‘อังกฤษ’ ขยี้ ‘มอนเตเนโกร’–‘ฝรั่งเศส’ ถล่ม ‘ไอซ์แลนด์’–‘ฝอยทอง’ เจ๊าอีกสังเวย‘โด้’เจ็บ

การแข่งขันฟุตบอลยูโร 2020 รอบคัดเลือก ที่เพิ่งจบลงไปเมื่อเช้ามืดวันที่ 26 มีนาคม มีฟาดแข้งกัน 7 คู่จาก 3 กลุ่ม โดยมี 3 ยอดทีมขวัญใจแฟนบอลชาวไทยลงเตะ 3 ทีมได้แก่ "สิงโตคำราม" อังกฤษ, "ตราไก่" ฝรั่งเศส ดีกรีแชมป์โลกหนล่าสุด และ"ฝอยทอง" โปรตุเกส

เริ่มจากกลุ่มเอ ทีมมหาชนของชาวไทยอย่าง "สิงโตคำราม" อังกฤษ บุกไปเยือน มอนเตรเนโกร ที่สตาดิโอน พ็อด กอริคอม เกมแรก อังกฤษ โชว์ฟอร์มโหดเปิดบ้านถล่ม เช็ก 5-0 ส่วนมอนเตเนโกร บุกไปยันเจ๊า บัลแกเรีย 1-1

แกเร็ธ เซาธ์เกต กุนซืออังกฤษ จัดทัพ 11 คนแรก ประกอบด้วย จอร์แดน พิคฟอร์ด, ไคล์ วอล์คเกอร์, ไมเคิ่ล คีน, แฮร์รี่ แม็คไกวร์, แดนนี่ โรส, ดีแคน ไรท์, รอสส์ บาร์คลี่ย์, เดเล่ อัลลี่, คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย, แฮร์รี่ เคน และราฮีม สเตอร์ลิ่ง

  ครึ่งแรก อังกฤษ เป็นฝ่ายครองเกมได้เหนือกว่า แต่มาพลาดโดนมอนเตเนโกรออกนำก่อน 1-0 จากจังหวะที่มาร์โก้ เวโซวิค ลากลุยเข้าไปในเขตโทษก่อนจะปั่นด้วยเท้าขวาบอลโค้งเสียบเสาอย่างสวยงาม
ทันทีที่เสียประตู อังกฤษ โหมบุกหนักเพื่อทวงประตูคืน ก่อนจะมาตีเสมอ 1-1 ในนาทีที่ 30 จากจังหวะเตะฟรีคิกไปหน้าประตู ไมเคิ่ล คีน ลอยโขกย้อนศรเข้าประตูไป จากนั้นสิงโตคำราม มาได้ประตูบุกมานำ 2-1 ในนาทีที่ 39 จากการซัดสุดสวยของ รอสส์ บาร์คลี่ย์ จบครึ่งแรกอังกฤษ บุกนำ 2-1

ครึ่งหลัง รูปเกมอังกฤษยังเหนือกว่า นาทีที่ 58 มาได้ประตูที่ 3 ขึ้นนำมอนเตรเนโกร 3-1 จากจังหวะที่ สเตอร์ลิ่ง ลากลุยแหวกกองหลังเจ้าถิ่นไปถึงสุดเส้นก่อนจะหักกลับมาให้ รอสส์ บาร์คลี่ย์ บรรจงแปไม่เหลือซาก

นาทีที่ 63 อังกฤษเปลี่ยนเอา จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ลงไปแทน เดเล่ อัลลี่ นาทีที่ 70 อังกฤษ ทิ้งห่างเป็น 4-1 สเตอร์ลิ่ง หลุดเดี่ยวไปทางฝั่งขวาก่อนจะจ่ายถวายพานมาให้ แฮร์รี่ เคน แปด้วยเท้าซ้ายเข้าไปอย่างง่ายดาย

นาทีที่ 80 อังกฤษ มาได้ประตูที่ 5 ทิ้งห่างสุดกู่ เฮนเดอร์สัน แทงบอลทะลุช่องให้ สเตอร์ลิ่ง หลุดเดี่ยวเข้าไปยิงง่ายๆ ให้อังกฤษ นำ 5-1 และเอาชนะไปด้วยสกอร์นี้

คู่ต่อมา กลุ่มบี "ฝอยทอง" โปรตุเกส เปิดบ้านรับมือ เซอร์เบีย ที่เอสตาดิโอ โด ลิสบัว โดยเกมแรก โปรตุเกส เล่นในบ้านทำได้แค่เสมอกับ ยูเครน 0-0 ส่วนเซอร์เบีย นี่คือเกมแรกที่ลงสนาม
โปรตุเกส ของ แฟร์นันโด ซานโต๊ส ส่ง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ลงผนึกกำลังกับ แบร์นาโด้ ซิลวา ในแนวรุก ส่วนเซอร์เบีย มี ดูซาน ทาดิช กับอเล็กซานดาร์ มิโตรวิช ล่าตาข่าย

เริ่มเกมครึ่งแรก เพียงแค่ 7 นาที เซอร์เบีย บุกมาออกนำก่อน 1-0 จากการซัดจุดโทษของ ดูซาน ทาดิช แต่หลังจากเสียประตู โปรตุเกส ที่เก๋าเกมกว่าโหมบุกอย่างหนัก แต่ต้องมาเสียตัวเก่งกัปตันทีมอย่าง โรนัลโด้ ที่มีอาการบาดเจ็บที่เท้าเล่นต่อไม่ไหวต้องเปลี่ยนตัวออกในนาทีที่ 31 โดยส่ง ปิซซี่ ลงมาแทน

ก่อนหมดครึ่งแรกเพียงแค่ 3 นาที โปรตุเกสมาตีเสมอ 1-1 จาก ดาเนียลโล่ แปร์ไรร่า จบครึ่งแรกเสมอกัน 1-1

ครึ่งหลัง เจ้าบ้านยังทำเกมได้เหนือกว่า ครองบอลได้มากกว่า มีจังหวะจบสกอร์มากกว่า แต่จังหวะสุดท้ายไม่คมพอจบเกมเลยเสมอกันไป 1-1 แบ่งกันไปทีมละแต้ม

ไฮไลต์ที่น่าสนใจคู่สุดท้าย กลุ่มเอช "แชมป์โลก" ทีมตราไก่ ฝรั่งเศส เล่นในสต๊าด เดอ ฟรองซ์ รับมือ ไอซ์แลนด์ เกมแรก ฝรั่งเศส บุกไปถล่ม มอลโดว่า 4-1 ส่วนไอซ์แลนด์บุกไปเอาชนะ อันดอร์ร่า 2-0

เกมนี้ ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์ กุนซือทีมตราไก่ จัดทัพเต็มอัตราศึก ส่ง เอ็นโกโล่ ก็องเต้, ปอล ป็อกบา, คีเลี่ยน เอ็มบัปเป้, อองตวน กรีซมันน์, โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ ลงทำเกมแนวรุก

ส่วนไอซ์แลนด์ มี อารอน กุนนาร์สสัน และกิลฟี่ ซิกูร์ดส์สัน นำทัพ

ครึ่งแรก ฝรั่งเศส ครองเกมได้เหนือกว่าแบบวันเวย์โหมกระหน่ำบุกอยู่ข้างเดียว มีจังหวะยิงประตู 7 ครั้ง ตรงกรอบไป 2 ครั้ง และมาได้ประตูออกนำ 1-0 จาก ซามูเอล อุมติตี้ จบครึ่งแรกฝรั่งเศสนำเพียง 1-0

ครึ่งหลัง ฝรั่งเศส ยังเล่นกันอย่างเหนือชั้นกว่าเยอะ ครองบอลได้หมด กระหน่ำบุกอยู่ข้างเดียว และมาได้ประตูออกนำ 2-0 ในนาทีที่ 68 จาก โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ ก่อนจะมาบวกประตูที่ 3 ในนาทีที่ 78 กรีซมันน์ จ่ายให้ เอ็มบัปเป้ ตะบันไม่เหลือ ฝรั่งเศสทิ้งห่าง 3-0

แชมป์โลกยังฟอร์มสด มาได้ประตูที่ 4 ในนาทีที่ 84 คราวนี้ เอ็มบัปเป้ จ่ายให้ กรีซมันน์ ยิงประตูบ้าง ฝรั่งเศสนำ 4-0 และจบลงด้วยสกอร์นี้

ส่วนผลคู่อื่น

โคโซโว เสมอ บัลแกเรีย 1-1

ลักเซมเบิร์ก แพ้ ยูเครน 1-2

ตุรกี ชนะ มอลโดว่า 4-0