 |
"สิงโตสีน้ำเงิน"เชลซี ที่หวังลุ้นแชมป์ในฤดูกาลนี้ต้องมองไปที่ชัยชนะก่อนที่จะถึงช่วงเทศกาลบ๊อกซิ่ง เดย์ แต่บุกไปเยือนกูดิสัน ปาร์ก ของ "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน"เอฟเวอร์ตั้น ง่ายเสียที่ไหน
ใครจะเข้าป้าย โปรดติดตาม
จันทร์ที่ 22 ธ.ค.
ศึกพรีเมียร์ชิพ
เอฟเวอร์ตั้น-เชลซี
หลังจากแกว่งอยู่พักใหญ่ "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" ทำฟอร์มเก่งขึ้นมาอยู่อันดับ 7 และผลงานในกูดิสัน ปาร์ก ก็แกร่งขึ้นกว่าเดิมอย่างมาก และยิ่งเจอกับระดับ "บิ๊ก" ด้วยแล้ว มักรีดฟอร์มเก่งออกมาได้ทันท่วงที ทำให้นัดนี้อะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น
"ทิม โฮเวิร์ด" นายทวารทีมชาติสหรัฐช่วงนี้ถือว่าเหนียวหนึบไว้ใจได้ ในขณะที่แบ๊กโฟร์ยังอยู่กันครบหน้าทั้ง "ฟิล เนวิลล์-จูลีออน เลสค็อตต์-ฟิล จาเกลก้า-โทนี่ ฮิบเบิร์ต" ยังอยู่กันครบหน้า ถึงสภาพอาจจะมีโรยลงไปบ้าง แต่มีลูกเก๋าบวกดุเป็นทีเด็ด และลูกกลางอากาศก็ทำได้ดีมาก
ในแผงห้องเครื่องมี "ลีออน ออสมัน-เซกุนโด้ คัสติลโญ่-มารูเน่ เฟลลายนี่-สตีเฟ่น พีนาร์" ทำหน้าที่เป็นผึ้งงาน มีส่วนทั้งเกมรุกและรับ โดยเฉพาะในรายของเฟลลายนี่ เด่นมากในจังหวะสอดขึ้นทำประตู
ส่วนแดนหน้ามีปัญหาแน่ เพราะทั้ง "วิกเตอร์ อนิเชเบ่-หลุยส์ ซาฮา" คู่กองหน้ามีปัญหาบาดเจ็บ ไม่แน่ว่าจะผ่านการทดสอบความฟิตลงเล่นในนัดนี้ได้หรือไม่ ถ้าลงไม่ได้ก็คงจะดัน "ทิม เคฮิลล์" มิดฟิลด์ออสซี่ ขึ้นไปเป็นกองหน้าตัวเป้า เหมือนนัดที่บุกไปเอาชนะแมนฯ ซิตี้ 0-1 ในนัดก่อน ซึ่งได้ประตูชัยมาจากเคฮิลล์ นี่เอง
ด้านทีมเยือน นัดก่อนถือว่าฝืดเมื่อทำได้แค่เสมอเวสต์แฮม 1-1 ทั้งๆ ที่เล่นในสแตมฟอร์ด บริดจ์ของตัวเอง นัดนี้ยังไงก็ต้องเล่นเกมชวนทะเลาะเพื่อเก็บ 3 แต้มออกไปให้ได้
ในเกมรับดูแล้วแกร่งพอตัว "ปีเตอร์ เช็ก" ด่านสุดท้ายเหนียวหนึบช่วยทีมมาได้เยอะ ในขณะที่แผงหลัง "โบซิงวา-จอห์น เทอร์รี่-อเล็กซ์-แอชลีย์ โคล" แกร่งพอที่จะรับมือกับกองหน้าเจ้าบ้านได้แน่
แดนกลาง "จอห์น โอบี มิเกล" น่าจะรับบทเป็นตัวตัดเกมอยู่หน้าแผงหลัง เพื่อเปิดโอกาสให้ "แฟรงก์ แลมพาร์ด-โจ โคล-เดโก้" มีอิสระในการทำเกมรุกอย่างเต็มที่ และคอยสอดขึ้นทำประตูจากแถวสอง
ในแผงหน้า "นิโกลาส์ อเนลก้า" ยืนเป็นหัวหอกตัวเป้าแน่นอน เพราะผลงานดีต่อเนื่อง และกำลังเล่นด้วยความมั่นใจ ในขณะที่ "ดิดิเยร์ ดร็อกบา" อาจจะเป็นสำรองอีกนัด เพราะดูเหมือนว่าระบบ 2 หัวหอกของเชลซี จะไม่ค่อยเวิร์กเท่าใดนัก
เอฟเวอร์ตั้น เล่นต่อหน้าแฟนบอลของตัวเองคงจะเปิดเกมสู้กับผู้มาเยือนอย่างไม่กลัวศักดิ์ศรี แต่อย่าลืมว่า "สิงโตสีน้ำเงิน" ฤดูกาลนี้ผลงานนอกบ้านไม่แพ้ใคร และตั้งเป้าทำสถิติชนะนอกบ้านเป็นนัดที่ 12 ถ้าหากเล่นแลกหมัดกันจริง จังหวะสวนกลับและความหลากหลายในเกมรุกจะพาเชลซี บุกมาซ่าถึงกูดิสัน ปาร์ก ในที่สุด
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
