ริยาด มาห์เรซ จากเด็กข้างถนน สู่ แข้งแห่งปีและ(ว่าที่)แชมป์พรีเมียร์ลีก

ริยาด มาห์เรซ จากเด็กข้างถนน สู่ แข้งแห่งปีและ(ว่าที่)แชมป์พรีเมียร์ลีก


หากปราศจาก ริชาร์ด มาห์เรซ แล้ว รับรองว่า เลสเตอร์ จะไม่สามารถมาไกลถึงขนาดนี้ ทว่า กว่าที่จะ ดาวเตะยอดเยี่ยมพรีเมียร์ลีกคนล่าสุด จะมีวันนี้ได้ เขาต้องผ่านอะไรมาเยอะทีเดียว และ Joe Brewin คอลัมนิสต์ของเราจะพาแฟนๆชาวไทยไปฟังเรื่องราวของ มาห์เรซ จากปากเจ้าตัวเอง...

ย้อนกลับไปในปี 2009 มาห์เรซ ในวัยเพียง 18 ปี กำลังไล่ล่าตามความฝันนักฟุตบอลอาชีพของตัวเองอย่างเต็มที่ โดยเขาเริ่มต้นทดสอบฝีเท้ากับทีมเล็กๆชื่อ แก็งแปร์ เซแอฟเซ ในลีกสมัครเล่นของแดนน้ำหอม ทว่า น่าเหลือเชื่อที่ มาห์เรซ ถูกมองข้ามและบอกปัดการเซ็นสัญญาอาชีพ

ตอนนั้นผู้จัดการทีมของ แก็งแปร์ อย่าง โรแนน ซาอูล บอกว่า จริงๆแล้วตัวเขาต้องการเซ็นสัญญากับ นักเตะที่อีก 7 ปีต่อมาจะกลายเป็นคนที่เก่งที่สุดในพรีเมยร์ลีก ทว่าบอร์ดบริหารของทีมเห็นว่าค่าเหนื่อย 750 ยูโรต่อเดือน(ย้ำว่า ต่อเดือน)แพงจนเกินไปสำหรับนักเตะวัยแค่ 18 ปี และเล่นได้เท่านี้

"
"พวกเขาบอกผมว่า ‘เราเซ็นสัญญากับคุณไม่ได้ เพราะว่าฝีเท้าคุณยังไม่ถึงค่าเหนื่อยขนาดนั้น' "

"พวกเขาบอกผมว่า ‘เราเซ็นสัญญากับคุณไม่ได้ เพราะว่าฝีเท้าคุณยังไม่ถึงค่าเหนื่อยขนาดนั้น' "ดาวเตะทีมชาติแอลจีเรีย เล่าให้ FourFourTwo ฟังถึงอดีตในวันนั้น พร้อมกับยิ้มออกมา "พวกเขาให้ผมฝึกซ้อมกับพวกเขาต่ออีกเดือนนึง ผมลงเล่นให้กับทีมในการแข่งทางการด้วย พวกเขาบอกผมว่า อยากเก็บผมไว้ แต่การตัดสินใจทั้งหมดอยู่ที่บอสใหญ่ ซึ่งสุดท้ายแล้ว เขายอมเปลี่ยนใจ"

ริยาด มาห์เรซ จากเด็กข้างถนน สู่ แข้งแห่งปีและ(ว่าที่)แชมป์พรีเมียร์ลีก


เด็กข้างถนน
ในช่วงที่ มาห์เรซ เล่นให้กับ แก็งแปร์ นั้น ดาวเตะเลสเตอร์ เป็นเพื่อนสนิทกับ มาเธียส ป็อกบา พี่ชายฝาแฝดของ พอล ป็อกบา กองกลางทีมชาติฝรั่งเศสคนดัง โดยทั้งคู่อาศัยอยู่ด้วยกันในสมัยนั้น
"เขาเป็นผู้เล่นข้างถนนที่เรียนรู้ทุกอย่างมาด้วยตัวเอง" มิคาเอล เปลเลน อดีตโค้ชของ มาห์เรซ เล่าถึงอดีต "ซึ่งเรื่องนี้มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีคือเขามีทักษะเลี้ยงบอลที่ยอดเยี่ยม เล่นได้ดีทั้งสองเท้า และยังเล่นลูกนิ่งได้ดีอีกด้วย แต่ที่แย่ก็คือ เขาไม่รู้เรื่องแท็คติคฟุตบอลอะไรเลย"
"

"ผมเล่นกับพวกแก่กว่ามาตลอด ย้ำว่าตลอด ตอนผมอายุ 15 หรือ 16 ผมเล่นกับพวกเด็กอายุ 20 ปี และตอนผมอายุ 20 ผมเล่นกับพวกอายุ 25 แล้ว"

แน่นอนว่า ไม่มีใครกังขาในเรื่องทักษะและชั้นเชิงด้านลูกหนังของ มาห์เรซ แต่หลายคนยอมรับว่า พวกเขาไม่เชื่อน้ำยาของ ปีกข้างถนน รายนี้ ว่าจะเล่นในเกมระดับสูงได้ โดยให้เหตุผลว่า มาห์เรซ ขาดความเข้าใจในแท็คติค ทั้งยังมีความไม่เข้าใจเกมบ่อยครั้ง ซึ่งสิ่งนี้ทำให้ ดาวเตะวัย 25 ปี หงุดหงิดไม่น้อย
"ผมเล่นกับพวกแก่กว่ามาตลอด ย้ำว่าตลอด" มาห์เรซ บอกกับ FFT "ตอนผมอายุ 15 หรือ 16 ผมเล่นกับพวกเด็กอายุ 20 ปี และตอนผมอายุ 20 ผมเล่นกับพวกอายุ 25 แล้ว ซึ่งผมว่ามันช่วยผมได้มาก และผมดีใจทุกครั้งที่มองย้อนมันกลับไป"

"ผมพิสูจน์ให้เห็นว่าพวกเขาคิดผิด(นักวิจารณ์บางคน) ผมเชื่อในความสามารถและคุณภาพที่ผมมี และผมเชื่อว่าพวกเขาจะเปลี่ยนความคิด"

"ผมเล่นบอลข้างถนนมาบ่อยๆ ซึ่งช่วยผมได้ มันทำให้ผมมั่นใจและมีความสุข ผมบอกกับตัวเองเสมอว่า ผมเกิดมาเพื่อเป็นนักฟุตบอล และผมไม่เคยคิดว่าผมจะทำไม่ได้ ไม่เคยจริงๆ"
มาห์เรซ ใช้เวลาเพียงไม่กี่เดือนในการขึ้นมาเล่นให้กับทีมชุดใหญ่ของ แก็งแปร์ ในซีซั่น 2009-10 ก่อนที่ฟอร์มของเขาจะไปเตะตาแมวมองของ เลอ อาฟร์ และ ทำให้ได้โอกาสกระโดดขึ้นไปเล่นในลีกรองของประเทศเป็นครั้งแรก

แรงบันดาลใจจากสวรรค์
แม้ตัว มาห์เรซ จะถือสัญชาติแอลจีเรีย แต่อันที่จริง ปีกคนเก่งรายนี้ เกิดที่ ซาร์แชล ชานเมืองทางเหนือของกรุงปารีส โดยพ่อของเป็นชาวแอลจีเรีย ส่วนแม่เป็นลูกครึ่งแอลจีเรียน-โมร็อกกัน ที่ย้ายมาฝรั่งเศสกันตั้งแต่หนีสงครามแอลจีเรีย ในช่วงยุค 1950 ถึง 1960 ซึ่งถนนใน ซาร์แชล นี่แหละ ที่หล่อหลอม มาห์เรซ ให้เป็น มาห์เรซ ในวันนี้

"มันเป็นเมืองที่ยอดเยี่ยม เพราะทุกคนจะรู้จักกันหมด" ดาวเตะวัย 25 ปีรำลึกถึงวันคืนเก่าๆ "ความทรงจำแรกๆของผมคือ ตอน 6 ขวบ พ่อพาไปเล่นฟุตบอลที่สโมสรแห่งหนึ่ง และผมมีความสุขมากๆ"

ทว่า เรื่องน่าเศร้าที่น้อยคนจะรู้ก็คือ มาห์เรซ เสียคุณพ่อไปตั้งแต่ตอนเขาอายุ 15 ปี ด้วยอาการหัวใจวาย พร้อมกับทิ้งให้ มาห์เรซ แม่ และพี่น้องอีกสามคน เผชิญกับชีวิตด้วยลำแข้งตัวเอง

 


ริยาด มาห์เรซ จากเด็กข้างถนน สู่ แข้งแห่งปีและ(ว่าที่)แชมป์พรีเมียร์ลีก

"แน่นอนว่า มันส่งผลต่อผมโคตรๆ ตอนนั้นผมอายุแค่ 15 ยังเป็นเด็กอยู่เลย" มาห์เรซ ย้อนคิดถึงวันวาน "การเหลือแม่คนเดียว มันยากขึ้นแน่นอน แต่นั่นทำให้ผมแข็งแกร่งขึ้น เพราะผมจำเป็นต้องเป้าหมายให้ชัดเจนขึ้น มันให้กำลังใจผม และทำให้ผมมั่นใจว่า ผมต้องการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ"


เมื่อไม่นานนี้ มีวิดีโอสมัย มาห์เรซ ในวัยเพียง 17 ปี กำลังโชว์ทักษะฟุตบอลหลอกล่อเพื่อนๆออกตามสังคมออนไลน์มากมาย ซึ่งก็เหมือนกับที่เขากำลังทำกับคู่แข่งในพรีเมียร์ลีกทุกสัปดาห์นั่นเอง

 




"ตอนเด็กๆไม่มีใครเกลียดผมหรอก(ที่เลี้ยงผ่านง่ายๆ) แต่พวกเขาเอาแต่เตะผมต่างหาก" ปีกจิ้งจอกสยาม กล่าวพร้อมหัวเราะออกมา


โดนในสมัยเยาวชนนั้น มาห์เรซ เริ่มฝึกฟุตบอลกับ อาอาแอส ซาร์แชล ทีมในเมืองเกิด ซึ่งตอนนั้น เขาเป็นเพียงนักเตะทั่วๆไปในเด็กฝีเท้าดีหลายคนเท่านั้น

"เทคนิคของเขาน่าสนใจ" โมฮาเหม็ด คูลิบาลี่ โค้ชตอนเด็ก เล่า "แต่ปัญหาคือ เขาพัฒนาช้ามาก มีเด็กอายุ 12 ถึง 16 ปีหลายคนที่เก่งกว่าเขา และเขายังตัวเล็ก และไม่มีร่างกายที่แข็งแกร่งเลย"
"
สมัยเยาวชนนั้น มาห์เรซ เริ่มฝึกฟุตบอลกับ อาอาแอส ซาร์แชล ทีมในเมืองเกิด ซึ่งตอนนั้น เขาเป็นเพียงนักเตะทั่วๆไปในเด็กฝีเท้าดีหลายคนเท่านั้น

แม้กระทั่งตอนนี้ หลายคนยังสงสัยในสภาพร่างกายของ มาห์เรซ ด้วยซ้ำ เนื่องจาก ปีกทีมชาติแอลจีเรีย เป็นคนที่ผอมและขาเล็กมาก แต่ทำไมเขาถึงยังสามารถฝ่าดงคู่แข่งไปได้เสมอ ซึ่ง มาห์เรซ ให้คำตอบสั้นๆสองคำ คือ "มั่นใจและตั้งใจ" และเขาจึงทำมันได้เหมือนทุกสัปดาห์ที่ผ่านมา

มีเรื่องน่าเหลือเชื่อบางอย่าง เพราะน้อยคนที่จะรู้ว่า อันที่จริง ตอนแรกนั้น เลสเตอร์ ไม่ได้ส่งแมวมองไปเช็คฟอร์ม มาห์เรซ แต่ว่าพวกเขาสนใจในตัวของเพื่อนร่วมทีมของดาวเตะที่ตอนนั้นยังอยู่กับ เลอ อาฟร์ อย่าง ไรอัน เมนเดส ต่างหาก แต่ปัจจุบัน เมนเดส กำลังอยู่ในแชมเปี้ยนชิพกับ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ด้วยสัญญายืมตัว ขณะที่ มาห์เรซ กำลังจะได้ชูถ้วยพรีเมียร์ลีก

เริ่มต้นกับเลสเตอร์
โดยเกมนั้น เป็นเกมที่ เลอ อาฟร์ แพ้ในวันเปิดฤดูกาล 1-2 และ มาห์เรซ เองก็โดนเปลี่ยนออกตั้งแต่นาทีที่ 73 แต่ว่าด้วยเวลาเพียงเท่านั้น ดาวเตะวัย 22 ปีในขณะนั้น ก็สร้างความประทับใจให้กับหัวหน้าแมวมองของเลสเตอร์อย่าง สตีฟ วอลซ์ ได้

ริยาด มาห์เรซ จากเด็กข้างถนน สู่ แข้งแห่งปีและ(ว่าที่)แชมป์พรีเมียร์ลีก

"ริยาด ยังดูดิบในหลายอย่าง แต่ว่าเขาไปกับบอลได้ยอดเยี่ยม" วอลซ์ อธิบาย "เขาสามารถเลี้ยงฝ่าผู้เล่นได้ทั้งหมด เขามีความมุ่งมั่น แน่นอนว่า บางทีเขาอาจตัดสินใจผิดบ้าง และเล่นเกมรับได้ไม่ดีเท่าไร แต่เรารู้ทันทีว่า เขามีพรสวรรค์"


จากวันนั้น วอลซ์ ส่งทีมงานอย่าง เดวิด มิลล์ส แมวมองอาวุโส ไปดู มาห์เรซ อีกสองครั้ง พร้อมกับตัดสินใจเสนอเรื่องให้ ไนเจล เพียร์สัน ยื่นข้อเสนอซื้อตัว ปีกจอมเทคนิค มาร่วมทีม

ริยาด มาห์เรซ จากเด็กข้างถนน สู่ แข้งแห่งปีและ(ว่าที่)แชมป์พรีเมียร์ลีก


และแล้วในเดือนมกราคมปี 2014 ทุกอย่างก็ออกมาเป็นรูปธรรม โดย "จิ้งจอกสยาม" ใช้เงินราวๆ 450,000 ปอนด์ เพื่อเป็นค่าตัวของ มาห์เรซ ที่น่าประหลาดใจ คือ ไม่มีทีมคู่แข่งจากทั่วยุโรปหรือในลีกเอิง ยื่นข้อเสนอเลย

"มีบางทีมสนใจผม แต่ไม่มีใครยื่นข้อเสนอเข้ามา" มาห์เรซ ยอมรับตามจริง "เอาตรงๆผมไม่รู้จักเลสเตอร์ด้วยซ้ำ ผมคิดว่าพวกเขาเป็นสโมสรรักบี้"
"
"เอาตรงๆผมไม่รู้จักเลสเตอร์ด้วยซ้ำ ผมคิดว่าพวกเขาเป็นสโมสรรักบี้"
"ในฝรั่งเศส พวกเราไม่ค่อยรู้เรื่องบอลลีกล่างของประเทศอื่นเท่าไร ผมเลยคิดว่าพวกเขาเป็นทีมรักบี้ ตอนนั้นผมคิดว่า แบบเฮ่ย พวกเขาจะยื่นข้อเสนอมาทำไม แต่ว่า ตอนที่ผมได้ไปที่สโมสรและเห็นถึงความยอดเยี่ยมของทีม ผมรู้สึกดีใจมาก เพราะนี่คือสโมสรที่ดีที่สุดที่ผมเคยได้เล่นด้วย"

จาก แชมเปี้ยนชิพ สู่ พรีเมียร์ลีก

เรื่องราวหลังจากนั้น ไม่ต่างกับเทพนิยาย โดยหลังจากย้ายเข้ามาร่วมทีมเพียงไม่กี่เดือน มาห์เรซ ก็ช่วยให้ เลสเตอร์ คว้าแชมป์แชมเปี้ยนชิพ พร้อมกับได้สิทธิเลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีก

ปีแรกบนลีกสูงสุดอังกฤษของ "จิ้งจอกสยาม" ก็เป็นไปอย่างที่เรารู้กัน โดยพวกเขากลายเป็นทีมที่สองที่เป็นบ๊วยในวันคริสต์มาส แต่กลับรอดตกชั้นได้ราวกับปาฎิหาริย์ อย่างไรก็ตาม ฟอร์มของ มาห์เรซ ในปีแรกนั้น กลับไม่โดดเด่นอะไรเลย 

ทว่า ทุกอย่างกลับตาลปัตรในซีซั่นที่ 2 เมื่อ เลสเตอร์ กำลังจะเป็นแชมป์ลีก ทั้งๆที่วันเดียวกันเมื่อปีที่แล้ว พวกเขายังอยู่อันดับสุดท้ายอยู่เลย และการที่พวกเขามีวันได้ ส่วนหนึ่งต้องให้เครดิตกับผลงานของ มาห์เรซ เต็มๆ

ริยาด มาห์เรซ จากเด็กข้างถนน สู่ แข้งแห่งปีและ(ว่าที่)แชมป์พรีเมียร์ลีก

"มหัศจรรย์" ปีกแอลจีเรีย ตอบทันที หลังถูกถามถึงความรู้สึกต่อซีซั่นนี้ "ต้องขอบคุณในทีมที่ทำให้มีวันนี้ มันไม่ใช่เครดิตของผมคนเดียวหรอก นี่คือฤดูกาลที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสร และพวกเราจะมุ่งหน้าต่อไป พวกเรามีคุณภาพและมั่นใจสุดๆ ในเกมฟุตบอล ถ้าคุณชนะเรื่อยๆ ความมั่นใจก็จะเพิ่มขึ้นตามชัยชนะนั่นแหละ เพราะนี่คือวิถีของฟุตบอล"




จากนั้นด้วยความสงสัย ทีมงาน FFT จึงถาม มาห์เรซ ว่า ทำไมเขาถึงเล่นได้ขึ้นในปีที่สอง ทั้งยังโดดเด่นมากที่สุดจนกลบรัศมีบรรดาดาวดังหลายคนในพรีเมียร์ลีกด้วยซ้ำ


"ประสบการณ์ มั้งครับ?" ดาวเตะจิ้งจอกสยาม ตอบอย่างเขินๆ "และก็ความมั่นใจที่มากขึ้นด้วย สำหรับผม ทุกครั้งที่ลงสนาม ผมอยากสนุกกับฟุตบอลให้มากที่สุด ผมชอบแรงกดดัน ผมสนุกกับฟุตบอล เพราะผมมีเพื่อนร่วมทีมที่ดี ฟุตบอลเป็นกีฬาประเภททีม คุณเล่นคนเดียวไม่ได้หรอก"

เมื่อถูกถามถึง เคลาดิโอ รานิเอรี่ ผู้เค้นฟอร์มสุดยอดของเขาออกมาได้ มาห์เรซ ก็ให้สัมภาษณ์อย่างน่าสนใจ 
 
"เขาขอแค่ให้ผมช่วยกดดันคู่แข่ง(ตอนที่ฝั่งตรงข้ามครองบอล) นอกนั้น เขาให้ผมทำทุกอย่างที่ผมอยากทำ" ปีกวัย 25 ปีกล่าว "เขาเป็นคนที่ดีมากๆ ตอนที่คุณตั้งใจซ้อม แต่ว่าถ้าเราขี้เกียจ เขาจะขึ้นทันที ฮ่าๆ เราทุกคนต้องวิ่ง และเพราะการวิ่งเนี่ยแหละ ทำให้เราอยู่ในตำแหน่งจ่าฝูงแบบนี้"

ริยาด มาห์เรซ จากเด็กข้างถนน สู่ แข้งแห่งปีและ(ว่าที่)แชมป์พรีเมียร์ลีก

นอกจากนี้ มาห์เรซ ยังกล่าวชื่นชมคู่หูของเขาอย่าง เจมี่ วาร์ดี้ อีกด้วย โดยหลายคนยังประทับใจการประสานงานของทั้งคู่ในเกมกับ ลิเวอร์พูล ที่ มาห์เรซ จ่ายให้ วาร์ดี้ ยิงประตูสุดสวยแห่งปี

"เราเข้าใจกันและกัน ผมรู้ว่าจะส่งบอลไปให้เขาตรงไหนหรือตอนไหน" นักเตะยอดเยี่ยมพรีเมียร์ลีกคนล่าสุด เปิดใจถึง กองหน้าทีมชาติอังกฤษ "ผมเล่นกับเขามาสองปีกว่าๆแล้ว เพราะฉะนั้นมันมีแต่ง่ายขี้นๆเรื่อย เราสองคนไม่เคยแข่งกันทำประตู ผมดีใจทุกครั้งที่ เจมี่ ยิงเข้า เพราะมันคือผลงานของทีม เช่นเดียวกัน ถ้าผมยิงได้ ทุกคนในทีมก็จะดีใจกับผม"


นอกจากสองคู่หูด้านบนแล้ว อีกหนึ่งคนที่มีบทบาทอย่างมากกับ "จิ้งจอกสยาม" อย่าง เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ก็เป็นอีกคนที่ต้องชื่นชมไม่แพ้กัน และที่น่าเหลือเชื่อก็คือ เมื่อสองปีที่แล้ว ทั้ง มาห์เรซ และ ก็องเต้ กำลังแข่งกันใน ลีกเดอซ์ อยู่เลยด้วยซ้ำ


ริยาด มาห์เรซ จากเด็กข้างถนน สู่ แข้งแห่งปีและ(ว่าที่)แชมป์พรีเมียร์ลีก

"แน่นอน ผมจำได้" ปีกตัวเก่ง กล่าวถึง ก็องเต้ "ตอนนั้นผมคิดว่าเขาเป็นผู้เล่นที่ดี แต่ผมไม่รู้ว่า เขาจะเก่งขนาดนี้"

"มันอาจเป็นเพราะพวกเราทั้งหมดไม่ได้มาจากอคาเดมี่ของทีมใหญ่ๆอย่างคนอื่นเขา ดังนั้นพวกเราจึงต้องพยายามมากกว่าคนอื่นเยอะ เราเป็นแค่เด็กจากลีกล่างๆ ซึ่งนั่นทำให้ ทั้งผม, วาร์ด(ชื่อเล่นวาร์ดี้) และ เอ็นโกโล่ ต้องการพิสูจน์คุณค่าตัวเอง"

 


และถึงตรงนี้ ทั้งสามและนักเตะเลสเตอร์ทุกคน ใกล้จะประสบความสำเร็จแล้ว อย่างไรก็ตาม มาห์เรซ คิดว่า การได้ไปยูซีแอล ก็ถือว่า พวกเขามาไกลเกินฝันแล้ว


"การได้ไปแชมเปี้ยนลีกกับ เลสเตอร์ และแสดงให้ทั่วโลกเห็นถึงฟุตบอลที่ดี ก็ทำให้ผมภูมิใจมากแล้ว" อดีตดาวเตะ เลอ อาฟร์ กล่าว "แต่พวกเราทุกคนจะทำเต็มที่เพื่อแชมป์ลีกแน่นอน"
"
เทพนิยายของ เลสเตอร์, มาห์เรซ, วาร์ดี้, ก็องเต้ และทุกคนในทีม จะอยู่เป็นแรงบันดาลใจและเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ลูกหนังไปตลอดกาล

และไม่ว่าสุดท้าย อนาคตต่อไปของ "จิ้งจอกสยาม" จะเป็นอย่างไร พวกเขาจะคว้าแชมป์ได้ไหม? ปีหน้าเลสเตอร์ จะทีมแตกไหม? มาห์เรซ หรือ ก็องเต้ จะโดนทีมใหญ่กว่านี้ดูดไปไหม? ฯลฯ แต่ตอนนี้พวกเขาขอเพียงแค่โฟกัสกับสามเกมที่เหลือให้ดีที่สุด และหากทำได้...

เทพนิยายของ เลสเตอร์, มาห์เรซ, วาร์ดี้, ก็องเต้ และทุกคนในทีม จะอยู่เป็นแรงบันดาลใจและเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ลูกหนังไปตลอดกาล

ขอเอาใจช่วย "จิ้งจอกสยาม" เต็มที่ครับ...


ขอบคุณบทความดีดีจาก>>fourfourtwo

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์