‘เนย์มาร์’ฟิต! นำทัพบราซิลเคี้ยวกล้วยหอม ‘ไอซ์แลนด์’สถิติข่มไนจีเรีย

‘เนย์มาร์’ฟิต! นำทัพบราซิลเคี้ยวกล้วยหอม ‘ไอซ์แลนด์’สถิติข่มไนจีเรีย


‘เนย์มาร์'ฟิต!นำทัพบราซิลเคี้ยวกล้วยหอม‘ไอซ์แลนด์'สถิติข่มไนจีเรีย‘โด้'ทุบสถิติยิงสูงสุดแข้งยุโรป

"แซมบ้า" หายใจโล่ง "เนย์มาร์" ผ่านฟิตพร้อมช่วยทีมลงบด"คอสตาริกา" ล่าตั๋วน็อกเอาท์ ขณะที่อีกสองเกม "ไนจีเรีย-ไอซ์แลนด์" และ "เซอร์เบีย-สวิส"สูสีสุดๆ ทางฝั่ง "โรนัลโด้" พังสถิติยอดดาวยิงยุโรป ขึ้นอันดับ 2 ของโลก

การแข่งขันฟุตบอลโลก ครั้งที่ 21 ที่ประเทศรัสเซีย ผ่านพ้นการดวลแข้งมาแล้ว 1 สัปดาห์พอดิบพอดี โดยการเตะในวันศุกร์ที่ 22 มิถุนายน นี้ มีการแข่งขัน 3 คู่เหมือนเดิม เริ่มตั้งแต่เวลา 19.00 น.กลุ่ม อี "แซมบ้า" บราซิล แชมป์โลก 5 สมัย และเต็ง 1 ที่มีแต้มเดียวจากนัดแรก ดวลกับ "กล้วยหอม" ทีมชาติคอสตาริก้า ที่กรุงเซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก ถ่ายทอดสด ทาง ทรูโฟร์ยู ช่อง 24 และทรูวิชั่นส์ ช่อง 668

เกมนี้ ขุนแข้งเซเลเซาได้รับข่าวดีเมื่อ เนย์มาร์ จูเนียร์ ดาวเตะค่าตัวแพงที่สุดในโลก ที่บาดเจ็บจนต้องออกจากสนามซ้อมไปเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ล่าสุดมีความพร้อมเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์แล้ว ทำให้ ตีเต้ กุนซือเตรียมส่งลงสนาม เป็นหัวใจในเกมรุก ซึ่ง "แซมบ้า" ยังยึดระบบ 4-3-3 อลิสซอน เบ๊คเกอร์ เฝ้าเสา โดยมี มิรานด้า กับ ติอาโก้ ซิลวา ปักหลักเซ็นเตอร์แบ๊ค ขยับมาที่แผงกองกลางยังเป็น คาเซมิโร่ เป็นตัวตัดเกม ร่วมกับ เปาลินโญ่ ส่วนแนวรุก เนย์มาร์ จะเดินเครื่องกับ เฟลิปเป้ คูตินโญ่ และวิลเลี่ยน โดยมี กาเบรีล เฮซุส เป็นกองหน้าตัวเป้าต่อไป แม้ฟอร์มไม่ค่อยได้เรื่องนักก็ตาม

ทางฝั่ง "กล้วยหอม" ที่แพ้มาในเกมแรก อาจมีการปรับระบบการเล่นอีกครั้งในเกมรุก เนื่องจาก คริสเตียน โบลาญอส ลงเล่นช่วงท้ายเกมนัดก่อนแล้วทำผลงานได้ดี โดยจะเดินเกมรุกร่วมกับ ไบรอัน รุยซ์ กัปตันทีม ขณะที่แนวรับยังเป็นชุดเดิมทั้ง 3 คน นั่นก็คือ จอห์นนี่ อคอสต้า, จานคาร์โล กอนซาเลซ และออสการ์ ดูอาร์เต้ ส่วนด่านสุดท้ายคือจอมหนึบ เกย์ลอว์ นาวาส

สถิติคู่นี้เจอกันมาทั้งสิ้น 10 นัด บราซิล เหนือกว่าขาดลอยด้วยการชนะได้ถึง 9 ครั้ง และแพ้ให้กับ คอสตาริก้า ครั้งเดียวเท่านั้น เมื่อ 10 มีนาคม ปี 1960 และเจอกันในฟุตบอลโลก 2 ครั้ง แซมบ้า ก็ชนะได้ทั้งสองครา

จากนั้นจะเป็นเกมกลุ่ม ดี ระหว่าง "อินทรีมรกต" ไนจีเรีย ที่แพ้มาในเกมแรก ดวลกับ "ขุนแข้งแห่งแสงเหนือ" ไอซ์แลนด์ ในเวลา 22.00 น.แข่งขันที่วอลโกกราด ถ่ายทอดสด ทาง อมรินทร์ ทีวี ช่อง 34 และทรูวิชั่นส์ ช่อง 668ไนจีเรีย ที่พลาดท่าให้กับ โครเอเชีย มาในเกมแรก 0-2 ยังคงจัดระบบการเล่น 4-2-3-1 เหมือนอย่างเดิม โดยเฉพาะ วิลฟรีด เอ็นดีดี้ ยังคุมเกมตรงกลางร่วมกับ อั๊กเฮเนคาโร่ เอเตโบ้ ขณะที่ 3 ประสานในเกมรุกยังเป็น จอห์น โอบี มิเกล, วิคเตอร์ โมเสส และอเล็กซ์ อิโวบี้ ส่วน โอดิออน อิ๊กกาโล่ เป็นหัวหอกตัวความหวัง

ทางด้าน ไอซ์แลนด์ ที่พลิกล็อคยันเสมอ เต็งแชมป์อย่าง อาร์เจนติน่า มาได้ในเกมแรก ยังเล่นระบบเดิมคือ 4-4-1-1 แต่มีปัญหาฝั่งขวาเมื่อ โยฮันน์ เบิร์ก กุ๊ดมุนด์สสัน มีอาการบาดเจ็บที่น่อง เรียกความฟิตไม่ทัน ทำให้ รูริค กิสลาสัน ได้โอกาสลงทำเกม ร่วมกับ กิลฟี่ย์ ซิกูร์ดส์สัน กับ บีร์กีร์ บียาร์นาสัน โดยมี เอมิล ฮาลเฟร็ดส์สัน กับ แอร่อน กุนนาร์สสัน เป็นตัวตัดเกม โดยฝากความหวังการพังประตูไว้ที่ อัลเฟรด ฟินน์บอกาสัน

สำหรับคู่นี้เจอกันมาครั้งเดียว ในเกมอุ่นเครื่องเมื่อปี 1981 ปรากฏว่า ไอซ์แลนด์ ถล่มขาดลอย 3-0

คู่สุดท้ายประจำวันเป็นเกมกลุ่ม อี ระหว่าง ทีมชาติเซอร์เบีย พบกับ ทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ สองทีมจากทวีปยุโรป แข่งขันเวลา 01.00 น.ที่คาลินินกราด ถ่ายทอดสด ทาง ทรูโฟร์ยู ช่อง 24 และทรูวิชั่นส์ ช่อง 668 นับเป็นการดวลแข้งกันครั้งแรกของทั้งสองชาติอีกด้วย

เซอร์เบีย เกมแรกเก็บ 3 คะแนนสำคัญจากชัยชนะเหนือ คอสตาริก้า 1-0 ด้วยลูกฟรีคิกสุดสวยของ อเล็กซานดาร์ โคลารอฟ และที่สำคัญก็คือ นักเตะทุกคนฟิตพร้อมลงสนาม ทำให้ มลาเดน เคิร์สตายิช จะเน้นชุดเดิมลงสนาม โดยเกมแดนกลางไว้ใจ เนมานญ่า มาติช ตัดเกมร่วมกับ ลูก้า มิลิโวเยวิช ขณะที่เกมรุก เซอร์เก มิลินโควิช-ซาวิช ว่าที่นักเตะค่าตัวระดับ 100 ล้านปอนด์คนต่อไป เป็นตัวเดินเกมร่วมกับ ดูซาน ทาดิช และ อเดม ลายิช ส่วนหน้าเป้ายังเป็น อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช

ขณะที่ ทีมจากแดนนาฬิกา ที่ยื้อแต้มจาก บราซิล ได้สำเร็จในนัดก่อน ทำให้โอกาสเข้ารอบยังคงเปิดกว้าง แต่ วลาดีเมียร์ เพ็ตโควิช กุนซือต้องรอลุ้นอาการบาดเจ็บของ เวลอน เบห์รามี่ มิดฟิลด์ตัวเก๋าสายโหด ที่มีอาการล้าจากเกมก่อน ที่ไล่เตะแข้งบราซิลจนเหนื่อย คาดว่าต้องเข็นลงช่วยงานกับ กรานิต ชาก้า ส่วนเกมรุก เชอร์ดาน ชาคิรี่ กับ สตีเว่น ซูเบอร์ ทำเกม และหน้าเป้ายังคงไว้ใจแฮริส เซเฟโรวิช ทำงานต่อไป

ทางด้าน คริสติอาโน่ โรนัลโด้ กัปตันทีมกล่องดวงใจของ "ฝอยทองผยองเดชข" โปรตุเกส พังสถิติที่ยืนยาวมา 62 ปีของ เฟเรนซ์ ปุสกัส ตำนานนักเตะแห่งฮังการี ในการเป็นดาวยิงระดับทีมชาติที่พังสกอร์สูงสุดให้กับชาติในยุโรป พร้อมกับยึดอันดับ 2 ของโลก


สำหรับ สถิติอย่างเป็นทางการของฟีฟ่า บันทึกอย่างเป็นทางการเอาไว้มีดังนี้ 1.อาลี ดาอี(อิหร่าน) 109 ประตู จาก 149 นัด, 2.คริสติอาโน่ โรนัลโด้(โปรตุเกส) 85 ประตู จาก 152 นัด, 3.เฟเรนซ์ ปุสกัส(ฮังการี) 84 ประตู จาก 89 นัด, 4.คุนิชิเกะ คามาโมโต้(ญี่ปุ่น) 80 ประตู จาก 84 นัด, 5.ก๊อดฟรี่ย์ ชิตาลู(แซมเบีย) 79 ประตู จาก 111 นัด, 6.ฮุสเซน ซาอีด(อิรัก) 78 ประตู จาก 137 นัด, 7.เอ๊ดสัน อรันเตส เด นาสซิเมนโต้ "เปเล่"(บราซิล) 77 ประตู จาก 92 นัด, 8.บาชาร์ อุบดุลลาห์(คูเวต) 75 ประตู จาก 133 นัด, 9.คินนาร์ ฟีรี่(มาลาวี) 71 ประตู จาก 115 นัด, มาเจด อับดุลลาห์(ซาอุดีอาระเบีย) 71 ประตู จาก 116 นัด, เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง(ไทย) 71 ประตู จาก 134 นัด และมิโรสลาฟ โคลเซ่(เยอรมนี) 71 ประตู จาก 137 นัด

Cr:::naewna.com

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
คุณ : me
สถานะ : บุคคลทั่วไป
IP : 203.151.136.238

203.151.136.238,,238.136.151.203.sta.inet.co.th ความคิดเห็นที่ 1 [อ้างอิง]
wellcome


[ วันอาทิตย์ ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 19:53 น. ]
รวมข่าวในกระแส คลิ๊กเลย ++
กระทู้เด็ดน่าแชร์