นักเตะเทวดา Vs เทพบุตรเปียทองคำ






โยฮัน ครัฟฟ์ เริ่มต้นการค้าแข้งกับ อาแจ๊กซ์ อัมสเตอร์ดัม และพาทีมกวาด
แชมป์มากมายที่สำคัญที่สุดคือเขาเป็นกัปตันทีม ที่พาอาแจ๊กซ์ คว้าแชมป์
ยูโรเปียนคัพ 3 สมัย ติดต่อกัน ในช่วงปี 1971-1973 ก่อนที่จะย้ายไปอยู่กับ
บาร์เซโลน่า ด้วยความที่ ครัฟฟ์ เป็นคนตรงๆ จึงเป็นคนที่พูดจาขวานผ่าซาก
ทำให้ในปี 1971 เคยโดนเพื่อนร่วมทีมโหวตให้ยึดปลอกแขน แต่สุดท้ายก็
กลับมาเป็นของเขาอีก เดิมทีเขาใส่เสื้อเบอร์ 10 แต่เขาได้รับบาดเจ็บหนัก
เมื่อกลับมาอีกทีเสื้อเบอร์ 10 ของเขาก็ถูกยกให้คนอื่นไปแล้ว เขาจึงสวม
เสื้อเบอร์ 14 ตั้งแต่นั้นมาจนกลายเป็นตำนานเบอร์ 14 ของทั้ง เนเธอร์แลนด์
และ ไอแอ๊กซ จนเมื่อปี 2007 ทางสโมสรได้ประกาศยกเลิกใช้เสื้อเบอร์ 14
เพื่อเป็นการให้เกียรติอย่างสูงสุดแก่ โยฮัน ครัฟฟ์ นักฟุตบอลที่เก่งที่สุดเท่า
ที่ อาแจ๊กซ์ และ โลกเคยมีมา แถมตอนเป็นผู้จัดการทีมก็ยังเก่งกาจโชว์ผล
งานพาบาร์เซโลน่าได้แชมป์ ยูโรเปียนคัพ ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของ
สโมสรอีกด้วย
      ครัฟฟ์เป็นที่โด่งกังในฐานะที่เป็นผู้เล่นคนสำคัญที่ทำให้ ไรนุส มิเชล
ยอดผู้จัดการทีม สามารถ นำเอาแนวการเล่นแบบ Total Football มาใช้กับ
อาแจ๊กซ์ และ เนเธอร์แลนด์ Total Football คือการเล่นแบบไม่มีใครเป็น
ศุนย์กลางของทีมทุกตำแหน่งสามารถแทนกัันได้หมดนั่นเอง
    ล่าสุดโยฮัน ครัฟฟ์ พึ่งตกลงที่จะกลับมาช่วยพัฒนา อาแจ๊กซ์ให้ไป
ในทางที่ดีขึ้นหลังจากไม่ได้แชมป์ลีกมา 4 ปี แล้ว

ชื่อ โยฮัน ครัฟฟ์
ชื่อเต็ม เฮ็นดริก โยฮันเนส ครัฟฟ์
วันที่เกิด 25 เมษายน 1947 (1947-04-25)
สถานที่เกิด อัมสเตอร์ดัม, เนเธอร์แลนด์
ส่วนสูง 1.80 เมตร
ตำแหน่งที่เล่น ปกติเป็นปีกซ้าย แต่เล่นได้ทุกตำแหน่งยกเว้น ผู้รักษาประตู

สโมสรตอนเด็ก
1959-1964 อาแจ๊กซ์

สโมสรหลัก

1964-1973 อาแจ๊กซ์ ลง 240 นัด ยิง 190 ประตู
1973-1978 บาร์เซโลน่า ลง 143 นัด ยิง 48 ประตู
1979-1980 ลอสแองเจิลลีส เอสเทก ลง 28 นัด ยิง 14 ประตู
1980-1981 วอชิงตัน ดิสโพลเมท ลง 32 นัด ยิง 12 ประตู
1981 เลบานเต้ ลง 10 นัด ยิง 2 ประตู
1981-1983 อาแจ๊กซ์ ลง 36 นัด ยิง 14 ประตู
1983-1984 เฟเยนูรด์ ลง 33 นัด ยิง 11 ประตู
รวม ลง 522 นัด ยิง 291 ประตู

ทีมชาติ
1966-1978 เนเธอร์แลนด์ ลง 48 นัด ยิง 33 ประตู

ผันตัวมาเป็นผู้จัดการทีมได้คุมทีม

1986-1988 อาแจ๊กซ์
1988-1996 บาร์เซโลน่า

เกียรติประวัติส่วนตัว

ตอนเป็นผู้เล่น

อาแจ๊กซ์
o Eredivisie: 1966, 1967, 1968, 1970. 1972, 1973, 1982, 1983
o KNVB Cup: 1967, 1970, 1971, 1972, 1983
o European Cup: 1971, 1972, 1973
o Intercontinental Cup: 1972
o UEFA Super Cup: 1972, 1973

บาร์เซโลน่า
o La Liga: 1974
o Copa del Rey: 1978

เฟเยนูร์ด
o Eredivisie: 1984
o KNVB Cup: 1984


บัลลงดอร์ 3 สมัย (นักเตะยอดเยี่ยม)ได้ในปี 1971,1973,1974

ตอนเป็นผู้จัดการทีม

อาแจ๊กซ์
o KNVB Cup: 1986, 1987
o UEFA Cup Winners' Cup: 1987

บาร์เซโลน่า
o Copa del Rey: 1990
o La Liga: 1991, 1992, 1993, 1994
o UEFA Cup Winners' Cup: 1989
o European Cup: 1992
o UEFA Super Cup: 1992

























โรแบร์โต บาจโจ (Roberto Baggio) เกิดเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2510 (ค.ศ. 1967) ที่เมืองคาลดอคโน่ วิเซนซ่า ประเทศอิตาลี บาจโจมีชื่อเสียงมาจากการเป็นกองหน้าตัวหลักของทีมอิตาลีในฟุตบอลโลก 1994 ที่สหรัฐอเมริกา ซึ่งครั้งนั้นอิตาลีได้ทะลุมาถึงรอบชิงชนะเลิศกับบราซิล บาจโจในฐานะกองหน้าจึงเป็นความหวังของชาวอิตาเลียนและแฟน ๆ ทั่วโลก ว่าจะเป็นผู้นำพาอิตาลีคล้าแชมป์ฟุตบอลโลกเป็นครั้งที่ 4 ได้ แต่การแข่งขัน 120 นาที เสมอกัน 0:0 จึงต้องตัดสินกันที่ลูกจุดโทษ ซึ่งบาจโจที่มีข่าวออกมาก่อนหน้านี้ว่า บาดเจ็บ เป็นผู้ยิงประตูสุดท้ายด้วย ปรากฏว่าเขายิงพลาดเหินข้ามคานไป ส่งผลให้บราซิลได้แชมป์ฟุตบอลโลกเป็นสมัยที่ 4 ไปทันที  ประวัติ โรแบร์โต บาจโจ เริ่มเล่นฟุตบอลครั้งแรกในปี พ.ศ. 2525 (ค.ศ. 1982) กับสโมสรวิเซนซ่า บ้านเกิด จนถึงปี พ.ศ. 2528 (ค.ศ. 1985) จึงย้ายไปอยู่ที่ฟิออเรนติน่า จากนั้นในปี พ.ศ. 2533 (ค.ศ. 1990) จึงย้ายไปอยู่ที่ยูเวนตุส สโมสรชั้นนำของอิตาลีและของยุโรป จนได้รับรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของทวีปยุโรปหรือ บัลลังดอร์ (ภาษาฝรั่งเศส : Ballon d'Or) ในปี พ.ศ. 2536 (ค.ศ. 1993) ก่อนที่จะเป็นกองหน้าในทีมชาตินำทีมเข้าสู่การแข่งขันฟุตบอลโลก 1994 ที่สหรัฐอเมริกา และพาทีมเป็นรองแชมป์โลก จากนั้น บาจโจ จึงได้ย้ายไปอยู่ที่เอซีมิลาน ในปี พ.ศ. 2538 (ค.ศ. 1995) ไปอยู่กับโบโลญญ่าในปี พ.ศ. 2540 (ค.ศ. 1997) ย้ายไปอยู่กับอินเตอร์ลาน ในปี พ.ศ. 2541 (ค.ศ. 1998) และเบรสชา ในปี พ.ศ. 2543 (ค.ศ. 2000) ก่อนที่จะแขวนรองเท้าไปในปี พ.ศ. 2549 (ค.ศ. 2004) โรแบร์โต บาจโจ เป็นนักฟุตบอลรูปร่างเล็ก โดยสูงเพียง 174 เซนติเมตร เท่านั้น เป็นนักฟุตบอลที่มีชื่อเสียงโด่งดังคนหนึ่งทีเดียวในสมัยที่ยังเล่นฟุตบอลอยู่ มีเอกลักษณ์ประจำตัวคือ ผมเปียที่ท้ายทอย เป็นนักฟุตบอลที่หน้าตาดี จึงได้ฉายาจากแฟนฟุตบอลชาวไทยว่า เทพบุตรเปียทองคำ ชีวิตส่วนตัวนับถือ ศาสนาพุทธ เคยมีข่าวในทำนองที่ว่าเดินทางมาประเทศไทยเพื่อให้หลวงพ่อคูณฝังตะกรุดมาแล้วด้วย แต่ในความเป็นจริงแล้ว บาจโจนับถือพุทธศาสนา มหายานโดยอยู่ในองค์กรโซคาสากล Soka Gakkai International ซึ่งไม่ได้นับถือเครื่องลางของขลังดังกล่าว แรก ๆ ที่เริ่มมีชื่อเสียงถูกเรียกชื่อเป็นภาษาไทยว่า โรเบอร์โต้ บักจิโอ้ หรือ โรเบอร์โต้ บักโจ้


อยากได้ใครอีกขอมานะ



เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์