การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ครั้งที่ 15 หรือ ยูโร 2016 ในวันเสาร์ที่ 25 มิถุนายนนี้ เดินทางมาถึงรอบน็อกเอาท์ 16 ทีมสุดท้าย มีการดวลแข้งรวมทั้งหมด 3 คู่ แข่งแบบแพ้คัดออก หากเสมอกันในเวลา 90 นาที จะต่อเวลาไปอีก 30 นาที หากยังไม่รู้ผลก็จะตัดสินด้วยการดวลลูกโทษที่จุดโทษ
คู่แรก ที่พาร์ค โอลิมปิก ในเมืองลียง เวลา 20:00 น.”ไก่ทองคำ” ทีมชาติฝรั่งเศส เจ้าภาพ ดวลกับ “ยักษ์เขียว” ทีมชาติสาธารณรัฐไอร์แลนด์ ช่อง 3 แฟมิลี่ (13) ทำการถ่ายทอดสด โดยคู่นี้เจอกันมาทั้งหมด 16 นัดถือว่าสูสี เมื่อ ฝรั่งเศส ชนะ 6 เสมอ 6 ไอร์แลนด์ ชนะ 4 โดย ฝรั่งเศส ยิงได้ 18 เสีย 14
เกมนี้ ฝรั่งเศส ที่รอบแรกชนะ โรมาเนีย 2-1, ชนะ แอลเบเนีย 2-0 และเสมอ สวิตเซอร์แลนด์ 0-0 เป็นแชมป์กลุ่ม เอ ถือว่าไม่มีปัญหาในการจัดตัว ดีดิเยร์ เดส์ชองป์ส กุนซือไก่มีนักเตะให้เลือกล้นทีม โดยเฉพาะแผงกลาง แต่คาดว่า ปอล ป๊อกบา จะลงทำเกมร่วมกับ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ส่วนอีกตำแหน่ง แบลส มาตุยดี้ ที่ฟอร์มตกลงไปต้องเบียดกับ มุสซ่า ซิสโซโก้ ส่วน 3 ประสานเกมรุกยังเป็น ดีมิทรี ปาเยต์, อองตวน กรีซมันน์ และโอลิวิเยร์ ชิรูด์
ทางฝั่ง ไอริช ที่พลิกเข้ารอบมาได้ในนัดสุดท้าย รอบแรกเสมอ สวีเดน 1-1, แพ้ เบลเยี่ยม 0-3 และชนะ อิตาลี 1-0 เกมนี้ยังต้องรอลุ้นอาการบาดเจ็บของ โจนาธาน วอลเตอร์ส ถ้าลงไม่ได้ ดารีล เมอร์ฟี่ย์ จะประสานงานกับ เชน ลอง ในเกมรุก ส่วนตัวหลัก ๆ ยังอยู่กับครบองค์ทั้ง เซมุส โคลแมน, เวส ฮูลาแฮน และร็อบบี้ เบรดี้
คู่ต่อมาในเวลา 23:00 น.”อินทรีเหล็ก” ทีมชาติเยอรมนี เจอกับ ทีมชาติสโลวาเกีย ช่อง 3 เอชดี (33) ถ่ายทอดสด โดยคู่นี้จะดวลแข้งที่ลีลล์ สถิติคู่นี้เจอกันมาตั้งแต่สมัย สโลวาเกีย ยังรวมชาติกับ เชโกสโลวาเกีย นั้น ปรากฏว่า เยอรมนี ชนะ 7 สโลวาเกีย ชนะ 3 ไม่เคยจเสมอกัน แถมยังเพิ่งเจอกันในอุ่นแข้งก่อนศึกยูโรหนนี้ เมื่อ 29 พฤษภาคมที่ผ่านมา เยอรมนี แพ้คาบ้าน 1-3 โดยมี 11 ตัวจริงชุดที่จะลงเล่นคืนนี้ของ เยอรมนี อยู่ในทีมที่แพ้ถึง 6 คน
นัดนี้ เยอรมนี ที่ได้เป็นแชมป์กลุ่ม ด้วยการชนะ ยูเครน 2-0, เสมอ โปแลนด์ 0-0 และเฉือน ไอร์แลนด์เหนือ 1-0 ยังไม่เสียประตูให้ใคร เกมนี้รอเช็คฟิต เยอโรม บัวเต็ง เพียงคนเดียวเท่านั้น แต่คาดว่าไม่น่ามีปัญหา เพราะอาการเจ็บน่องดีขึ้นเป็นลำดับ นอกนั้นพร้อมลงสนามทั้งหมดนำโดย เมซุต โอซิล, โทนี่ โครส และมัทส์ ฮุมเมิ่ลส์
ทางฝั่ง สโลวาเกีย วางแนวรับแบบเต็มพิกัดใช้ระบบ 4-5-1 เน้นเกมในแดนกลางมาสู้ โดยพวกเขาเข้ารอบมาในฐานะหนึ่งใน 4 ทีมอันดับ 3 ดีที่สุดจากรอบแรกที่ แพ้ เวลส์ 1-2, ชนะ รัสเซีย 2-1 และเสมอ อังกฤษ 0-0 โดยเกมรับวาง มาร์ติน สเคอร์เทล กับ แยน ดูริก้า ปักเซ็นเตอร์ ส่วนแนวรุกฝากความหวังไว้จังหวะโต้กลับด้วยความสามารถเฉพาะตัวของ มาเร็ค ฮัมซิค และวลาดีเมียร์ ไวส์
คู่สุดท้าย เวลา 02:00 น. “แม็กยาร์” ทีมชาติฮังการี จอมพลิกล็อค เจอกับ “ปีศาจแดงแห่งยุโรป” ทีมชาติเบลเยียม ช่อง 3 แฟมิลี่ (13) ถ่ายทอดสด จากสนามสตาร์ด มูนิซิปาล เมืองตูลูส
เกมนี้ ฮังการี ที่คว้าแชมป์กลุ่มมาได้ด้วยผลงาน ชนะ ออสเตรีย 2-0, เสมอ ไอซ์แลนด์ 1-1 และเสมอ โปรตุเกส 2-2 รอทดสอบความฟิตของ โซลตัน เกร่า กับ อัตติล่า ฟิออล่า สองกำลังสำคัญที่กล้ามเนื้อล้ามาจากนัดที่แล้ว ซึ่ง แบรนด์ สต๊อร์ค กุนซือวางระบบ 4-2-3-1 ไว้รับมือ โดยแนวรุกเลือก อดัม ซาไล หัวหอกก้านยาวเป็นตัวเป้า
ทางด้าน เบลเยี่ยม ที่เข้ามาเป็นอันดับ 2 ในสาย ด้วยผลงานแพ้ อิตาลี 0-2, ชนะ ไอร์แลนด์ 3-0 และชนะ สวีเดน 1-0 ตอนนี้ มาร์ค วิลม็อตส์ กุนซือยังไม่เลือกจะใช้ใครระหว่าง รัดย่า เนียงโกลัน กับ มุสซ่า เดมเบเล่ ยืนกลางคู่กับ อั๊คเซิ่ล วิทเซิ่ล ส่วนแนวรุกยังใช้ชุดเดิมทั้ง 4 คน คือ ยานนิค การ์ราสโก้, เควิน เดอ บรอยน์, เอแด็น อาซาร์ และโรเมลู ลูคาคู
สำหรับสถิติคู่นี้ เบลเยี่ยม ถือว่าเหนือกว่ามาก เมื่อชนะ 8 เสมอ 2 ฮังการี ชนะ 2 โดยหนสุดท้ายที่ ฮังการี ชนะได้สำเร็จต้องย้อนกลับไปเมื่อ 23 พฤศจิกายน ปี 1958 หรือเมื่อ 58 ปีที่แล้วเลยทีเดียว
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
