ยิงสุหนัด4-1!วัลค็อตต์แฮทริคยำโครแอท10ตัว

ยิงสุหนัด4-1!วัลค็อตต์แฮทริคยำโครแอท10ตัว

สิงโตคำรามอังกฤษทวงแค้นคืนทั้งต้นทั้งดอกเมื่อบุกมาอัดโครเอเชียไส้กระจายเกลื่อนสนาม 4-1 โดยเจ้าหนูธีโอ วัลค็อตต์เป็นผู้จุดประกายรับเหมาต่อเติมซัดแฮทริคแรกในชีวิตค้าแข้งแถมโรเบิร์ต โควิชมาถูกไล่ออกหลังตีศอกโจ โคลแพ้คาบ้านชอกช้ำไร้ข้อแก้ตัว

บรรยายเกมโดยลูกแม่กิ่ง

โครเอเชีย 1-4 อังกฤษ

ประตู :
0-1 วัลค็อตต์ น.26,0-2 วัลค็อตต์ น.59,0-3 รูนีย์ น.63,1-3 มานด์ซูคิช น.78,1-4 วัลค็อตต์ น.82

เกมเริ่มต้นมาด้วยความตึงเครียดของทั้งสองฝ่าย ซึ่งแค่ 4 นาทีโครเอเชียก็ขอทักทายก่อนจากลูกยิงของปรานยิช ที่ซัดจากระยะ 20 หลาแต่เจมส์ไม่พลาด

จากนั้นฝ่ายทีมเยือนที่เคยแพ้ที่สนามแห่งนี้มา 2-0 ในปี 2006 ก็พยายามเล่นอย่างรัดกุมเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันไม่ให้ผิดพลาดแบบง่ายๆเหมือนคราวก่อนๆอีก ซึ่งก็ทำได้ดีพอสมควร

แต่เมื่อพ้น 10 นาทีแรกไป โครเอเชียก็ค่อยๆทำได้ดีขึ้นเรื่อยๆในการหาช่องเจาะเข้าทำโดยอาศัยความสามารถเฉพาะตัวของผู้เล่นที่เหนือกว่าเล่นงานจนแนวรับอังกฤษออกอาการป่วนไปหมด

ทว่าทีมสิงโต ที่ตั้งรับอยู่นานก็มาได้ประตูแบบมีโชคช่วยเล็กน้อยเมื่อแนวรับโครแอตพลาดกันเองจากจังหวะที่ปรานยิช พยายามจะเคลียร์บอลทิ้งแต่ไปโดนตัวซิมูนิช ลูกมาเข้าทางวัลคอตต์ ที่ใจเย็นเกินคาดจับบอลจนนิ่งก่อนจะกดเรียดเสียบเสาไกลเข้าไปอย่างสวยงาม ทำให้อังกฤษได้ประตูขึ้นนำที่ต้องการ 1-0 ในนาทีที่ 26 และเป็นประตูแรกของเจ้าหนูมหัศจรรย์ในนามทีมชาติด้วย

ประตูนี้มาความมั่นใจก็ตามมาด้วย และในนาทีถัดมาวัลคอตต์ ก็ทำเอาแฟนบอลโครแอตเสียวอีกหน เมื่อสบโอกาสได้ลองกดเรียดคล้ายๆลูกที่ยิงประตูได้ แต่คราวนี้ติดเซฟของเพลติโกซ่า

แต่จากนั้นโครเอเชีย ก็เกือบจะตีเสมอได้เช่นกัน เมื่อเจมส์ออกมาตัดบอลพลาดตามสไตล์ ลูกตกตรงหน้าเปตริช แต่ลูกยิงโดนบล็อกไปได้อย่างหวุดหวิด

ช่วงเวลาหลังจากนั้นโครเอเชียก็พยายามจะหาประตูตีเสมอให้ได้ แต่อังกฤษก็ใช้เกมสวนกลับโดยเฉพาะตัวอันตรายอย่างวัลคอตต์ ที่ป่วนได้ตลอดถึงขั้นโดนสอยร่วงต้องหามออกไปพยาบาลข้างสนามแต่ก็กลับมาลงเล่นใหม่ได้ จบครึ่งแรกก็เลยตามหลังคู่แค้นเก่าไปก่อน

ครึ่งหลังคาเปลโล่ ยังสั่งให้เน้นการเจาะเกมที่ซิมูนิช ซึ่งช้าและโดนใบเหลืองไปก่อนแล้ว และกองหลังที่เคยโดน 3 ใบเหลืองในฟุตบอลโลก 2002 ก็ไปดักรูนี่ย์ร่วงล้ม แต่ผู้ตัดสินลูบอส มิเชล ยังใจดีไม่แจกใบเหลืองที่สอง

จากฟรีคิกลูกนี้แลมพาร์ด ตะบันเรียดเต็มตีนจากระยะกว่า 30 หลา แต่เพลติโกซ่า ล้มตัวเซฟได้หวุดหวิด ก่อนที่เกมจะเกิดจุดพลิกผันสำคัญอีกครั้งเมื่อโรเบิร์ต โควัช ไปกระโดดศอกใส่โจ โคล ในจังหวะที่โดดแย่งบอลกันจนโคลหัวแตกเลือดอาบ ผู้ตัดสินให้ใบแดงไล่ออกจากสนามทันที ส่วนดาวเตะเชลซีเล่นต่อไม่ไหวต้องให้เจอร์เมน จีนัสลงมาแทน

อังกฤษ ไม่ปล่อยให้ความได้เปรียบลอยนวล และการประสานงานในเกมรุกที่เด็ดขาดจากเฮสกีย์ ที่เกี่ยวบอลให้รูนี่ย์ซึ่งทำท่าจะยิงบนเส้นโทษ 18 หลาแต่ตาไวแปะออกข้างให้วัลคอตต์ที่ยืนโล่งๆจับบอลก่อนกดเรียดด้วยขวาผ่านมือเพลติโกซ่าไปอีกครั้ง ให้สิงโตคำรามลั่นกับสกอร์ 2-0

มหกรรมล้างแค้นยังไม่จบ เมื่อทีมเยือนหนีห่างเป็น 3-0 ในอีกไม่กี่นาทีต่อมา คราวนี้ถึงคราวกองหน้าจอมฝืดที่ยิงแค่ 5 ลูกในรอบ 4 ปีจนโดนด่าทั้งบางอย่างได้ตั้งยิงแปเน้นๆของรูนีย์จากลูกเปิดยัดจากเส้นหลังของจีนาสสอยตาข่ายเพลติโกซ่า ลบคำสบประมาทบ้าง

โครเอเชีย มาอาศัยทีเหลือไล่คืนมาเป็น 3-1 ในจังหวะที่เซอร์น่า เหยียดขาแย่งบอลจากหัวของเทอร์รี่ที่จะโหม่งได้ ก่อนจะเลื้อยเข้าไปถึงเขตโทษและไหลใส่พานให้มาริโอ มันด์ซูคิช ตัวสำรองเติมขึ้นมายิงผ่านเจมส์เข้าไปในนาทีที่ 78

แต่หลังจากนั้นไม่นาน อังกฤษก็ได้เปิดตัวฮีโร่คนใหม่อย่างสมบูรณ์แบบเมื่อ รูนี่ย์ เกี่ยวบอลลงได้สุดยอดก่อนจ่ายตัดแนวรับให้วัลคอตต์วิ่งทะลุหนีกับดักล้ำหน้าแซงหน้าตัวประกบเข้าไปดวลกับเพลติโกซ่า ก่อนจะยิงหักข้อด้วยซ้ายบอลค่อยๆกลิ้งเข้าหน้าต่างไกลอย่างเหนือชั้น ทำให้สกอร์ห่างเป็น 4-1 และยังเป็นการทำแฮตทริกครั้งแรกของเจ้าหนูธีโอด้วย

ช่วงเวลาที่เหลือไม่มีประตูเกิดขึ้นอีก แต่ก็เพียงพอต่อการคิดบัญชีแค้นแบบทบต้นทบดอกของอังกฤษ ที่บุกมาเปิดบริสุทธิ์ย่ำยีโครเอชียคาบ้านได้อย่างสะใจ ขณะที่ในตารางอันดับก็เก็บได้ 6 แต้มเต็มจาก 2 นัด ขึ้นนำจ่าฝูงกลุ่มสบายๆ

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

โครเอเชีย :
สตีเป้ เพลติโกซ่า, โยซิป ซิมูนิช, โรเบิร์ต โควัช, เวดราน คอร์ลูก้า, ดานิเยล ปรานยิช, อิวาน ราคิติช, มลาเน เปตริช (ดาริโอ คเนเซวิช น.56) , นิโก้ โควัช (นิโกล่า โปคริวัช น.62) , ดาริโอ เซอร์น่า, ลูก้า โมดริช, อิวิก้า โอลิช (มาริโอ มันด์ซูคิช น.73)

ใบเหลือง : ซิมูนิช น.40, เซอร์น่า น.47

อังกฤษ : เดวิด เจมส์, เวส บราวน์, ริโอ เฟอร์ดินันด์, จอห์น เทอร์รี่ (แมตธิว อัพสัน น.87) , แอชลี่ย์ โคล, ธีโอ วัลคอตต์, แฟรงค์ แลมพาร์ด, แกเร็ธ แบร์รี่, โจ โคล (เจอร์เมน จีนัสส น.55) , เวย์น รูนีย์, เอมิล เฮสกีย์

ใบเหลือง : เฮสกีย์ น.61

ผู้ตัดสิน : ลูบอส มิเชล














































 

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: lentee

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์