่ว่าเก่งกว่าแบบทิ้งกันขาด แต่เป็นเพราะความเก๋า เขี้ยวลาก สั่งทีมได้ ถึงแต้มแมนฯยูตามห่างแค่ไหน คนดูก็ยังเชื่อมือว่า "เดี๋ยวมันก็มา" อยู่นั่นเอง

ถ้าปีศาจแดงจะมา คงมาในสัปดาห์หน้านี้แหละ

แมนฯยูไนเต็ดมีคิวเตะสองนัดในรอบ 4 วัน อาทิตย์ที่ 11 ดวลบิ๊กแมตช์กับเชลซี ต่อด้วยเจอวีแกนวันพุธ ทั้งสองเกมเล่นในบ้านตัวเองล้วนๆ

ตอนนี้ทีมของเซอร์อเล็กซ์อยู่ที่ 3 มี 38 แต้ม ห่างจ่าฝูงลิเวอร์พูล 7 แต้ม ตามเชลซี 4 แต้ม แต่แข่งน้อยกว่า 2 นัด ถ้าสัปดาห์หน้าเกิดเฮี้ยนฟัน 6 คะแนนเต็มขึ้นมา นอกจากอันดับจะพุ่งขึ้นที่สอง ยังเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของการลุ้นแชมป์ด้วย

ปีศาจแดงคือ จอมคัมแบ๊คมาแต่ไหนแต่ไร ยิ่งกว่านั้นสรรพคุณของความเป็นแมนฯยูที่กลับมาได้เมื่อไหร่เป็นติดลม ทะลุคว้าแชมป์ได้บ่อยๆ ยังคงอยู่ในความรู้สึกของคู่แข่งทุกทีมด้วย

ถ้าปล่อยให้เด็กเซอร์อเล็กซ์ขยับขึ้นมาเบียดได้ ถึงแกร่งระดับลิเวอร์พูล, เชลซี ก็ต้องหวั่นไหวกันบ้างแหละ

สัปดาห์นี้จึงเป็นช่วงสำคัญซึ่งทั้งหงส์ ทั้งสิงห์จะพลาดไม่ได้เด็ดขาด

ลิเวอร์พูลมีโอกาสขยับแต้มหนีก่อนเพราะมีคิวไปเยือนสโต๊ก ตั้งแต่วันเสาร์ ดูตามฟอร์มแล้วถึงจะเสียวหน่อยกับลูกทุ่มไกลและความใหญ่ของนักเตะเจ้าถิ่น แต่หงส์แดงยุคนี้ก็นิ่งพอตัว แถม เฟร์นานโด ตอร์เรส ยังกลับมายืนหัวหอกตามปกติ เรื่องที่จะคว่ำถึงขั้นแพ้จึงไม่น่าเป็นไปได้

แล้ว 3 แต้มล่ะจะได้ไหม, ตรงนี้อยู่ที่ความคมนะครับ ถ้าตอร์เรสไม่สนิมจับมากไป ก็คงมีลุ้นแน่

เป้าหมายของลิเวอร์พูล ย่อมเป็นการบุกเชือดสโต๊ก แล้วปล่อยให้แมนฯยูกับเชลซีตัดคะแนนกันเอง ซึ่งก็มีสิทธิอยู่เหมือนกัน

ผมจำได้ว่า

เจอกันหนแรกที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ สิงโตน้ำเงินครามเหนื่อยแทบตายกว่าจะไล่ตีเสมอ 1-1 ในช่วงท้าย วันนั้นปีศาจแดงใช้เกมรับแล้วโต้สวนกลับแต่ละทีทั้งคมทั้งแม่น เล่นเอาเจ้าบ้านปั่นป่วนไปหมด

แต่อาทิตย์นี้เงื่อนไขจะเปลี่ยนไป แมนฯยูไนเต็ดในฐานะเจ้าถิ่นและต้องการ 3 แต้มคงต้องบุกเข้าใส่แทน ขณะที่เชลซีกลายเป็นฝ่ายรับแล้วสวนบ้าง

สิงโตน้ำเงินยุค บิ๊กฟิล สโคลารี่ ชอบแนวนี้เสียด้วยสิ มันมีพื้นที่ให้เล่นมากกว่า มีโอกาสยิงประตูเยอะกว่า ไม่แปลกเลยที่เชลซีเก็บแต้มได้เป็นกอบเป็นกำและยังไม่เคยแพ้นอกบ้านซักนิดในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้

ถ้าแมนฯยูไนเต็ดยิงไม่ได้ก่อน คงเล่นอย่างอึดอัดแล้วถ้าพลาดก็เท่ากับโยนโอกาสคืนกลับไปให้ลิเวอร์พูลตามเดิม

โปรแกรมแข่งพรีเมียร์ลีก

วันเสาร์ที่ 10 ม.ค. แอสตัน วิลล่า-เวสต์บรอมวิช, เอฟเวอร์ตัน-ฮัลล์, ฟูแล่ม-แบล๊คเบิร์น, มิดเดิ้ลสโบรช์-ซันเดอร์แลนด์, นิวคาสเซิล-เวสต์แฮม, ปอร์ทสมัธ-แมนฯซิตี้, อาร์เซน่อล-โบลตัน, สโต๊ก-ลิเวอร์พูล วันอาทิตย์ที่ 11 ม.ค. วีแกน-สเปอร์ส, แมนฯยู-เชลซี วันพุธที่ 14 ม.ค. แมนฯยู-วีแกน

โปรแกรมถ่ายทอดสดทางทรูวิชั่นส์

คืนวันเสาร์ที่ 10 ม.ค. เวลา 19.45 น. แอสตัน วิลล่า-เวสต์บรอมวิช (ทรูสปอร์ต 1) เวลา 22.00 น. อาร์เซน่อล-โบลตัน (ทรูสปอร์ต 1), เอฟเวอร์ตัน-ฮัลล์ (ทรูสปอร์ต เอ็กซ์ตร้า 1), ฟูแล่ม-แบล๊คเบิร์น (ทรูสปอร์ต เอ็กซ์ตร้า 2), มิดเดิ้ลสโบรช์-ซันเดอร์แลนด์ (ทรูวิชั่นส์ 27), นิวคาสเซิล-เวสต์แฮม (ทรูสปอร์ต 3), ปอร์ทสมัธ-แมนฯซิตี้ (ทรูสปอร์ต 5) เวลา 00.30 น. สโต๊ก-ลิเวอร์พูล (ทรูสปอร์ต 3) เวลา 02.00 น. เดปอร์ติโบ้-เซบีญ่า (ทรูสปอร์ต 1) เวลา 02.30 น. อินเตอร์-กายารี่ (ทรูสปอร์ต 3), เวลา 04.00 น. บาเลนเซีย-บียาร์รีล (ทรูสปอร์ต 1) คืนวันอาทิตย์ที่ 11 ม.ค. เวลา 20.30 น. วีแกน-สเปอร์ส (ทรูสปอร์ต 1) เวลา 21.00 น. ยูเวนตุส-เซียน่า (ทรูสปอร์ต 3), ฟิออเรนติน่า-เลชเช่ (ทรูสปอร์ต 5) เวลา 23.00 น. แมนฯยู-เชลซี (ทรูสปอร์ต 1), มาลาก้า-รีล มาดริด (ทรูสปอร์ต 5) เวลา 02.30 น. โรม่า-เอซี มิลาน (ทรูสปอร์ต 3) เวลา 03.00 น. โอซาซูน่า-บาร์เซโลน่า (ทรูสปอร์ต 1) คืนวันพุธที่ 14 ม.ค. แมนฯยู-วีแกน (ทรูสปอร์ต 1)

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์