10แมตช์นัดชิงแห่งความทรงจำที่เวมบรี่ย์

10ความทรงจำที่เวมบรี่ย์

                  นัดชิงชนะเลิศ ทุกคนย่อมรู้ว่ามีความสำคัญมากกับทุกสโมสร แต่ก็มีเกมนัดตัดสินที่ยังคงอยู่ในความทรงจำแฟนบอลจนทุกวันนี้ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ลองมาเบิกเนตรดูซิว่านัดชิงฯ ที่ทาง เดลี่ เมล์หนังสือพิมพ์ชื่อดังเมืองผู้ดี จัดอันดับเอาไว้ ยังอยู่ในความทรงจำของทุกคนหรือเปล่า


10. วิมเบิลดัน 1 ลิเวอร์พูล 0 (เอฟเอ คัพ 1988)


วิมเบิลดัน ไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะทะลุเข้ามาเล่นในรอบชิงชนะเลิศที่สนามเวมบลีย์ และยิ่งไม่มีใครเชื่อน้ำมนต์ว่าจะสามารถต้านทาน ลิเวอร์พูล มหาอำนาจลูกหนังเมืองผู้ดีในเวลานั้นได้ เพราะใครๆ ก็รู้ว่า หงส์แดงคือทีมเครื่องจักรสังหารอย่างแท้จริง แต่แล้วนรกก็แตกกระจุย เมื่อเหล่า เครซี่แก๊งค์ ซึ่งนำโดย ไอ้โรคจิต วินนี่ โจนส์ และ เตี้ยหมาตื่น เดนนิส ไวส์ สร้างความตื่นตะลึงให้กับโลกหนังด้วยการปราบ ลิเวอร์พูล ชนิดที่ปากกาซีนหักกระจุยเลยทีเดียว ซึ่งฮีโร่ของ จอมโหด นอกจาก ลอว์รี่ ซานเชซ ที่ยิงประตูชัยแล้ว ยังมี เดฟ บีเซนต์ นายทหวารหัวฟูที่ปฏิเสธจุดโทษของ จอห์น อัลดริดจ์ ดาวยิงหน้าเปื้อนหนวด ได้อย่างสุดยอด





9. ลิเวอร์พูล 3 เอฟเวอร์ตัน 2 (เอฟเอ คัพ 1989)


หงส์แดง มีโอกาสได้แก้ตัว เมื่อทะลุเข้ารอบชิงฯ อีกครั้ง โดยคราวนี้พวกเขาเจองานหนักกว่าเดิมเพราะต้องดวลกับ เอฟเวอร์ตัน คู่อริร่วมเมือง โดยงานนี้ อัลดริดจ์ ซัดประตูให้ หงส์แดง นำไปก่อนตั้งแต่นาทีที่ 4 และสกอร์ยังคงอยู่แบบนั้นจนกระทั่งนาทีที่ 89 ซึ่งบรรดาสาวก เดอะ ค็อป กำลังวาดฝันเห็นสโมสรรักคว้าแชมป์มาครอง แต่เหมือนสายฟ้าฟาดกลางสนามเวมบลีย์ เพราะ สจ๊วร์ต แม็คคอล ยิงประตูตีเสมอได้อย่างเหลือเชื่อ ส่งผลให้ต้องดวลกันต่อในช่วงต่อเวลาพิเศษ แต่สวรรค์ก็ยังคงเขียนชื่อ ลิเวอร์พูล เป็นแชมป์เหมือนเดิมเพราะ เอียน รัช ที่ลงมาเป็นตัวสำรอง ซัด 2 ประตู ขณะที่ แม็คคอล ช่วยทีมได้อีกครั้งแค่ 1 ดอกเท่านั้น และบทสรุปก็เป็นล่ะฉะนี้





8. ลีดส์ ยูไนเต็ด 0 ซันเดอร์แลนด์ 1 (เอฟเอ คัพ 1973)


ใครจะไปเชื่อว่า ซันเดอร์แลนด์ ทีมในระดับดิวิชั่น 2 เดิม จะสร้างเรื่องช็อกวงการลูกหนังเมืองผู้ดีเมื่อพวกเขาผ่าฟันอุปสรรคจนทะลุเข้ามาเหยียบสนามเวมบลีย์ และต้องพบกับ ยูงทอง ทีมสุดแกร่ง ณ เวลานั้น แต่เหมือนสวรรค์เขียนบทเอาไว้ เมื่อส่ง เอียน พอร์เทอร์ฟิลด์ ลงมาเป็นซูเปอร์ฮีโร่ ซัดประตูชัยในนาทีที่ 31 และพวกเขาก็รักษาสกอร์นี้เอาไว้จนกระทั่งจบเกม








7. คริสตัล พาเลซ 3 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3 (เอฟเอ คัพ 1990)


ทัพ ปราสาทเรือนแก้ว ผ่านเข้ามาพบกับเจ้าพ่อบอลถ้วยอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เก่งฉกาจในศึกเอฟเอ คัพ อย่างมาก เพราะสมัยนั้นการคว้าแชมป์ลีกเป็นเรื่องไกลเกินตัวเหลือเกิน และ พาเลซ ก็โชว์ฟอร์มได้อย่างสุดยอดเมื่อ แกรี่ โอ เรลลี่ ยิงประตูขึ้นนำไปก่อน แต่ ไบรอัน ร็อบสัน กัปตันกระดูกเหล็กกระซวกตาข่ายตีเสมอ จากนั้น มาร์ค ฮิวจ์ส ก็ทำให้ ผีแดง ขึ้นนำ อย่างไรก็ตาม เอียน ไรท์ ซัดประตูตีเสมอให้ พาเลซ หมดเวลาเสมอกันไป ทำให้ต้องดวลในช่วงต่อเวลาพิเศษ โดย ไรท์ ตะบันประตูขึ้นนำไปก่อน และเหลือแค่ 7 นาทีพวกเขาจะคว้าแชมป์ได้อยู่แล้ว แต่มาโดน ฮิวจ์ส ตีเสมออย่างน่าเจ็บปวด สุดท้ายต้องไปแข่งกันใหม่ ณ สนามเดิม และเป็น เร้ด เดวิลส์ ที่เฮงกว่าได้ประตูโทนจาก ลี มาร์ติน ซึ่งประตูนี้กลายเป็นประวัติศาสตร์ให้คนธรรมดาอย่าง อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน นั่งเก้าอี้ในโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ยาวนานจนมีคำนำหน้านามว่า เซอร์ จนทุกวันนี้






6. อาร์เซน่อล 3 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2 (เอฟเอ คัพ 1979)


มันพะยะค่ะเพราะแค่ชื่อของสองสโมสรนี้ก็มันเด็ดดวงโดนใจแล้ว โดย ไอ้ปืนใหญ่ ได้ประตูนำไปก่อนตั้งแต่ช่วงต้นเกม 2-0 แต่เกมลูกหนังเมืองผู้ดีขึ้นชื่อลือชาว่าไม่ยอมแพ้จนกว่าจะได้ยินเสียงนกหวีดยาวจากตุลาการสนาม และก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ เพราะ แมนฯ ยูไนเต็ด ตะบันประตู 2 นาทีที่ 86 กับ 88 แต่ที่ดราม่าเรียกน้ำตาจากสาวก เร้ด อาร์มี่ ก็คือตอนที่พวกเขากำลังวาดฝันเตรียมแหกปากเชียร์ช่วงต่อเวลาพิเศษ ก็สลายกลายเป็นลมเมื่อ อลัน ซันเดอร์แลนด์ สวมบทมารหัวขนซัดชัยในนาทีที่ 89 เรื่องมันก็เลยเศร้าสำหรับแฟนผีแดง






5. แบล็คพูล 4 โบลตัน วันเดอเรอร์ส 3 (เอฟเอ คัพ 1953)


สแตนลี่ย์ แม็ทธิวส์ คือแรงบันดาลใจของ แบล็คพูล ในการผ่านเข้ามาสู่รอบชิงชนะเลิศ ถ้วยใบเก่าแก่ที่สุดในโลกได้สำเร็จ และแม้ชื่อของเขาจะไม่ได้อยู่บนสกอร์บอร์ดก็ตาม แต่ก็ถวายพานให้กับ สแตน มอร์เตนเซ่น เพื่อนร่วมทีมตะบันแฮตทริกในแมตช์นี้ ก่อนที่ บิลล์ เพอร์รี่ จะมายิงประตูในช่วงทดเจ็บ ทั้งที่ๆ พวกเขาโดน โบลตัน ยิงนำไปก่อน 3-1 ก็ตาม ซึ่งเป็นการพลิกนรกกลับมาอย่างยิ่งใหญ่จริงๆ






4. แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 4 เบนฟิก้า 1 (ยูโรเปี้ยน คัพ 1968)


บรรดาขุนพล ปีศาจแดง ที่อุดมไปด้วยแข้งมหัศจรรย์ไม่ว่าจะเป็น บ็อบบี้ ชาร์ลตัน, จอร์จ เบสต์ และมันสมองระดับอ๋องของ แม็ตต์ บัสบี้ ส่งผลให้พวกเขาครองความเป็นเจ้ายุโรปสโมสรแรกของประเทศอังกฤษ และยังเป็นการซับน้ำตาที่ต้องสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่หลังจากเครื่องบินของนักเตะ แมนฯ ยูฯ ตกที่ มิวนิคเมื่อปี 1958







3. โคเวนทรี ซิตี้ 3 ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 2 (เอฟเอ คัพ 1987)


โคเวนทรี ซิตี้ ต้องพบกับงานหนักเมื่อดวลกับ สเปอร์ส ในเกมนัดชิงฯ และทุกคนก็ฟันธงว่า ไก่เดือยทอง คงจะฟาดแชมป์ได้อย่างสบายอุรา และก็น่าจะเป็นอย่างนั้น เมื่อ สเปอร์ส ได้ประตูนำไปก่อนถึงสองครั้งสองครา แต่ก็โดนตีเสมอได้ตลอด และที่หักมุมแบบน้ำตาท่วมสนามก็คือการที่ แกรี่ แม็บบัตต์ ที่ดันทะลึ่งโหม่งเข้าประตูตัวเองช่วงต่อเวลาพิเศษ ส่งผลให้เกจิอาจารย์ต้องหน้าแหก ปากกาหักกระจุย เพราะกลายเป็นว่า เดอะ สกาย บลูส์ พลิกคว้าแชมป์ได้อย่างเหลือเชื่อ








2. ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 3 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2 (เอฟเอ คัพ 1981)


แมตช์แรกทั้งคู่เสมอกันมา 1-1 ทำให้ต้องมาแข่งกันใหม่  และเกือบน้ำตาร่วงเมื่อตามหลัง 1-2 แต่สุดท้ายความเก๋า และความยอดเยี่ยมของบรรดาขุนพล ไก่เดือยทอง ก็สามารถพลิกสถานการณ์ด้วยการซัด 2 ประตูพาทีมเถลิงแชมป์ได้อย่างยิ่งใหญ่





1. อังกฤษ 4 เยอรมัน ตะวันตก 2 (ฟุตบอลโลก 1966)


เป็นธรรมดาว่าสำหรับพวกอิงลิชชนแล้วไม่มีนัดชิงชนะเลิศ ที่สนามเวมบลีย์ แมตช์ไหนยิ่งใหญ่และอยู่ในความทรงจำของแฟนบอลเท่ากับการได้เห็นทัพ สิงโตคำราม คว่ำ อินทรีเล็ก คว้าแชมป์เวิลด์ คัพ ครั้งแรกและครั้งเดียวของพวกเขา การได้เห็น บ็อบบี้ มัวร์ กัปตันทีมชูถ้วยแชมป์บอลโลก เป็นสิ่งที่แฟนบอลอังกฤษ ยังคงระลึกถึงอยู่เสมอ และหวังว่า สตีเว่น เจอร์ราร์ด หัวหน้าทีมคนปัจจุบัน จะได้ทำแบบนั้นบ้างที่แอฟริกาใต้



 


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์