10 เรื่องสุดฉาวในประวัติศาสตร์ฟุตบอลยูโร




10 เรื่องสุดฉาวในประวัติศาสตร์ฟุตบอลยูโร



ศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือที่ทุกคนรู้จักกันดีในชื่อของ ยูโร ไม่ได้มีเพียงแค่การทำประตูสวยๆ และเกมลูกหนังสุดงามเหนือจินตนาการ เพียงเท่านั้น แต่มันยังมีเหตุการณ์ไม่ควรค่าแก่การจดจำเกิดขึ้นด้วยเช่นกัน ดังเช่น 10 เรื่องสุดฉาวในประวัติศาสตร์ต่อไปนี้


1. โปรตุเกสก่อเหตุในเขตโทษ
ขณะที่เหลืออีกเพียงแค่ 4 นาทีสุดท้าย ในช่วงต่อเวลาพิเศษที่ ฝรั่งเศส และ โปรตุเกส เสมอกันอยู่ 1-1 ในรอบตัดเชือก ยูโร 2000 ซึ่ง ฮอลแลนด์ และ เบลเยียม รับหน้าเสื่อเป็น เจ้าภาพร่วม ลูกยิงของ ซิลแว็ง วิลตอร์ กองหน้า ตราไก่ ถูกปฏิเสธในกรอบเขตโทษด้วยการใช้มือเซฟของ อเบล ซาเวียร์ แบ็กขวาเคราฤาษี


กุนเทอร์ เบนโก้ ผู้ตัดสินชาวออสเตรีย จึงไม่ลังเลใจเลยที่จะเป่ามอบจุดโทษให้ฝรั่งเศส และ ซีเนอดีน ซีดาน จอมทัพหัวไข่ดาว ก็จัดการสังหารลูกโทษโกลเด้นโกล์ให้ทีมเข้ารอบชิง ชนะเลิศได้สำเร็จ แต่ช้าก่อน...เรื่องมันคงไม่ได้ยากมากความไปกว่านั้นหรอก หากบรรดานักเตะแดนฝอยทองไม่กรูกันเข้าไปประท้วงลองดีท่านเปา ทั้งในช่วงก่อน และหลังซัดลูกนิ่งเจ้าปัญหา เรียบร้อยแล้ว โดยเฉพาะ นูโน่ โกเมส ดาวยิงหน้าหวาน ที่โวยนานกว่าเพื่อน แถมยังเม้งแตกเสียงดังลั่นอีกต่างหาก


ผลลัพธ์ในท้ายที่สุด ก็คือ ซาเวียร์, นูโน่ โกเมส และ เปาโล เบนโต้ กองกลางโปรตุเกสอีกราย ถูกสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) คาดโทษแบนจากเกมนานาชาติรวมกันแต่ละคนครบ 2 ปีพอดี




2. อิตาลีมีแต่ดวง
อิตาลี รับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพ ยูโร 1968 ที่มีทีมร่วงวงฟาดแข้งเพียงแค่ 4 รายเท่านั้น การแข่งขันจึงเริ่มต้นด้วยรอบรองชนะเลิศทันที และพลพรรค อัซซูรี่ ก็กรุยทางสู่แชมป์ แบบ...สุดคลาสสิค หรือว่าโคตรดวงก็ไม่รู้เหมือนกัน


เกมตัดเชือกระหว่าง อิตาลี กับ สหภาพโซเวียต จบเกมด้วยการเสมอโนสกอร์ ต่อจากนั้นก็จะต้องต่อเวลา และดวลเป้าชี้ขาดใช่ไหมล่ะ แต่ไม่เลย มันมีวิธีที่เด็ดกว่านั้นอีก ซึ่งก็คือการ โยนเหรียญเสี่ยงทายนั่นเอง! และผลสรุปคือ ทัพลูกหนังเลี่ยนดวงดีกว่าได้ผ่านเข้ารอบต่อไปซะงั้น เอากับเขาสิ


เท่านั้นไม่พอ อิตาลี ยังมีบุญพาวาสนาส่งให้รอดพ้นจากความพ่ายแพ้ในแมตช์ชิงชนะเลิศกับ ยูโกสลาเวีย ที่เฉือนชนะ อังกฤษ ในรอบก่อนหน้านั้น แบบหวุดหวิดสุดๆ โดยในขณะที่ กำลังตามหลัง 0-1 และเหลือเวลาเพียงแค่ 10 นาทีท้าย กรรมการได้เป่าลูกฟรีคิกระยะหวังผล ทว่าขุนพลยูโกสลาฟยังไม่ทันได้จัดกำแพงให้เข้าที่เข้าทางดี อังเจโล่ โดเมนกินี่ ก็ฉวยโอกาสซัด เข้าตุงตาข่ายไปซะเลย


แมตช์ชิงดำนัดนั้นจึงจบด้วยการเสมอ 1-1 แต่คราวนี้ไม่มีการใช้เหรียญเสี่ยงดวงอีกต่อไปแล้ว แต่ใช้การแข่งใหม่แทน เพื่อเป็นหลีกเลี่ยงข้อครหานั่นเอง อย่างไรก็ดี จากความ เหนื่อยล้าทั้งกาย และใจของบรรดาแข้งยูโกฯ อิตาลี ก็เลยเอาชนะไปแบบไม่ยากเย็น 2-0 และได้ฉลองแชมป์บนแผ่นดินมาตุภูมิสมใจอยาก











3. ท่านเปาไม่เป่าให้สเปน

ทีมชาติอังกฤษไปได้สวยจริงๆ ในศึก ยูโร 1996 ที่ตัวเองเป็นเจ้าภาพ หลังจัดการถล่ม ฮอลแลนด์ เสียยับเยิน 4-1 ในแมตช์ส่งท้ายรอบแรก แต่คู่แข่งในด่านต่อไปอย่าง สเปน ก็แสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่ยอมให้ สิงโตคำราม ผ่านได้ง่ายๆ แน่นอน


ผลการแข่งขันนัดนั้น ณ สนาม เวมบลีย์ จบด้วยการเสมอ 0-0 และอังกฤษชนะดวลเป้า 4-2 ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว มันควรจะเป็นชัยชนะของขุนพลกระทิงเปลี่ยว 2-0 ด้วยซ้ำไป แต่การทำสกอร์ทั้ง 2 ครั้งกลับถูกปฏิเสธแบบน่ากังขา โดยลูกยิงในครึ่งแรกของ ฆูลิโอ ซาลินาส ถูกตัดสินเป็นล้ำหน้า ทั้งๆ ที่มันไม่ใช่เลย ส่วนอีกลูกในครึ่งหลังของ กิโก้ นาร์บาเอซ ก็ข้ามเส้น เข้าไปเต็มลูกเต็มใบแล้ว แต่...มาร์ค บัตต้า ท่านเปาเฟร้นช์แมน กลับไม่ได้เห็นว่ามันเป็นแบบนั้น


เราไม่ได้ลงแข่งขันกับนักเตะ 11 คน และแฟนบอลอีก 70,000 ชีวิตเท่านั้นหรอก แต่ยังรวมไปถึงผู้ตัดสินอีก 3 คนด้วยเช่นกัน มันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะคว้าชัยชนะในนัดนี้ ซาลินาส รำพึงรำพันไว้ในเวลาต่อมา


4. บาซิล โบลี่ คนไม่ดีในสายตาผู้ดี
บาซิล โบลี่ ปราการหลังทีมชาติฝรั่งเศส กลายเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งของหน้าหนังสือพิมพ์แดนผู้ดีเพียงชั่วข้ามคืน ในศึก ยูโร 1992 ณ ประเทศสวีเดน ภายหลังแสดงความเป็น โรคจิตขนานแท้ ด้วยการใช้ศีรษะโขก สจ๊วร์ต เพียร์ซ แบ็กซ้าย สิงโตคำราม ผู้เป็นต้นตำรับฉายา ไซโค เข้าอย่างจัง ระหว่างแมตช์รอบแรกที่เสมอกัน 0-0 แถมยังลอยนวลพ้นโทษแบบหน้า ตาเฉยอีกต่างหาก


อย่างไรก็ตาม โบลี่ ก็หลุดพ้นตำแหน่งอันไม่ทรงเกียรติภายในระยะเวลาเพียงแค่ไม่กี่วันให้หลัง โดยผู้รับช่วงต่อไม่ใช่ใครอื่นไกลเลย แต่เป็น เกรแฮม เทย์เลอร์ ผู้จัดการทีมชาติ อังกฤษ ที่ได้รับฉายา กุนซือหัวผักกาด จากการนำทีมตกรอบแรกด้วยการแพ้ สวีเดน 1-2 นั่นเอง


5. บัลแกเรีย, สเปน และใบแดงปลิวว่อน
ทัวร์นาเมนต์ลูกหนังชิงเจ้ายุโรป ไร้มลทินจากใบแดงในสนามมายาวนาน 12 ปีนับตั้งแต่ ยูโร 1984 จนกระทั่ง ปิเอโตร เช็คคารินี่ ท่านเปาชาวอิตาเลียน มาปลดแอกจนได้ใน แมตช์รอบแรก ยูโร 1996 ระหว่าง บัลแกเรีย และ สเปน ที่จบด้วยผลเสมอ 1-1


เกมนัดนั้น เปตาร์ ฮุบท์เชฟ กองหลังบัลแกเรีย และ ฆวน อันโตนิโอ ปิซซี่ ดาวยิงสเปน ต่างถูกอัญเชิญออกจากสนาม แถมยังมีนักเตะอีก 7 รายจากทั้ง 2 ฝั่งถูกจดชื่อกันถ้วนหน้า ส่งผลให้ทั้ง 2 ทีมถูกคาดโทษระเบียบวินัยสำหรับนัดที่เหลือในทัวร์นาเมนต์อีกด้วย


เท่านั้นไม่พอ เช็คคารินี่ ยังสร้างข้อกังขาให้กับทั้ง 2 ทีมไม่ลดหย่อนไปกว่ากัน ด้วยการปฏิเสธลูกวอลเล่ย์เข้าตุงตาข่ายของ ฮริสโต้ สตอยช์คอฟ แถมยังเป่าให้ สเปน เสียจุดโทษตี เสมอแบบไม่น่าจะโดนอีกต่างหาก


6. โรมาเนียขอเคลียร์ยูฟ่า
อย่างไรก็ดี บัลแกเรีย ดูเหมือนจะโชคดีมากขึ้นในนัดถัดไป เมื่อ ดอริเนล มุนเตียนู กองกลางทีมชาติโรมาเนีย ยิงไกลเต็มแรงปานสายฟ้าฟาดในระยะ 30 หลา ชนคานอย่างจัง แล้ว เด้งลงข้ามเส้นประตูไปเต็มๆ ก่อนกระดอนออกมา และภาพรีเพลย์ก็แสดงให้เห็นประจักษ์ว่าสมควรเป็นประตูอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ท้ายที่สุด พลพรรคแดนผีดิบ กลับแพ้ไป 0-1 และตกรอบ แรกด้วยการแพ้รวด 3 นัดซ้อน


เหตุดังกล่าวนี้ ส่งผลให้สหพันธ์ฟุตบอลโรมาเนีย โกรธจัดสุดๆ จนถึงขั้นยื่นแถลงการณ์ร้องเรียน ยูฟ่า เลยทีเดียว แต่มันก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงผลการแข่งขันได้สำเร็จในท้ายที่ สุด


7. กรีซไม่คิดสู้แอลเบเนีย
ทีมชาติกรีซ โอดครวญแบบไม่แฮปปี้สุดๆ ว่าเป็นการจับสลากที่เลวร้ายเสียนี่กระไรที่ต้องมาพบกับ แอลเบเนีย ในการแข่งขันรอบแรกแบบดวลกัน 2 นัดเหย้า-เยือน ในศึก ยูโร 1964 ที่ สเปน จนถึงขั้นขอถอนตัวกลางคัน ยอมให้ฝ่ายตรงข้ามผ่านเข้ารอบไปแบบไม่ต้องเหนื่อย


สำหรับสาเหตุของการถอนตัวแบบไม่คาดฝันนั้น...เป็นเพราะว่าทั้ง 2 ประเทศอยู่ในภาวะสงครามกันมาเนิ่นนานตั้งแต่ปี 1912 นั่นเอง


8. เก้าอี้หมอฟัน
ทีมชาติอังกฤษหมายมั่นปั้นมือเป็นอย่างยิ่งในการหยุดช่วงเวลาร้างแชมป์ไว้เพียงแค่ 30 ปี ในภารกิจรับหน้าเสื่อจัดศึก ยูโร 1996 แค่ดูเหมือนว่าปัญหาอื้อฉาวคาวโลกีย์ก่อนเริ่ม ทัวร์นาเมนต์กลับสร้างกระแสจนกลบความมุ่งมั่นไปจนหมดสิ้นซะแล้ว


เรื่องเกิดขึ้นมาจากการที่บรรดาสื่อแท็บลอยด์จอมแฉแดนผู้ดี พร้อมใจกันลงรูปในระหว่างทัวร์อุ่นเครื่องฮ่องกง ซึ่งบรรดาแข้งดัง สิงโตคำราม นอนรอน้ำเมากรอกลงคออย่าง ครื้นเครงบนเก้าอี้หมอฟัน จนถูกประณามกันถ้วนหน้า โดยเฉพาะตัวต้นคิดอย่าง พอล แกสคอยน์


จนกระทั่งมาถึงเวลาฟาดแข้งจริง แฟนบอลทุกคนก็ทำท่าจะลืมความผิดสุดฉาวครานั้นอยู่แล้ว ภายหลัง อังกฤษ โชว์ฟอร์มได้น่าประทับใจในแมตช์ที่สอง รอบแรก ด้วยการขึ้นนำ สกอตแลนด์ 2-0 จากการทำประตูสุดคลาสสิคของ แกสคอยน์ แต่ แกซซ่า กลับนึกเพี้ยนยังไงมิทราบ เลยจัดการรื้อฟื้นความจำบรรดากองเชียร์ด้วยท่าฉลองประตูแบบ เก้าอี้หมอฝัน ซะ อย่างนั้น


9. ฮอลแลนด์แอนตี้สีผิว
ฮอลแลนด์มักจะมาตกม้าตายในทัวร์นาเมนต์สำคัญๆ ด้วยปัญหาความขัดแย้งภายในแคมป์ แต่สำหรับในศึก ยูโร 1996 มันกลับเลวร้ายเกินกว่าจินตนาการเป็นไหนๆ ขนาด กุส ฮิ ดดิ้งค์ กุนซือ อัศวินสีส้ม ในเวลานั้น ยังบ่นอุบเลยว่านี่เป็นความผิดหวังครั้งใหญ่หลวงในอาชีพของเขา


เรื่องของเรื่องก็คือ บรรดาสื่อมวลชนจับภาพได้ว่ามีการแบ่งแยกก๊กกันอย่างชัดเจนในระหว่างการรับประทานอาหารร่วมโต๊ะกัน และที่สำคัญ....มันเป็นการแยกกลุ่มกันตามสีผิว!


10. เมืองผู้ดีไม่สิ้นฮูลิแกน
เนื่องมาจากชื่อเสียงของฮูลิแกนอังกฤษอันระบือลือลั่นตลอดยุค 70 อิตาลี ชาติเจ้าภาพ ยูโร 1980 จึงเตรียมพร้อมต้อนรับกองเชียร์ผู้ดีที่นิสัยไม่ค่อยดีด้วยกองทัพตำรวจ ปราบปรามจลาจลเต็มรูปแบบ


ไม่ต้องรอคอยเวลาให้ยืดเยื้อแต่อย่างใด แมตช์ประเดิมรอบแรกของอังกฤษ ที่พบกับเบลเยียม ในเมืองตูริน ก็เกิดเหตุปะทะกันระหว่างแฟนบอล และเจ้าหน้าที่สนาม จนเกมการ แข่งขันต้องระงับลงไปชั่วคราว โดย เรย์ คลีเมนซ์ นายทวาร สิงโตคำราม ถึงกับเดินออกจากสนามด้วยน้ำตาเต็มใบหน้า ซึ่งไม่ใช่เพราะอารมณ์เสียใจอะไรหรอก แต่เจ้าตัวเผลอไปโดนแก๊ส น้ำตาที่ตำรวจไว้ใช้กับพวกกองเชียร์ต่างหาก

src=http://sport.teenee.com/worldcup2006/img6/4789.jpg









เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์