‘อิตาลี’แสบอุดแล้วโต้ ซัด‘เบลเยียม’หงายเก๋ง 2-0

ศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป "ยูโร 2016" ที่ประเทศฝรั่งเศส วันที่ 13 มิถุนายน คู่สุดท้ายของวัน เป็นเกมกลุ่มอี นัดแรก ระหว่าง เบลเยียม กับ อิตาลี รองแชมป์เก่า สนามสต๊าด เดอ ลียง เมืองลียง เวลา 02.00 น.

"ปีศาจแดงแห่งยุโรป" เบลเยียม ภายใต้การทำทีมของมาร์ค วิลม็อตส์ ที่เคยขึ้นเป็นทีมเบอร์ 1 โลกจากการจัดอันดับสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) เดือนพฤศจิกายน-มีนาคม เป็นเวลา 5 เดือนติดมาแล้ว จัดทัพระบบ 4-2-3-1 ธิโบต์ กูร์ตัวส์- โลรองต์ ซิมอง, โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์, โธมัส แฟร์มาเลน, แยน แฟร์ตองเก้น- ราเดีย นาอิงโกลัน, อักเซล วิตเซล- เควิน เดอ บรอยน์, มารูยาน เฟลไลนี่, เอเด็น อาซาร์-โรเมลู ลูกากู

ส่วนอดีตแชมป์ 1 สมัย ตั้งแต่ปี 1968 อย่างทีม "อัซซูรี่" ซึ่งมีอันโตนิโอ คอนเต้ คุมทัพเป็นทัวร์นาเมนต์สุดท้าย วางหมาก 3-5-2 จานลุยจิ บุฟฟ่อน- อันเดรีย บาร์ซาญี่, เลโอนาร์โด โบนุชชี่, จอร์โจ้ คิเอลลินี่- อันโตนิโอ คันเดรว่า, มาร์โก้ ปาโรโล่, ดานิเอเล่ เด รอสซี่, เอมานูเอเล่ จัคเครินี่, มัตเตโอ ดาร์เมียน- กราเซียโน่ เปลเล่, เอแดร์

สถิติพบกัน อิตาลีเหนือกว่าด้วยการชนะ 13 เสมอ 4 แพ้ 4

เริ่มเกมได้ 2 นาที เป็นเบลเยียมที่ไปป้วนเปี้ยนอยู่ในกรอบเขตโทษอิตาลีได้ก่อน จากจังหวะที่ลูกากูตวัดบอลเข้าไปที่กลางประตู แต่บาร์ซาญี่ยังสกัดไว้ได้ทัน

จากนั้นอีก 8 นาที ยังเป็นเบลเยียมได้ลุ้นอีก คราวนี้นาอิงโกลันยิงไกล แต่บุฟฟ่อน นายทวารอิตาลียังล้มตัวปัดออกไป

ผ่านไป 20 นาที รูปเกมเบลเยียมเหนือกว่าเล็กน้อยก็จริง แต่ยังทำอะไรอิตาลีไม่ถนัด

นาที 22 นาอิงโกลันลองส่องไกลอีกหน แต่คราวนี้ห่างกรอบประตูอิตาลีแบบไม่ได้ลุ้น

อิตาลีต้องรอถึงนาที 29 กว่าจะได้โอกาสยิงประตูแบบจะแจ้ง แต่ลูกยิงนอกเขตโทษของเปลเล่กลับไม่ตรงกรอบประตู
ผ่านไป 20 นาที รูปเกมเบลเยียมเหนือกว่าเล็กน้อยก็จริง แต่ยังทำอะไรอิตาลีไม่ถนัด

นาที 22 นาอิงโกลันลองส่องไกลอีกหน แต่คราวนี้ห่างกรอบประตูอิตาลีแบบไม่ได้ลุ้น

อิตาลีต้องรอถึงนาที 29 กว่าจะได้โอกาสยิงประตูแบบจะแจ้ง แต่ลูกยิงนอกเขตโทษของเปลเล่กลับไม่ตรงกรอบประตู

นาที 41 เบลเยียมมีโอกาสตีเสมอจากการยิงในเขตโทษของเดอ บรอยน์ แต่ยังติดบล็อคนักเตะอิตาลี

ก่อนจบครึ่งแรก อิตาลี นำ เบลเยียม 1-0

ส่วนสถิติ 45 นาทีแรก อิตาลีมีโอกาสทำประตู 5 ครั้ง เข้ากรอบ 2 ไม่ตรงกรอบ 2 ติดบล็อค 1 เบลเยียมมีลุ้นมากกว่าที่ 7 ครั้ง แต่เข้ากรอบแค่หนเดียว ไม่ตรงกรอบ 3 โดนบล็อค 3 และครองเกม 54 เปอร์เซ็นต์

เริ่มครึ่งหลังได้ 6 นาที เบลเยียมเกือบตีเสมอสำเร็จ เมื่อเดอ บรอยน์ ตวัดบอลในเขตโทษไปติดคิเอลลินี่ ไม่อย่างนั้นลูกากูได้ยิงโล่งๆ ใส่บุฟฟ่อนแน่นอน

2 นาทีถัดมา เบลเยียมน่าจะได้ประตูสุดขีด จากจังหวะที่เดอ บรอยน์คนเดิมเปิดบอลให้ลูกากูดวลตัวต่อตัวกับบุฟฟ่อน แต่สุดท้ายกลับยิงหลุดกรอบออกไป

แต่นาที 54 อิตาลีโต้กลับ และหวุดหวิดได้ลูกที่ 2 แต่ลูกโขกเปลโล่ไปติดเซฟกูร์ตัวส์

หลังจากนั้น เบลเยียมพยายามทำเกมรุก แต่ยังไม่มีจังหวะหวาดเสียวมากนัก โดยนาที 70 ดรีส เมอร์เทนส์ ปีกตัวสำรองพยายามลักไก่ยิงไกลหลายสิบหลายให้ข้ามหัวบุฟฟ่อน ทว่าบอลยังห่างกรอบเยอะ

นาที 73 วิลม็อตส์ กุนซือเบลเยียมถอดลูกากู ซึ่งวันนี้แผลงฤทธิ์ไม่ออก และส่งดิว็อค โอริกี้ อีกหนึ่งศูนย์หน้าความเร็วจัดลงมาแทน

9 นาทีถัดมา เบลเยียมหวิดได้ประตูอีกครั้ง เมื่อเดอ บรอยน์ เปิดบอลข้ามหัวบาร์ซาญี่ เซ็นเตอร์ฮาล์ฟอิตาลี มาเข้าหัวโอริกี้ แต่ฝ่ายหลังกลับโขกบอลข้ามคานออกไป
ช่วง 6 นาทีสุดท้าย เบลเยียมเกือบทั้งตีเสมอได้ และเฉียดเสียลูกที่ 2 ไปพร้อมๆ กัน จากจังหวะที่โอริกี้พยายามตีลังกายิงในเขตโทษ แต่โดนไม่ดี ส่งผลให้อิตาลีโต้กลับทันที ก่อนชิโร่ อิฒโมบิเล่ ตัวสำรองจะลากบอลเข้าไปยิงติดซุปเปอร์เซฟกูร์ตัวส์

นาที 89 เบลเยียมน่าจะได้ประตูอีกแล้ว เมื่อเมอร์เทนส์ลากบอลเลาะหลบผู้เล่นอิตาลีเข้าไปเปิดบอลผ่านหน้าปากประตูคู่แข่ง ก่อนเพื่อนร่วมทีมจะเก็บบอลได้ และเปิดโด่งกลับมาในเขตโทษ แต่โอริกี้โขกไม่โดน ทำให้เฟลไลเพื่อนร่วมทีมที่รออยู่ด้านหลังเสียจังหวะยิงไม่ได้อีก

อย่างไรก็ตาม ในช่วงทดเวลาเจ็บ อิตาลีได้ประตูย้ำชัย 2-0 จากจังหวะโต้กลับ แล้วก็เป็นคันเดรว่าวางบอลให้เปลเล่หวดเต็มข้อไม่ยั้งเข้าไป

จบเกม อิตาลี บดชนะ เบลเยียม 2-0 เก็บ 3 คะแนนนำเป็นจ่าฝูงกลุ่มอี ปล่อยให้เบลเยียมกลายเป็นบ๊วยของกลุ่ม โดยมีไอร์แลนด์ และสวีเดนอยู่อันดับ 2 กับ 3 ด้วยการมี 1 แต้ม