ไหนใครหลงทาง!นาสรี่ซัดเบิ้ลปืนถองผีหน้าหงาย

ไหนใครหลงทาง!นาสรี่ซัดเบิ้ลปืนถองผีหน้าหงาย

 

ปืนใหญ่อาร์เซนอลหลงทางอยู่ไม่กี่วันปุ๊บปั๊บขึ้นทางด่วนถึงที่หมายทันควันเมื่องัดเพลงแข้งสุดเทพสอนเชิงแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดหงาบเงิบ 2-1 จากสองประตูสุดสวยของซาเมียร์ นาสรี่พาทีมขยับขึ้นมาอยู่อันดับ

3 ส่วนเด็กป๋าแพ้เป็นนัดที่สองของซีซั่นแล้ว


อาร์เซนอล 2-1 แมนฯยูฯ

สนาม :
เอมิเรสต์ สเตเดียม

ประตู : 1-0 นาสรี่ น.22,2-0 นาสรี่ น.48,2-1 ราฟาเอล ดา ซิลวา น.90

ผู้ตัดสิน : ฮาเวิร์ด เวบบ์

สภาพสนาม : มีฝนตกประปราย/แดดออกครึ่งหลัง

อาร์เซนอลในสภาพพิการแดนหน้าเมื่อเหลือแค่นิคลาส เบนด์เนอร์คนเดียวส่วนธีโอ วัลค็อตต์ฟิตทันลงสนามด้านเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันส่งชุดเดิมลงเล่นมีทั้งรูนีย์,เบอร์บาตอฟและโรนัลโด้ แดนกลางมีตัวจี๊ดอย่าง

อันแดร์สันและตัวคุมเกมอย่างคาร์ริค

เริ่มมาแค่ 2 นาทีคลิชี่คืนหลังสั้นจนรูนีย์วิ่งเข้ามาแต่อัลมูเนียไม่รู้จะทำยังไงเลยล้มตัวรับเสียฟรีคิกสองจังหวะในเขตโทษและเป็นอันแดร์สันตะบันยิงระยะ 12 หลาเยื้องมาทางขวานิดนึงติดบล็อกก่อนกระเด้งมาเข้าทาง

คาร์ริคที่ซัดด้วยอีซ้ายไม่เต็มแต่บอลถากเสาออกไปนิดเดียว

จากนั้นเกมทั้งคู่เริ่มเล่นรัดกุมแต่เป็นทางฝั่งปืนใหญ่ที่ได้ครองบอลเป็นฝ่ายเข้าทำตามเชิงยามเล่นในบ้าน

แค่ 8 นาทียูไนเต็ดส่งบอลตุงตาข่ายก่อนจากการทำชิ่ง 1-2 อันสวยงามของแกรี่ เนวิลล์ให้โรนัลโด้หลุดมาตบบอลเข้ากลางจากปีกขวาแล้วปาร์คโชว์เหนือวิ่งมาทำท่าจะยิงแต่กลับปล่อยให้ลอดขาเป็นรูนีย์ได้ยิงติดไซ

ด์บนเส้น 18 หลาเหน่งๆแต่อัลมูเนียล้มตัวปัดและเป็นเบอร์บี้มาซ้ำจ่อๆไม่มีเหลือแค่ไลน์แมนยกธงล้ำหน้าไปก่อน 

โอกาสแรกของเจ้าถิ่นเกือบเป็นประตูจากลูกที่นาสรี่แตะออกปีกให้คลิชี่เปิดย้อยเข้ากบาลเบนด์เนอร์ที่โถมมาโขกระยะ 6 หลาเต็มๆแต่โดนไม่ดีข้ามคานออกไปซะงั้น

วันนี้อาร์เซนอลมาแปลกเพราะเน้นการเปิดบอลจากริมเส้นบ่อยมากนาที 14 นาสรี่ดึงจังหวะหลอกเนวิลล์ตรงกรอบโทษฝั่งซ้ายก่อนเปิดด้วยซ้ายบอลผ่านเพื่อนไปสองคนรวมทั้งวัลค็อตต์ที่สอดมาเสาไกลแต่สไลด์ไม่ถึง

อีกนาทีเดียวฟรีคิกจากฝั่งขวาบอลไปโหม่งแย่งกันเลยย้อยโด่งฟานเดอร์ซาร์ชกไม่ดีมาหล่นใส่ดิยาบี้ตรงจุดโทษพอดีแต่ยิงไปติดบล็อกวิดิชที่ยืนอยู่หน้าปากประตูโล่งๆ

ตอนนี้เกมเป็นข่าวเจ้าถิ่นมากขึ้นเรื่อยๆแล้วทำให้ยูไนเต็ดต้องหันมาดึงเกมให้ช้าลงเพราะว่ากำลังเสียเปรียบเกมรุกชักเดินไม่ขึ้นแล้ว

นาที 18 ทีมเยือนพลาดโอกาสขึ้นนำอย่างไม่น่าเชื่อและต้องชมอันแดร์สันที่เป็นคนเริ่มต้นทุกอย่างหลังม้วนบอลหนีเชสก์ที่เข้าหนักก่อนเลี้ยงย้อนกลับมาตรงระยะ 30 หลาแล้วแทงให้เบอร์บาหน้าเขตโทษและหอกทีม

ชาติบัลแกเรียโชว์เซนส์เมื่อแปะบอลช้าๆเข้าเขตโทษให้โรนัลโด้บึ่งมาเอาก่อนตบย้อนจังหวะเดียวให้รูนีย์ได้ตั้งยิงแบบเหน่งสุดๆแต่หอกเหม่งดันเน้นมากไปบอลโด่งข้ามคานออกไปแบบไม่มีลุ้น ยิงไปได้!!!

แต่แล้วนาที 22 อาร์เซนอลมาขึ้นนำจนได้จากลูกฟรีคิกทางปีกขวาเบอร์บาอกโหม่งทิ้งแต่เข้าทางนาสรี่ที่อัดบนเส้น 18 หลาบอลแฉลบแกรี่ เนวิลล์ตุงตาข่ายไม่มีเหลือ

นาที 28 เจ้าถื่นเกือบพังบ้างหลังฟรีคิกตรงปีกซ้ายโรนัลโด้ปั่นเข้ากลางคลิชี่โหม่งไม่ดีบอลแฉลบบอลถากเสาออกหลังชนิดที่ว่าไม่เข้าประตูตัวเองได้ยังไง

จากนั้นจังหวะสวนกลับของปินโตเกือบเป็นประตูแต่เชสก์ซัดไกลเลียดเก็บตกบอลผ่านมือฟาน เดอร์ ซาร์ผ่านหน้าเสานิดเดียวเท่านั้น

นาที 34 ยูไนเต็ดสมควรตีเสมอได้อีกครั้งหลังปาร์คโชว์พลังโสมห้อบึ่งจากแถวสองพรวดขึ้นมาเองก่อนแตะเข้าระยะทำการแล้วยิงด้วยอีซ้ายหน้าเขตโทษแต่อัลมูเนียพุ่งล้มปัดนิดเดียว

ตอนนี้ฝั่งทีมเยือนชักเล่นหนักแถมอีก 4 นาทีต่อมาดิยาบี้กระชากทะลุกำลังจะเข้าเขตโทษแต่ถูกคาร์ริคซึ่งนอกจากจะช้าอยู่แล้วยังวิ่งตามหลังเลยสไลด์สะกิดหัวคมำแต่ฮาวเวิร์ด เวบบ์ทำมือบอกให้เล่นต่อเฉย

ก่อนหมดเวลา 4 นาทีปืนมาอีกชุดจากลูกเปิดด้านข้างกรอบโทษของซิลแวสตร์เด็กเก่าแต่งวัลค็อตต์วอลเลย์ตามน้ำระยะเผาขนแป๊กบอลกระเด้งลงพื้นข้ามคานไปเอง

ช่วงท้ายเกมเกมรุกของทีมเยือนที่หายไปนานได้เสียวสุดๆจากจังหวะสวนกลับตั้งแต่แดนตัวเองเป็นเบอร์บาตอฟที่ได้บอลแล้วแทงทะลุช่องตรงกลางสนามให้รูนีย์ควบขึ้นมาก่อนรอให้โรนัลโด้ซึ่งอยู่หน้ากรอบโทษวิ่ง

ทำทางแล้วจ่ายให้แต่ตอนยิงโด้จิ๋วหลักไม่ดีแปด้วยซ้ายบอลก๋องถูกกองหลังช่วยกันเคลียร์ทิ้งออกมาได้ ก่อนหมดครึ่งแรกเป็นเกมที่แลกกันมันส์สกอร์เจ้าถิ่นนำอยู่ 1-0 แต่เหมือนแฟนบอลปืนโตหงุดหงิดที่เวบบ์

แจกใบเหลืองให้ผู้เล่นยูไนเต็ดที่ทำฟาว์ลเยอะกว่าเห็นๆน้อยเกินไป

ครึ่งหลังเริ่มไปแค่ 2 นาทีปืนใหญ่หนีเป็น 2-0 อย่างรวดเร็วจากจังหวะที่ไม่น่ามีอะไรเมื่อต่อบอลเคาะกลางสนามไปมาแต่เชสก์ได้โอกาสพลิกบอลม้วนก่อนแทงให้นาสรี่ได้สับไก่เหน่งๆตรงครึ่งวงกลมบนเส้น 18

หลาพอดีบอลแหกอากาศเสียบมุมเข้าไปอย่างงดงาม จังหวะนี้กองหลังทีมเยือนกรูวิ่งตามวัลค็อตต์ที่ทำทางกันหมดทำให้อดีตแข้งมาร์กเซย์ไร้ตัวประกบจนริโอโวยวายด่าล้งเล้งเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตามแมนฯยูฯพลาดโอกาสสำคัญที่น่าจะเป็นจุดเปลี่ยนของเกมเมื่อปาร์คได้บอลตรงหน้ากรอบโทษฝั่งซ้ายก่อนเปิดย้อยข้ามมาให้โรนัลโด้วิ่งมาแปบอลตรงระยะ 6 หลาเสาสองคนเดียวโล่งๆแต่บอลกลับผ่าน

เสาไกลออกไปสุดช็อก

ยูไนเต็ดโหมบุกจะเอาคืนอย่างหนักแต่ลูกยิงของรูนีย์และเนวิลล์ข้ามคานเสียโอกาสกันไปเองทำให้ตอนนี้ยิ่งเล่นยิ่งลำบากเพราะปืนใหญ่วิ่งไล่กดดันตามเสียงเชียร์ดีเอามากๆ

นาที 61 ลูกชุลมุนโหม่งแย่งกันไปมาหน้ากรอบโทษจนล้นออกด้านกรอบโทษฝั่งซ้ายเป็นเบอร์บาตอฟที่วิ่งไปเอาก่อนเปิดย้อยเข้ามาแต่รูนีย์โผนโหม่งลงพื้นไม่หนีตัวอัลมูเนียมากพอเลยเข้ามือพอดี

นาที 74 นาสรี่เกือบทำแฮทริคเมื่อจังหวะสวนกลับลากจี้เข้าหาวิดิชหน้ากรอบโทษแต่ถูกดึงถูกรั้งจนกระทั่งล้มลงแต่เวบบ์ยังทำนิ่งไม่ให้จุดโทษ วันนี้ถือว่าทำหน้าที่ผิดพลาดเยอะเพราะก่อนหน้านี้คาร์ริคก็ถูกใบเหลืองข้อ

หาเตะอัดอัลมูเนียทั้งๆที่เป็นจังหวะยิง 50-50 ด้วยซ้ำ

ช่วงนี้ต้องหาผ้ามาเช็ดพื้นเพราะเกมมันมากเปิดแลกกันมันส์หยดติ๋งแต่เกมรุกของทีมเยือนวันนี้ไม่คมเลย บอลทะลุหลุดสวยๆในครึ่งหลังแทบไม่มีให้เห็น เบอร์บาตอฟกับโรนัลโด้เสียบอลเองบ่อยมาก

เกมทำท่าว่าจะจบลงง่ายๆแต่ลูกเปิดครั้งสองของกิกส์ตรงกรอบโทษฝั่งซ้ายบอลถูกเคลียร์มาเข้าทางราฟาเอล ดา ซิลวาแบ็คดาวรุ่งที่พักอกก่อนซัดด้วยอีซ้ายบอลพุ่งผ่านมือฟาเบียงสกี้ที่พุ่งไม่ถึงบอลเสียบหน้าต่าง

สุดงาม เป็นประตูแรกของแบ็คฝาแฝดอีกด้วย

ป้ายทดเจ็บยกขึ้นมา 6 นาทีเป็นช่วงที่อัลมูเนียเจ็บจนต้องปฐมพยาบาลจนทำให้ปิศาจแดงมีความหวังแต่อาร์เซนอลวันนี้ตั้งใจพิสูจน์ตัวเองสุดๆช่วยกันต้านเกมรุกเอาไว้ได้หมด จบเกมเด็กน้าเหี่ยวได้ 3 แต้มแรกใน

รอบ 3 นัดขึ้นมาอยู่อันดับ 3 แล้วส่วนยูไนเต็ดแพ้นัดแรกในรอบ 8 นัดหล่นมาอยู่อันดับ 4 และแพ้เป็นนัดที่ 2 หลังครั้งสุดท้ายเสียท่าให้หนึ่งในบิ๊กโฟว์คือลิเวอร์พูลตั้งแต่วันที่ 13 กันยายนนู่นเลย

รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม

อาร์เซนอล :
มานูเอล อัลมูเนีย(ฟาเบียงสกี้ น.78),บาคารี่ ซาญ่า ,วิลเลี่ยม กัลลาส์ ,มิกาเอล ซิลแวสตร์,กาเอล คลิชี่ ,ธีโอ วัลค็อตต์(ซง น.78),เชส ฟาเบรกัส,เดนิลสัน,ซาเมียร์ นาสรี่,วาสซิริกิ ดิยาบี้(ตูเร่

น.86),นิคลาส เบนด์เนอร์

แมนฯยูฯ : เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์,แกรี่ เนวิลล์(ราฟาเอล ดา ซิลวา น.63),ริโอ เฟอร์ดินานด์,เนมันย่า วิดิช,ปาทริซ เอวร่า [img][/img],คริสติอาโน่ โรนัลโด้,อันแดร์สัน(กิกส์ น.72),ไมเคิ่ล คาร์ริค ,ปาร์ค จี ซอง,เวย์น รูนีย์(เตเบซ น.78),ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ





Gary Barlow and Robbie Williams with Patrick McGuinness and Jonathan Wilkes in the crowd


















 


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: lentee


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์