อินทรีเหล็กชนะดวลจุดโทษอิตาลีสุดมันส์ ลิ่วตัดเชือกยูโร

อินทรีเหล็กชนะดวลจุดโทษอิตาลีสุดมันส์ ลิ่วตัดเชือกยูโร

การแข่งขันฟุตบอลยูโร 2016 ที่ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 2 ก.ค. รอบก่อนรองชนะเลิศ ที่สนามนูโว สต๊าด เดอ บอร์กโดซ์ หรืออีกชื่อหนึ่งคือสต๊าด มัตมุต อัตล็องติก เมืองบอร์กโดซ์ "อินทรีเหล็ก"เยอรมนี พบกับรองแชมป์เก่า "อัซซูรี่"อิตาลี

เส้นทางที่ผ่านมาของทั้งคู่ เยอรมนีเป็นแชมป์กลุ่มซี เก็บไป 7 แต้มจาก 3 นัด โดยชนะยูเครน 2-0 เสมอโปแลนด์ 0-0 ชนะไอร์แลนด์เหนือ 1-0 จากนั้นรอบ 16 ทีมสุดท้ายชนะสโลวาเกีย 3-0 ด้านอิตาลีได้แชมป์กลุ่มอี 6 แต้ม ชนะเบลเยียม 2-0 ชนะสวีเดน 1-0 แพ้ไอร์แลนด์ 0-1 ต่อมารอบ 16 ทีมสุดท้ายชนะแชมป์เก่าสเปน 2-0

คู่นี้เคยเจอกันมา 33 นัด เป็นอิตาลีที่เหนือกว่าชนะ 15 นัด เสมอกัน 10 นัด เยอรมนีชนะ 8 นัด ล่าสุดทั้งคู่เพิ่งเจอกันในเกมกระชับมิตรเมื่อเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา เยอรมนีชนะไปขาดลอย 4-1 แต่ถ้านับเฉพาะทัวร์นาเมนต์ใหญ่แล้วล่าสุดเจอกันในรอบรองชนะเลิศยูโร 2012 เป็นอิตาลีที่ชนะ 2-1

ส่วนความสำเร็จในรายการนี้ของทั้งคู่ เยอรมนีเป็นแชมป์ 3 สมัยในปี 1972, 1980, 1996 รองแชมป์ 3 ครั้งในปี 1976, 1992, 2008 ด้านอิตาลีเป็นแชมป์ 1 สมัยในปี 1968 รองแชมป์ 3 ครั้งในปี 2000, 2012

เริ่มเกม

ทั้งคู่ยังเล่นด้วยความระมัดระวัง เยอรมนีเคาะบอลไปมาไม่ผลีผลามเปิดเกมรุกใส่ ส่วนอิตาลีแพ็กเกมรับแน่นรอจังหวะสวนคืน นาที 15 "อินทรีเหล็ก" ก็ต้องเปลี่ยนตัวคนแรก ซามี่ เคดิร่า บาดเจ็บเล่นต่อไม่ไหว ต้องให้ บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ กัปตันทีมตัวจริง ลงสนามพร้อมสวมปลอกแขนแทน มานูเอล นอยเออร์

นาที 27 เยอรมนีได้เฮเก้อ มัตส์ ฮุมเมิลส์ เปิดบอลยาวเข้าเขตโทษให้ บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ เบียดผู้เล่นอิตาลีโขกตุงตาข่าย แต่ผู้ตัดสินเป่าเป็นการทำฟาวล์ของชไวน์สไตเกอร์ไปก่อนแล้ว

จากนั้นรูปเกมแม้จะปะทะกันหนักหน่วงขึ้น แต่โอกาสลุ้นประตูก็ยังไม่มีให้เห็นเช่นเดิม นาที 41 โยชัว คิมมิก เปิดบอลให้ มาริโอ โกเมซ โขกหลุดกรอบไปเยอะ

นาที 42 เยอรมนีเกือบได้ส้มหล่น โทนี่ โครส ยิงไกลเหมือนไม่ได้ลุ้น แต่ดันไปเข้าทาง โยชัว คิมมิก ที่แปต่อไปหา โธมัส มุลเลอร์ ในเขตโทษ ทว่ามุลเลอร์ยิงแบบไม่พร้อมทำให้บอลเบาหวิว จานลุยจิ บุฟฟ่อน เลยรับไว้ได้

นาที 44 อิตาลีก็หวิดเฮบ้าง จากบอลวางยาวเหมือนจะลึกเกินไป เอมานูเอเล่ จัคเครินี่ แสดงความขยันวิ่งตามไปเก็บตรงสุดเส้นหลังโดยไม่ล้ำหน้า ก่อนจะเปิดไปติด มานูเอล นอยเออร์ บอลไปเข้าทาง สเตฟาโน่ สตูราโร่ ตะบันแฉลบกองหลังหลุดกรอบนิดเดียว จบครึ่งแรกจึงเจ๊ากันไป 0-0

ครึ่งหลังนาที 54 เยอรมนีน่าได้ประตูอย่างยิ่ง มาริโอ โกเมซ ชิงจังหวะพักบอลได้ในเขตโทษแล้วแปะคืนให้ โธมัส มุลเลอร์ แตะหลบกองหลังแล้วยิงเต็มเหนี่ยวเกือบเข้าแล้ว แต่ยังมี อเลสซานโดร ฟลอเรนซี่ กระโดดพุ่งมาบล็อกตรงหน้าปากประตูได้แบบเหลือเชื่อ

นาที 65 มีประตูแรกเกิดขึ้นจนได้ มาริโอ โกเมซ พาขึ้นมาทางฝั่งซ้าย แล้วตวัดให้ โยนาส เฮ็กเตอร์ เติมเข้ามารับทางริมเขตโทษแล้วตบเข้ากลางแฉลบกองหลังอิตาลี แต่บอลยังคงพุ่งไปที่หน้าประตูเปิดโอกาสให้ เมซุต โอซิล สอดเข้ามาซัดตุงตาข่าย เยอรมนีนำ 1-0 และเป็นประตูแรกที่ จานลุยจิ บุฟฟ่อน เสียในการแข่งขันครั้งนี้ด้วย

นาที 68 เยอรมนีหวิดได้อีกลูก เมซุต โอซิล วางข้ามแนวรับเข้าเขตโทษให้ มาริโอ โกเมซ หลุดกับดักล้ำหน้าเข้าไปพักอกลงในกรอบ 6 หลา แล้วพยายามยิงตอกส้นเนื่องจากหันหลังให้ประตูอยู่ จานลุยจิ บุฟฟ่อน ยังไวปัดทิ้งได้เยี่ยม

นาที 74 โอกาสของอิตาลีบ้าง มัตเตีย เด ชิโญ่ เปิดเรียดจากฝั่งซ้ายเข้ากลางให้ กราเซียโน่ เปลเล่ โฉบมายิงหลุดกรอบนิดเดียว

นาที 77 อิตาลีโยนบอลเข้าเขตโทษ จอร์โจ้ คิเอลลินี่ โหม่งไปโดนแขน เฌโรม บัวเต็ง ผู้ตัดสินจึงเป่าให้จุดโทษทันที เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่ ยิงด้วยเท้าขวาเสียบมุมขวามือตัวเอง มานูเอล นอยเออร์ พุ่งถูกทางแต่ไปไม่ถึง สกอร์จึงกลับมาเสมอกัน 1-1 และเป็นประตูแรกที่เยอรมนีเสียในทัวร์นาเมนต์นี้เช่นกัน

นาที 89 โอกาสของอิตาลีอีก มัตเตีย เด ชิโญ่ ลากตัดจากซ้ายเข้ามายิง บอดหลุดกรอบนิดเดียว จบ 90 นาทีจึงเสมอกันไป 1-1 ต้องต่อเวลาไปอีก 30 นาที

ครึ่งแรกของการต่อเวลาพิเศษ ทั้งคู่ยังคงเน้นความรัดกุม ทำให้ยังเสมอกันอยู่ 1-1


ครึ่งหลัง
ของการต่อเวลานาที 107 กองหลังอิตาลีสกัดไม่ขาด เปิดโอกาสให้ ยูเลี่ยน ดรักซ์เลอร์ ตวัดยิงกลับหลังข้ามคานนิดเดียว

นาที 109 บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ พักอกแล้วลองยิงไกลข้ามคานไปอีก

นาที 113 ลอเรนโซ่ อินซิเญ่ สบโอกาสพลิกหลุดกองหลังเยอรมนีเข้าเขตโทษแล้วยิงมุมแคบ บอลไปตรงตัว มานูเอล นอยเออร์ รับไว้ไม่ยาก

จากนั้นเป็นเยอรมนีที่ครองบอลได้มากกว่าชัดเจน ส่วนอิตาลีแพ็กเกมรับเหนียวแน่น จนแล้วจนรอดก็ไม่มีสกอร์เพิ่ม ทำให้จบ 120 นาทีเสมอกัน 1-1 ต้องตัดสินด้วยการดวลจุดโทษ

อิตาลีเป็นฝ่ายยิงก่อน ลอเรนโซ่ อินซิเญ่ ยิงด้วยขวาเสียบมุมขวามือตัวเอง มานูเอล นอยเออร์ พุ่งไปอีกทาง อิตาลีนำ 1-0

เยอรมนีส่ง โทนี่ โครส ยิงด้วยขวาเสียบมุมซ้ายมือตัวเอง จานลุยจิ บุฟฟ่อน ไปถูกทางแต่ไม่ถึง เสมอกัน 1-1

ต่อมาอิตาลีส่ง ซิโมเน่ ซาซ่า ยิงด้วยซ้ายหลุดกรอบไปเอง แม้ว่านอยเออร์จะพุ่งผิดทางแล้ว ทำให้ยังเสมอกัน 1-1

เยอรมนีเป็น โธมัส มุลเลอร์ ยิงด้วยขวาไปทางขวาตัวเอง แต่บุฟฟ่อนพุ่งถูกทางเซฟไว้ได้ จึงยังเสมอกัน 1-1

คนที่ 3 ของอิตาลี อันเดรีย บาร์ซาญี่ ยิงเท้าขวาเข้ากลางประตู ส่วนนอยเออร์ไปทางซ้ายมือตัวเอง อิตาลีนำ 2-1

เยอรมนีส่ง เมซุต โอซิล ยิงด้วยซ้ายชนเสาขวามือตัวเอง ทั้งที่บุฟฟ่อนพุ่งไปอีกทางแล้ว อิตาลีจึงนำอยู่ 2-1

คนที่ 4 กราเซียโน่ เปลเล่ ยิงด้วยขวาหลุดเสาซ้ายมือตัวเอง สกอร์จึงยังเป็นอิตาลีนำ 2-1

ส่วนเยอรมนีส่ง ยูเลี่ยน ดรักซ์เลอร์ ยิงด้วยขวาเสียบมุมขวามือตัวเอง โดยบุฟฟ่อนหลงไปอีกทาง ทำให้กลับมาเสมอกัน 2-2

อิตาลีคนที่ 5 เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่ ยิงเท้าขวาไปทางซ้ายมือ นอยเออร์พุ่งถูกทางและปัดได้ จึงเสมอกันอยู่ 2-2 และถ้าเยอรมนียิงเข้าคนต่อไปจะชนะทันที

เยอรมนีส่ง บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ ยิงด้วยเท้าขวา แต่กลับซัดข้ามคานไปเอง ทำให้เสมอกัน 2-2 ต้องยิงกันต่อแบบซัดเดนเดธ

อิตาลีคนที่ 6 เอมานูเอเล่ จัคเครินี่ ยิงเท้าขวาเข้ากลางประตู ส่วนนอยเออร์หลงไปทางขวามือตัวเอง อิตาลีขึ้นนำ 3-2

เยอรมนีส่ง มัตส์ ฮุมเมิลส์ ยิงเท้าขวาเข้ามุมขวามือ บุฟฟ่อนถูกทางและปัดโดนแต่ไม่พ้น ทำให้เสมอ 3-3

อิตาลีคนที่ 7 มาร์โก ปาโรโล่ ยิงด้วยขวาเข้ากลางประตู นอยเออร์หลงไปทางขวามือตัวเอง ขึ้นนำ 4-3

ส่วนเยอรมนีเป็น โยชัว คิมมิก ยิงขวาไปทางมุมซ้ายมือ บุฟฟ่อนพุ่งถูกทางแต่ไม่ถึง กลับมาเสมอกัน 4-4

อิตาลีคนที่ 8 มัตเตีย เด ชิโญ่ ยิงด้วยขวากระแทกคานเข้าไป ขึ้นนำ 5-4

เยอรมนีเป็น เฌโรม บัวเต็ง ยิงขวไปมุมซ้ายมือ บุฟฟ่อนถูกทางแต่ไม่ถึง เสมอกันอีกครั้ง 5-5

อิตาลีคนที่ 9 มัตเตโอ ดาร์เมียน ยิงขวาไปมุมขวามือ แต่นอยเออร์เดาถูกทางและเซฟได้ จึงยังเสมอ 5-5 เป็นโอกาสชนะของเยอรมนีอีกครั้ง

เยอรมนีเป็น โยนาส เฮ็กเตอร์ ยิงด้วยซ้ายไปทางขวามือตัวเอง บุฟฟ่อนถูกทางและล้มตัวถูกตำแหน่งแต่เซฟไม่ทันลอดตัวเข้าไป เยอรมนีจึงชนะการดวลจุดโทษไปได้ในที่สุด 6-5

เยอรมนีเข้ารอบรองชนะเลิศไปพบผู้ชนะคู่ระหว่างเจ้าภาพฝรั่งเศสกับไอซ์แลนด์ โดยจะเตะวันที่ 7 ก.ค. ซึ่งนับเป็นการเข้ารอบตัดเชือกยูโร 3 หนติดของทัพ "อินทรีเหล็ก" ต่อจากปี 2008 และ 2012

รายชื่อผู้เล่นที่ลงสนามในเกมนี้

เยอรมนี(4-4-2) : มานูเอล นอยเออร์(กัปตันทีม) - เบเนดิกต์ โฮเวเดส, เฌโรม บัวเต็ง, มัตส์ ฮุมเมิลส์, โยนาส เฮ็กเตอร์ - โยชัว คิมมิก, ซามี่ เคดิร่า(บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ น. 15), โทนี่ โครส, เมซุต โอซิล - โธมัส มุลเลอร์, มาริโอ โกเมซ(ยูเลี่ยน ดรักซ์เลอร์ น. 72)

อิตาลี(3-5-2) : จานลุยจิ บุฟฟ่อน(กัปตันทีม) - อันเดรีย บาร์ซาญี่, เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่, จอร์โจ้ คิเอลลินี่(ซิโมเน่ ซาซ่า น. 120) - อเลสซานโดร ฟลอเรนซี่(มัตเตโอ ดาร์เมียน น. 86), มาร์โก ปาโรโล่, สเตฟาโน่ สตูราโร่, เอมานูเอเล่ จัคเครินี่, มัตเตีย เด ชิโญ่ - กราเซียโน่ เปลเล่, เอแดร์(ลอเรนโซ่ อินซิเญ่ น. 107)

แมน ออฟ เดอะ แมตช์ : มานูเอล นอยเออร์ ผู้รักษาประตูเยอรมนี


ชมไฮไลต์ ด้านล่าง >>


เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์