สิงห์แดงอ่วม!บุกพ่าย0-2ชาลเก้3-1,เซบีญ่าสบาย

สิงห์แดงอ่วม!บุกพ่าย0-2ชาลเก้3-1,เซบีญ่าสบาย

สิงห์แดง มิดเดิ้ลสโบรช์ ทีมดังจากอังกฤษ ต้องเจองานหนัก ในการกลับไปเล่นนัดที่ 2 ในริเวอร์ไซด์ สเตเดี้ยม เสียแล้ว เมื่อนัดแรกพลาดท่าบุกไปพ่าย บาเซิ่ล ทีมดังจากแดนนาฬิกาถึง 0-2 ขณะที่ ชาลเก้ 04 จากเยอรมัน โอกาสเข้ารอบรองชนะเลิศสดใสเหลือเกิน หลังจัดการสอย เลฟสกี้ โซเฟีย 10 ตัว 3-1 เช่นเดียวกับ เซบีญ่า จากสเปนที่ยำใหญ่ เซนิท ปีเตอร์สเบิร์ก จากรัสเซีย 4-1 ในศึกยูฟ่า คัพ

ฟุตบอลยูฟ่า คัพ
รอบก่อนรองชนะเลิศ นัดแรก


บาเซิ่ล (สวิตเซอร์แลนด์) 2 - มิดเดิ้ลสโบรช์ (อังกฤษ) 0


บาเซิ่ล ทีมดังจากแดนนาฬิกา เปิดรังรับโบโร่ โดยในนัดนี้เจ้าถิ่นไม่มีปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บ และโดนแบนแต่อย่างใด ทำให้คริสเตียน โกรสส์ กุนซือของทีมจัดทีมชุดใหญ่ โดยให้มาธิส เดลกาโด้ กองกลางอาร์เจนไตน์ คอยคุมเกม ส่วนในแผงหน้ามีเอดูอาร์โด้ ประสานงานกับมลาเดน เปรติช

ส่วนทางฝั่งทีมเยือนส่งชุดใหญ่เช่นกัน เป็นกาอิซก้า เมนดิเอต้า คอยคุมเกม ส่วนหน้าที่ล่าตาข่ายเป็นจิมมี่ ฟลอยด์ ฮัสเซลเบงค์ จับคู่กับมาร์ค วิดูก้า

ช่วงต้นเกมทั้งสองทีมยังดูเชิงกันอยู่ กว่าจะมามีลุ้นประตูต้องรอนาทีที่ 9 ซึ่งเป็นจิมมี่ ฟอลยด์ ฮัสเซลเบงค์ กองหน้าทีมเยือน ซัดหลุดกรอบออกไป

ทางฝั่งเจ้าบ้านก็เริ่มตั้งเกมได้ และเดินเกมบุกเข้าใส่ แต่ก็ยังหาโอกาสเหมาะๆ ในการเข้าทำไม่ได้ จนนาทีที่ 13 มิลาเดน เปตริช พาบอลบุกขึ้นมาทางฝั่งขวา ก่อนตบเรียดให้เอดูอาร์โด้ วิ่งมาซัดบริเวณกรอบเขตโทษ ตรงตัวมาร์ค ชวาเซอร์

ถัดจากนั้นอีก 3 นาทีบาเซิ่ง มาได้โอกาสอีกครั้ง จากลูกฟรีคิกหน้ากรอบเขตโทษที่ได้จากลูกแฮนด์บอล แต่เดลกาโด้ ปั่นไปติดกำแพงออกหลังไป

กลายเป็นเจ้าถิ่นที่ครองเกมเอาไว้ได้หมด และเดินเกมบุกอย่างต่อเนื่อง นาทีที่ 27 มลาเดน เปรติช ใช้ทักษะแตะบอลลงอย่างนิ่มนวล แต่ก็ซัดไม่ผ่านมือชวาเซอร์

ช่วงท้ายครึ่งแรกนาทีที่ 43 เป็นเจ้าถิ่นที่ได้ประตูออกนำจนได้ หลังจากพยายามมานาน จากจังหวะที่เดลกาโด้ ได้บอลทางฝั่งซ้าย ก่อนลากตัดเข้ามาหน้ากรอบเขตโทษ และบรรจงซัดเต็มข้อเสียบตาข่ายเข้าไปชนิดที่ชวาเซอร์ ลอยยังไงก็ไม่ถึง

แต่ไม่พอแค่นั้นช่วงทดเวลาเจ็บ เจ้าถิ่นได้ประตูที่ 2 เมื่อเดวิด เดเก้น ได้บอลหลุดเข้าไปซัดในกรอบเขตโทษง่ายๆ ให้ทีมออกนำ 2-0 และทำให้จบ 45 นาทีแรก เจ้าถิ่น บาเซิ่ล ออกนำ 2-0

เข้าสู่ช่วงครึ่งหลัง สตีฟ แม็คคลาเรน สั่งลูกเกมเดินเกมบุกเพื่อหวังเอาประตูอะเวย์โกล และได้ลุ้นตั้งแต่ 3 นาทีแรก จากการที่เมนดิเอต้า พาบอลขึ้นไปทางกราบซ้าย ก่อนโยนเข้ามาในกรอบเขตโทษให้ฮัสเซลเบงค์ โขกเต็มๆ จน ชูเบอร์บูห์เลอร์ ต้องปัดทิ้งออกไป

ทีมเยือนน่าจะได้ประตูตีไข่แตกสุดๆ ในนาทีที่ 51 เมื่อเมนดิเอต้า เปิดลุกเตะมุมให้คริส ริกก็อตต์ โขกชนคานเต็มๆ

บาเซิ่ล เน้นการครองบอลเหนียวแน่นในแดนกลาง และผ่านบอลแบบแน่นอนไปมา ทำให้โบโร่ ไม่มีโอกาสทำประตูสักเท่าไหร่ นาทีที่ 66 จากลูกวางยาวฮัสเซลเบงค์ ได้บอลในกรอบเขตโทษ ก่อนโดนสมิลยายิช กองหลังเจ้าถิ่นกระแทกล้มลง แต่ โรแบร์โต้ โรเซ็ตติ ผู้ตัดสินจากอิตาลี กลับให้เล่นต่อไป

โอกาสของทีมเยือนเกิดขึ้นอีกครั้งในนาทีที่ 70 เมื่อกองหลังบาเซิ่ล ส่งบอลคืนหลังเบาให้กับชูเบอร์บูห์เลอร์ แต่ยังดีที่ลูกเคลียร์ของนายทวารเจ้าถิ่น ซึ่งไปติดตัว มาร์ค วิดูก้า ไม่ตรงกรอบ

ถัดจากนั้นอีกนาทีเดียว เป็นบาเซิ่ล ที่น่าได้ประตูที่ 3 บ้าง โดยเป็นสกอตต์ ชิปเปอร์ฟิลด์ กองหลังที่เพิ่งเปลี่ยนตัวลงมา ซัดบอลผ่านมือชวาเซอร์ไปแล้ว แต่ริกก็อตต์ ยังเร็วที่จะเคลียร์บอลออกจากเส้นไปได้อย่างหวุดหวิด

ช่วงท้ายเกมโบโร่ เร่งเครื่องหวังทำอะเวย์โกล แต่ก็ไม่ผ่านแนวรับเจ้าถิ่น ทำให้หมดเวลาการแข่งขันบาเซิ่ล เอาชนะโบโร่ ไปได้ 2-0 ทำให้เป็นงานหนักของตัวแทนจากอังกฤษ ในการกลับไปเล่นนัดที่ 2 ในริเวอร์ไซด์ สเตเดี้ยม

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
บาเซิ่ล : ปาสกาล ซูเบอร์บูห์เลอร์, ดาเนี่ยล มาจสโตโรวิช, บรูโน่ เบอร์เนอร์, บอริส สมิลยานิช, ปาป้า มาลิค บา, มาธิส เดลกาโด้, เดวิด เดเก้น, เรโต้ เซนนี่, เอดูอาร์โด้, มลาเดน เปรติช
มิดเดิ้ลสโบรช์ : มาร์ค ชวาเซอร์, คริส ริกก็อตต์, เอ็มมานูเอล โปกาเตซ, ฟร้องค์ เกอดรู, กาอิซก้า เมนดิเอต้า, เรย์ พาร์เลอร์, โดริวา, สจ๊วต ดาวนิ่ง, จิมมี่ ฟลอยด์ ฮัสเซลเบงค์, มาร์ค วิดูก้า

เลฟสกี้ โซเฟีย (บัลแกเรีย) 1 - ชาลเก้ 04 (เยอรมัน) 3

เลฟสกี้ โซเฟัย เปิดบ้านรับการมาเยือนชาลเก้ ในยูฟ่า คัพ รอบ 8 ทีมสุดท้ายนัดแรก โดยทางฝั่งเจ้าบ้านนัดนี้ขนผู้เล่นชุดใหญ่ลงสนาม นำทัพโดยดาเนี่ยล โบริมิลอฟ กองกลางตัวเก่ง ส่วนในแดนหน้าเป็นหน้าที่ของฮริสโต้ โยวอฟ ส่วนเอมิล อังเจลอฟ นั่งเป็นสำรอง

ทางด้านทีมเยือน ได้ ฮามิต อัลตินท็อป ผ่านการทดสอบความฟิต ในแดนกลางมีลินคอล์น ปั้นเกมให้กับคู่กองหน้าอย่างเกราลด์ อซาโมอาห์ และเควิน คูรานี่

เริ่มเกมมาได้เพียง 6 นาทีเท่านั้น เจ้าบ้านขยับขึ้นนำอย่างรวดเร็ว เมื่อดาเนี่ยล โบริมิลอฟ ตัดบอลได้ตรงกลางสนาม ก่อนอาศัยความสามารถเฉพาะตัวลากบอลหลบกองหลังชาลเก้ และยิงบริเวณเส้นเขตโทษส่งบอลเข้าไปตุงตาข่ายให้เลฟสกี้ ออกนำ 1-0

หลังเสียประตูทีมเยือนก็เริ่มตั้งเกมบุกได้ และมีลุ้นประตูในนาทีที่ 10 จากการที่เควิน คูรานี่ ลากบอลเข้ากรอบเขตโทษ แต่ลูกยิงด้วยขวาเฉี่ยวเสาออกไป

มาถึงนาทีที่ 18 เป็นชาลเก้ ที่ได้เสียวอีกครั้ง คราวนี้เป็นจังหวะที่ฟาเบียน แอนส์ท กองกลางเจ้าเก๋าได้บอลในกรอบเขตโทษ ก่อนหมุนตัวยิงด้วยซ้ายข้ามคานไป

ทีมเยือนน่าจะได้ประตูตีเสมอแบบสุดๆ ในนาทีที่ 26 จากจังหวะเตะมุมที่ลินคอล์น เปิดเข้ามาให้โซเรน ลาร์เซ่น ขึ้นโขกชนคานออกไปอย่างน่าเสียดาย

สถานการณ์ของเจ้าบ้านต้องตกเป็นรองจากการเหลือผู้เล่นในสนามแค่ 10 คนในนาทีที่ 36 เมื่อเซดริค บาดอน โดนใบเหลืองที่ 2 จากการเข้าไปเสียบใส่เลวาน โคเบียชวิลี่ ในจังหวะเคลียร์บอล

เข้าสู่ช่วง 5 นาทีสุดท้าย ชาลเก้ ที่ได้เปรียบตัวผู้เล่นเปิดเกมบุกอย่างหนักหวังทวงประตูคืนให้ได้ นาทีที่ 42 เป็นมาร์เซโล่ บอร์ดอน ปราการหลังที่เติมขึ้นมาเล่นลูกเตะมุม หมุนตัววอลเลย์ด้วยซ้าย ทว่าลูกยิงของเขาไปตรงตัวจอร์จี้ เพ็ตคอฟ นายทวารเจ้าบ้าน และทำให้จบ 45 นาทีแรกเลฟสกี้ โซเฟีย ออกนำอยู่ 1-0

กลับมาเล่นในครึ่งหลังได้เพียง 3 นาทีเท่านั้น ชาลเก้ มาตามตีเสมอได้อย่างรวดเร็ว จากจังหวะที่ลินคอล์น พาบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษ และพยายามจะยิงประตู แต่ถูกบล็อก ทว่ากลายเป็นดีเมื่อบอลทะลักมาเข้าทางกุสตาโว่ บาเรล่า ตัวสำรองที่เพิ่งถูกเปลี่ยนตัวลงมาซัดง่ายๆ เข้าไป

แต่หลังจากนั้นอีก 3 นาทีเจ้าถิ่น เกือมาได้ประตูออกนำอีกครั้ง จากการที่โดโมฟชิลสกี้ หลุดกับดักล้ำหน้าพาบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษ แต่จังหวะยิงโรสท์ นายทวารทีมเยือน ยังออกมาบล็อกได้อย่างหวุดหวิด

เป็นทีมเยือนที่ครองเกมได้ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด และมาได้ประตูพลิกขึ้นนำในนาทีที่ 69 จากจังหวะที่ลินคอล์น เพลย์เมกเกอร์ชาวบราซิเลียน หมุนตัวยิงลูกไซด์เข้าเสียบเสาเข้าไปชนิดที่เพ็ตคอฟ ได้แต่ใช้สายตาป้องกัน

ใช่ว่าทีมเจ้าบ้านจะยอมง่ายๆ และน่าได้ประตูตีเสมอในอีก 2 นาทีกัดมา คราวนี้เป็นมิลาน โคปริมานอฟ ยิงในกรอบเขตโทษ แต่โรสท์ ยังใช้เท้าสกัดเอาไว้ได้

กลับเป็นชาลเก้ ที่มาได้ประตูที่ 3 ในนาทีที่ 79 เมื่อคริสเตียน โพลเซ่น โขกบอลไปชนเสา มาเข้าทาง เกราลด์ อซาโมอาห์ ซัดโล่งๆ เข้าไปตุงตาข่าย

ช่วง 10 นาทีสุดท้ายเป็นทีมเยือน ที่ยังเดินเกมบุกแบบสนุกเท้า แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรเพิ่มได้ ทำให้จบเกม ชาลเก้ 04 บุกมาคว้าชัยเหนือเลฟสกี้ โซเฟีย ได้ถึง 3-1 ทำให้โอกาสเข้ารอบรองชนะเลิศสดใสเหลือเกิน แม้จะต้องเล่นนัดที่ 2 ในสัปดาห์หน้า

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
เลฟสกี้ : จอร์จี้ เพ็ตคอฟ, อิกอร์ โทมาซิช, เอลิน โทปูซาคอฟ, ลูซิโอ ว้ากเนอร์, ดาเนี่ยล โบริมิลอฟ, สตานิสลาฟ อันเจลอฟ, ดิมิตาร์ เทลคิเยสกี้, เซดริค บาร์ดอน, ฮริสโต้ โยวอฟ, วาเลรี่ โดโมฟชิลสกี้
ชาลเก้ : แฟร้งค์ โรสท์, ฮามิต อัลตินท็อป, มาร์เซโล่ บอร์ดอน, มลาเดน เคร์สตายิช, เลวาน โคเบียชวิลี่, คริสเตียน โพลเซ่น, ฟาเบียน แอร์นส์ท, ลินคอล์น, โซเรน ลาร์เซ่น, เกราลด์ อซาโออาห์, เควิน คูรานี่

เซบีญ่า (สเปน) 4 - เซนิท ปีเตอร์สเบิร์ก (รัสเซีย) 1

เซบีญ่า เปิดบ้านรับการมาเยือนของ เซนิท เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก ทีมจากรัสเซีย โดยเจ้าถิ่นขาดเพียง อิวิก้า ดรากูติโนวิช เซนเตอร์ฮาล์ฟที่เจ็บเข่าเพียงคนเดียวเท่านั้น นอกนั้นเป็นผู้เล่นชุดใหญ่ทั้งหมด โดยในแดนหน้าฝากความหวังไว้ที่คู่หัวหอกอย่าง ฮาเบียร์ ซาบิโอล่า กับ เฟรเดริก กานูเต้

ด้านทีมเยือน คามิล คอนโตฟัลสกี้ นายทวารมือหนึ่งที่เจ็บขณะที่ อเล็กซานเดอร์ เคอร์ซาคอฟ กองหน้าตัวเก่งกัดฟันลงสนามจากอาการบาดเจ็บต้นขาในช่วงวอร์ม

เปิดฉากมาได้เพียง 5 นาที เซบีญ่า เกือบจะได้ประตูออกนำอย่างรวดเร็ว จากการที่ ฮาเบียร์ ซาบิโอล่า ทำชิ่งกับ เฟรเดริก กานูเต้ ก่อนที่ดาวยิงชาวอาร์เจนไตน์ จะหลุดเข้าไปยิงติดตัว เวียเชสลาฟ มาลาเฟเยฟ อย่างเหลือเชื่อ

แต่เจ้าถิ่นก็ออกนำจนได้ในนาทีที่ 15 จากจังหวะลูกเตะมุมที่เรนาโด้ เปิดเข้ามาให้ ฆอร์ดี้ โลเปซ โหม่งเช็ดให้ ฮาเบียร์ ซาบิโอล่า ซัดง่ายๆ ส่งบอลไปนอนก้นตาข่ายให้เจ้าถิ่นออกนำ 1-0

สถานการณ์ของเซนิท แย่ลงไปอีกในนาทีที่ 27 เมื่อ อิกอร์ เดนิซอฟ ได้รับบาดเจ็บ ต้องส่ง โอเล็กซานเดอร์ สปิวัค ลงมาเล่นแทน

แต่เซบีญ่า ก็ไม่ได้มีโอกาสทำประตูแบบโจ่งแจ้งนัก และมาเสียประตูอย่างพลิกความคาดหมายในช่วงนาทีสุดท้ายของครึ่งแรก เมื่อ อังเดร อาร์ชาวิน โยนบอลจากฝั่งซ้ายให้ อเล็กซานเดอร์ เคอร์ซาคอฟ โขกเป็นประตู ซึ่งนี่เป็นประตูที่ 7 ของเขาในศึกยูฟ่า คัพ ฤดูกาลนี้ ทำให้จบ 45 นาทีแรกทั้งสองทีมเสมอกันอยู่ที่ 1-1

เข้าสู่ครึ่งหลัง ยังคงเป็นเซบีญ่า ที่ทำเกมบุกอย่างหนัก เพื่อหวังตุนสกอร์ให้มากที่สุด แต่ก็ไม่มีโอกาสลุ้นประตูมากสักเท่าไหร่นัก

ยังไงก็ตามมาถึงนาทีที่ 56 เจ้าถิ่นก็ได้เฮอีกครั้ง เมื่อได้ลูกจุดโทษ จากการที่ เฟเดริด กานูเต้ ถูก เอริค ฮาเก้น รวบล้มลงในเขตโทษ ผู้ตัดสินไม่ลังเลใจให้จุดโทษ ซึ่งเป็น โฆเซ่ หลุยส์ มาร์ตี้ รับหน้าที่สังหารเข้าไปไม่พลาด โดยจากจังหวะนี้ฮาเก้นโดนไล่ออกจากสนามด้วย

เกมเริ่มเดือดขึ้นเรื่อยๆ หลังจากมีใบแดงไปแล้ว โดย อังเดร อาร์ชาวิน ดาวยิงทีมเยือนต้องมาโดนใบเหลืองเป็นคนแรกในเกม เนื่องจากไปต่อว่าผู้ตัดสิน ทำให้เขาอดลงเล่นในนัดที่ 2 จากการติดโทษแบน

นาทีที่ 80 เจ้าถิ่นก็มาได้ประตูหนีห่างเป็น 3-1 จากฮาเบียร์ ซาบิโอล่า

จากนั้นเซบีญ่าก็มาได้เพิ่มอีก 1 ลูก นาทีที่ 90 จาก อาเดรียโน่ กอร์เรอา

จนแล้วจนรอดทั้งสองทีมก็ไม่สามารถทำประตูเพิ่มกันได้ จบเกม เซบีญ่าเอาชนะเซนิท ไปได้ 4-1 ทำให้ทางเข้ารอบสดใส

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
เซบีญ่า : อันเดรียส ปาล็อป, โฆเซ่ หลุยส์ มาร์ตี้, ฆาบี นาบาร์โร่, ฌูเลียง เอสกูเด้, ดาวิด กาสเตโด้, เฟร์นานโด ซาเลส, ฆอร์ดี้ โลเปซ, เรนาโต้, อาเดรียโน่ กอร์เรอา, ฮาเบียร์ ซาบิโอล่า, เฟรเดริก กานูเต้
เซนิท : เวียเชสลาฟ มาลาเฟเยฟ, อเล็กซานเดอร์ อันยูคอฟ, อิวิก้า คริซานัค, เอริค ฮาเก้น, มาร์ติน สเคอร์เตล, ราเด็ค เซิร์ล, เวลิเช่ ซูมูลิโกสกี้, วลาดิสลาฟ ราดิมอฟ, อิกอร์ เดนิซอฟ, อังเดร อาร์ชาวิน, อเล็กซานเดอร์ เคอร์ซาคอฟ

ราปิด บูคาเรสต์ (โรมาเนีย) 1 - สเตอัว บูคาเรสต์ (โรมาเนีย) 1

เกมดาร์บี้ แมตช์ เมืองบูคาเรสต์ เป็นราปิด บูคาเรสต์ เปิดบ้านรับมือ สเตอัว บูคาเรสต์ โดยทางฝั่งเจ้าถิ่นต้องขาดไม่มี มาริอุส มัลดาราซานู และอาร์ตาวาซด์ คารามยัน สองมิดฟิลด์ที่มีอาการบาดเจ็บ ส่วนนักเตะที่ลงสนามมีถึง 10 คนที่ติดโทษเหลืออยู่แล้ว

ฝั่งทีมเยือนไม่มีกาเบรียล บอสติน่า ที่ติดโทษแบน รวมถึงวิคตอราส ยาค็อบ หัวหอกตัวเก่งที่เจ็บหัวไหล่ ทำให้โอกาสตกเป็นของ ดาเนี่ยล โอปริต้า กับ อันเดร คริสเตีย

เริ่มมาได้เพียงแค่ 5 นาที เป็นฝั่งทีมเยือนที่ได้เฮอย่างรวดเร็ว จากการเปิดเกมบุกจากทางฝั่งขวา เมื่อดาเนี่ยล โอปริต้า พาบอลไปถึงเส้นหลัง ก่อนปาดเรียดเข้ากลางให้ บาเนล นิโคลิต้า ที่รออยู่เสาสองแปโล่งๆ เข้าไปให้สเตอัว ได้ประตูออกนำ และเป็นอะเวย์โกล

กว่าที่เจ้าถิ่นจะตั้งเกมได้ต้องรอผ่าน 10 นาทีแรก และมาได้ลุ้นประตูในนาทีที่ 11 จากลูกเตะมุมฝั่งซ้าย ซึ่งดาเนี่ยล นิคูเล ขึ้นโขกไปชนเสาอย่างจัง ก่อนตามเข้าซ้ำข้ามคานออกไปแบบน่าเสียดายสุดๆ

เจ้าถิ่นเปิดเกมบุกหวังตีเสมอให้ได้เร็วที่สุด มาถึงนาทีที่ 18 วิโอเรล มอลโดวาน ได้บอลหลุดไปซัดในกรอบเขตโทษ แต่บอลตรงตัว คาร์ลอส แฟร์นันเดส นายทวารสเตอัว

สเตอัว อาศัยจังหวะสวนกลับเป็นทีเด็ด และเกือบจะมาได้ประตูที่ 2 ในนาทีที่ 21 เมื่อนิโคเล ดิก้า ส่องจากนอกกรอบเขตโทษ แต่ดานุต โคมัน ทุบออกมาเข้าทางอันเดร คริสเตีย ซ้ำเหน่งๆ ข้ามคานไปแบบน่าเหลือเชื่อ

หลังจากนั้นเกมอยู่กลางสนามเสียเป็นส่วนใหญ่ ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ทีมเยือนเกือบได้เฮอีกครั้ง คราวนี้เป็นนิโคลิต้า โยนลูกเตะมุมให้ โอปริต้า โหม่งตุงแต่ โวล์ฟกัง สตาร์ก ผู้ตัดสินชาวเยอรมัน เป่าให้ฟาวล์กับเจ้าถิ่น ทำให้จบ 45 นาทีแรก สเตอัว บุกมานำ 1-0

กลับมาเล่นครึ่งหลังได้แค่ 5 นาที เจ้าถิ่นพังประตูตีเสมอได้สำเร็จ จากจังหวะที่คาร์ลอส แฟร์นันเดส นายทวารสเตอัว คว้าบอลจากการลุยขึ้นของ เอมิล ดิก้า พลาด บอลไปเข้าทางวิโอเรล มอลโดวาน ซัดลูกส้มหล่นเข้าไปแบบง่ายๆ ให้สกอร์เสมอกัน 1-1

เกมของทั้งสองทีมรัดกุมมากยิ่งขึ้น ทำให้ไม่มีทีมไหนได้โอกาสแบบเหมาะๆ เลยสักครั้ง จนต้องแก้เกมโดยราปิด ถอด มูกูเรล บูก้า และให้ ลูเซียน บูร์ดูยาน ลงเล่นแทน ส่วนเปลี่ยน 2 คนรวด โดยส่ง วาซิลิก้า คริสโตเซีย กับ ฟลอริน โลวิน แทน โซริน ปาราสชีฟ กับ อันเดร คริสเตีย

ก่อนหมดเวลา 13 นาที เป็นทีมเยือนที่เกือบจะได้ประตูขึ้นนำอีกครั้ง ทว่าลูกโหม่งของวาซิลิก้า คริสโตเซีย ตัวสำรอง ข้ามคานออกไปไกล หลังจากนั้นไม่มีทีมไหนทำอะไรกันได้ ทำให้หมดเวลาการแข่งขันเสมอกันไป 1-1 นัดที่ 2 จะไปเล่นที่สนาม ลีอา มาโนลู สเตเดี้ยม สนามเป็นกลาง เนื่องจากสนามของสเตอัวไม่ได้มาตรฐาน

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
ราปิด : ดานุต โคมัน, มาริอุส คอนสแตนติน, วาซิเล่ มาฟเต้, ยอนุต ราด้า, เอมาโนอิล บาดอย, เอมิล ดิก้า, คอนสแตนติน สแตนคู, ยอนุต สแตนคู, ดาเนี่ยล นิคูเล, วิโอเรล มอลโดวาน, มูกูเรล บูก้า
สเตอัว : คาร์ลอส อัลแบร์โต้ แฟร์นันเดส, จอร์จ โอการารู, โดริน โกยัน, โซริน จิโอเนีย, มิเรล ราดอย, เปเตร้ มาริน, บาเนล นิโคลิต้า, โซริน ปาราสชีฟ, นิโคเล ดิก้า, ดาเนี่ยล โอปริต้า, อันเดร คริสเตีย

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์