โหดหยุดไม่อยู่!เนย์มาร์ปิดกล่องต่างดาวเข่นม้าลายมันส์หยด เถลิงทริปเปิ้ลแชมป์

 โหดหยุดไม่อยู่!เนย์มาร์ปิดกล่องต่างดาวเข่นม้าลายมันส์หยด เถลิงทริปเปิ้ลแชมป์

 การแข่งขันฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบชิงชนะเลิศ ที่สนามโอลิมเปียสตาดิโอน กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี

เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. ทีม "ม้าลาย" ยูเวนตุส แชมป์ กัลโช่ เซเรีย อา และ โคปปา อิตาลี ที่เอาชนะ รีล มาดริด แชมป์เก่ารายการนี้มาในรอบที่แล้ว ซึ่งเข้ารอบชิงฯได้เป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปี พบกับ ทีม "เจ้าบุญทุ่ม" บาร์เซโลน่า แชมป์ ลา ลีกา สเปน และ โกปา เดล เรย์ ซึ่งทั้งสองทีมต่างการจะคว้าถ้วยใบนี้ไปครองให้ได้ เพื่อเป็นการคว้าทริปเปิลแชมป์ในฤดูกาลนี้

  เกมนี้ มัสซิมิเลียโน่ อัลเลกรี ส่งผู้เล่นในระบบ 4-3-1-2 ประกอบด้วย ผู้รักษาประตู จิอันลุยจิ บุฟฟ่อน (กัปตันทีม), กองหลัง ปาทริซ เอวร่า, เลโอนาร์โด โบนุชชี่, อันเดรีย บาร์ซาญี่, สเตฟาน ลิคต์สไตเนอร์ กองกลาง ปอล ป๊อกบา, อันเดรีย ปิร์โล่, เคลาดิโอ มาร์คิซิโอ โดยมี อาร์ตูโร่ วิดัล เป็นกองกลางตัวรุกคอยสนับสนุนคู่กองหน้า อัลบาโร่ โมราต้า กับ คาร์ลอส เตเบซ

  ส่วนทางฝั่ง หลุยส์ เอ็นริเก้  จัดแผน 4-3-3
ประกอบด้วย ผู้รักษาประตู มาร์ก-อังเดร เตอร์ สเตเก้น, กองหลัง ดาเนียล อัลเวส, เคาร์ด ปิเก้, ฮาเวียร์ มาสเคราโน่, จอร์ดี อัลบา กองกลาง อันเดรส อิเนียสต้า (กัปตันทีม), เซอร์จิโอ บุสเกสต์, อิวาน ราคิติช กองหน้า ลิโอเนล เมสซี่, หลุยส์ ซัวเรซ และ เนย์มาร์

  เริ่มเกมได้แค่ 4 นาที บาร์เซโลน่า ได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะที่ เนย์มาร์ ครองบอลอยู่ทางด้านซ้ายของกรอบเขตโทษ ก่อนจ่ายทะลุช่องให้ อิเนียสต้าที่เติมขึ้นมา จากนั้นกองกลางชาวสเปนดีดต่อให้ อิวาน ราคิติช ยิงเข้าประตูไป

  อีก 4 นาที ต่อมายูเวนตุส ได้ลุ้นบ้าง อัลบาโร่ โมราต้า ลากขึ้นมาทางริมเส้นด้านขวา ก่อนจ่ายเข้ากลางให้ อาร์ตูโร่ วิดัล ได้ซัด แต่บอลเหินข้ามคานออกไป ในนาที 8

  หลังจากนั้นเป็นฝ่ายบาร์เซโลน่า ที่ทำเกมได้ดีกว่า และเกือบจะได้ประตูที่สอง หลุยส์ ซัวเรซ ทำเกมขึ้นมาทางด้านขวา ก่อนจ่ายให้ ดาเนียล อัลเวส ได้ซัดจากหน้าเขตโทษ แต่บุฟฟ่อน ยังปัดเอาไว้ได้ ในนาที 15

  นาที 25 ยูเวสตุส ได้โอกาสลุ้นจากจังหวะที่ จอร์ดี้ อัลบา ถูกโมราต้า เข้ามากดดันและจิ้มบอลจากในเขตโทษออกไปให้กับ เคลาดิโอ มาร์คิซิโอ  วิ่งเข้ามาสับเต็มข้อแต่บอลเหินข้ามคานออกไปอย่างน่าเสียดาย

  ท้ายครึ่งแรกบาร์ซ่า เกือบได้เพิ่มอีกลูก หลุยส์ ซัวเรซ ได้จังหวะสับไกลจากหน้าเขตโทษด้านขวา แต่บอลเฉี่ยวเสาออกไปนิดเดียว ในนาที 40 ก่อนที่จังหวะต่อมา บุฟฟ่อน ต้องออกแรงเซฟ บอลหลุดมาถึงซัวเรซ ทางด้านหน้าเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนที่หัวหอกชาวอุรุกวัยจะสับไกยิงแต่ บุฟฟ่อน ยักปัดออกหลังไปได้

  ก่อนหมดครึ่งแรก 1 นาที มาร์คิซิโอ ได้โอกาสยิงไกลจากหน้าเขตโทษอีกครั้ง แต่หนนี้บอลไปตรงตัวของ มาร์ก-อังเดร เตอร์ สเตเก้น รับไว้ได้แบบไม่มีปัญหา ก่อนจะหมดครึ่งแรกด้วยการที่บาร์ซ่า นำ 1-0

  เริ่มครึ่งหลังได้แค่ 3 นาที บาร์ซ่า พลาดโอกาสได้ประตูเพิ่มอย่างน่าเสียดายจากจังหวะโต้กลับ อิวาน ราคิติช ทำเกมมาหน้าเขตโทษก่อนจ่ายต่อให้หลุยส์ ซัวเรซ ทางด้านซ้าย เจ้าตัวตัดสินใจยิงยัดเสาแรก แต่บุฟฟ่อน ยังป้องกันไว้ได้อีกครั้ง ในนาที 48

  แต่หลังจากนั้น นาที 55 ยูเวนตุส มาได้ประตูตีเสมอ 1-1 จากจังหวะที่ เคลาดิโอ มาร์คิซิโอ ตอกส้นให้ สเตฟาน ลิคต์สไตเนอร์ ทะลุขึ้นไปทางด้านขวา ก่อนจ่ายเข้ากลางให้ คาร์ลอส เตเบซ ยิงแบบไม่ต้องจับ แต่ เตอร์ สเตเก้น ยังเซฟไว้ อย่างไรก็ตามบอลยังไม่พ้นอันตราย และเป็นอัลบาโร่ โมราต้า วิ่งมาซ้ำเข้าประตูไป

  ยูเวนตุส ยิ่งเล่นยิ่งได้ใจ และได้ลุ้นอีกครั้ง มาร์คิซิโอ จ่ายบอลให้ คาร์ลอส เตเบซ ได้ซัดจากหน้าเขตโทษ แต่บอลแรงเกินไป ในนาที 62

  เกมดำเนินมาถึงนาที 68 บาร์เซโลน่า มาได้ประตูแซงนำเป็น 2-1 ลิโอเนล เมสซี่ ลากขึ้นมาหน้าเขตโทษด้านขวาก่อนสับไกยิง บุฟฟ่อน พุ่งปัดไว้ได้ แต่บอลหลุดไปถึง หลุยส์ ซัวเรซ ที่วิ่งมายิงซ้ำเข้าประตูไป

  จากนั้นนาที 71 แฟนบาร์ซ่าต้องเฮเก้อ จากจังหวะที่ อัลบา เปิดกระดกบอลให้ เนย์มาร์ ได้โหม่งบอลเข้าไปตุงตาข่าย แต่ผู้ช่วยผู้ตัดสินหลังประตูให้สัญญาณว่าเป็นการทำแฮนด์บอล

  นาที 74 ยูเวนตุส พลาโอกาสได้ประตูตีเสมออย่างน่าเสียดาย อังเดร ปิร์โล่ เปิดลูกเตะมุมเข้าไปที่เสาแรก เตอร์ สเตเก้น ชกบอล ไปโดนตัวมาสเคราโน่ ย้อนกลับไปทางเส้นประตู แต่ลอยข้ามคานออกไปนิดเดียว

  ก่อนที่ นาที 78 บาร์เซโลน่า จะขอเปลี่ยนตัวผู้เล่น ส่ง ซาบี้ เฮอร์นันเดซ ลงสนามแทน อันเดรส อิเนียสต้า

  ช่วงท้ายเกม ยูเวนตุส พยายามเร่งเกมหวังทวงประตูคืนให้ได้ และได้ลุ้นจากลูกยิงไกลของ มาร์คิซิโอ อีกครั้ง แต่ เตอร์ สเตเก้น ยังล้มตัวปัดออกไปได้แบบหวุดหวิด ในนาที 88

  เข้าสู่ช่วงทดเวลาบาดเจ็บเกมทำท่าจะจบลงด้วยสกอร์ 2-1 แต่บาร์เซโลน่า มาได้ประตูเพิ่มอีกลูก เนย์มาร์ ทำช่ิงกับ เปโดร โรดริเกซ ก่อนที่เนย์มาร์จะเป็นคนยิงในจังหวะสุดท้ายเข้าประตูไป ในนาที 90+7 ก่อนที่ผู้ตัดสินจะเป่านกหวีดหมดเวลาทันที

  จบเกม บาร์เซโลน่า ชนะ ยูเวนตุส 3-1 คว้าแชมป์ยุโรปไปครองเป็นสมัยที่ 5 และเป็นการทำทริปเปิลแชมป์ ได้สำเร็จหลังก่อนหน้านี้ได้แชมป์ ลา ลีกา สเปน และ โกปา เดล เรย์ มาเรียบร้อยแล้ว และถือเป็นสโมสรแรกที่สามารถทำทริปเปิลแชมป์ได้ 2 ครั้ง

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์