10ทีมทริปเปิ้ลแชมป์

ความสำเร็จของ อินเตอร์ มิลาน ในฤดูกาลนี้จากการคว้า ทริปเปิ้ลแชมป์ เหมือนที่คุยโวเอาไว้หลังชัยชนะเหนือ บาเยิร์น มิวนิค ในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2-0 ที่สนาม ซานติอาโก้ เบอร์นาเบว เมื่อวันเสาร์ที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา ทำให้อยากจะมองย้อนไปถึงบรรดาสุดยอดสโมสรที่เคยสัมผัสกับการคว้าทริปเปิ้ลแชมป์สำเร็จออกมา 10 อันดับ



ลองมาดูกันว่า 10 อันดับทีมคว้า ทริปเปิ้ลแชมป์ มีทีมไหนกันบ้าง



อันดับ 10

เดอร์รี่ ซิตี้ (ไอร์แลนด์ 1988/1989)
ตำแหน่งแชมป์: ไอริช พรีเมียร์ลีก, ไอริช คัพ, ไอริช ลีก คัพ
 


ฟุตบอล ไอริช จัดได้ว่าเป็นลีกรองหากเปรียบกับลีกเพื่อนบ้านอย่าง พรีเมียร์ลีก อังกฤษ แต่ เดอร์รี่ ซิตี้ ก็ได้สร้างประวัติศาสตร์ของพวกเขาขึ้นจากการทุ่มแหลก ทั้งที่เพิ่งจะก่อร่างสร้างตัวใน ไอริช ลีก เพียงแค่ในปี 1985 เท่านั้น และเพียงแค่ 2 ปีพวกเขาคว้าแชมป์ ดิวิชั่น 1 ก่อนอีก 2 ปีต่อมาพวกเขากวาด 3 แชมป์ของประเทศจนถูกจารึกเอาไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ลูกหนังไอริช



อันดับ 9

อัล อาห์ลี (อียิปต์ 2005/2006)
ตำแหน่งแชมป์: อียิปต์ ลีก, อียิปต์ คัพ, คาฟ แชมเปี้ยนส์ ลีก
 


พวกเขาคือสุดยอดทีมที่ยิ่งใหญ่ทีมหนึ่งของ อียิปต์ และด้วยสไตล์การเล่นอันเร้าใจของทีมปีศาจแดงแห่ง แอฟริกา เหนือ พวกเขาเพิ่งจะคว้าความสำเร็จในระดับประเทศเพียงแค่ 6 ครั้งเท่านั้น และในปี 2006 พวกเขาก็คว้า 3 แชมป์ได้อย่างสุดยอด



อันดับ 8

ไอเอฟเค โกเตบอร์ก (สวีเดน 1981/1982)
ตำแหน่งแชมป์: สวีดิช ลีก, สวีดิช คัพ, ยูฟ่า คัพ
 


สร้างเกียรติประวัติได้อย่างน่าทึ่ง ซึ่งเป็นผลงานในการคุมทัพของ สเวน โกรัน อีริคส์สัน สมัยที่ยังเป็นกุนซือหนุ่ม ที่เพิ่งจะก้าวขึ้นมาคุมทีมยักษ์ใหญ่หลังจากที่สร้างผลงานประทับใจในการคุมทีม เดเกอร์ฟอร์ส สเวน เข้ามาปรับ โกเตบอร์ก ให้คว้า 3 แชมป์ได้ในปี 1982 ด้วยการซิวแชมป์ ออลสเวนส์คาน ที่จะต้องมาตัดสินด้วยการเพลย์ออฟ ก่อนมาคว้าแชมป์ สวีดิช คัพ และมาเอาชนะ ฮัมบูร์ก จากประตูรวม 4-0 โดยเฉพาะผลงานบุกไปเอาชนะถึง 3-0 ถึงที่ เยอรมัน ก่อนที่จะบ่ายหน้าไปคุมทัพ เบนฟิก้า ของ โปรตุเกส ในเวลาต่อมา



อันดับ 7

ซีเอสเคเอ มอสโกว์ (รัสเซีบ 2004/2005)
ตำแหน่งแชมป์: รัสเซียน ลีก, รัสเซียน คัพ, ยูฟ่า คัพ
 


ซีเอสเคเอ ทะลุถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายของศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มันทำให้ทุกคนแปลกใจกับผลงานของทีมดังจากรัสเซีย แต่หากมองย้อนไปถึงปี 2004-05 พวกเขาได้เคยสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการคว้าถึง 3 แชมป์ ด้วยการกวาดดับเบิ้ลแชมป์ของประเทศ และมาคว้าแชมป์ ยูฟ่า คัพ จากประตูชัยของ ยูริ เซียร์คอฟ ที่ช่วยให้พวกเขาเอาชนะ สปอร์ติ้ง ลิสบอน ในนัดชิงชนะเลิศถึงที่ โปรตุเกส ด้วย



อันดับ 6

เอฟซี ปอร์โต้ (โปรตุเกส 2002/2003)
ตำแหน่งแชมป์: โปรตุเกส ลีก, โปรตุเกส คัพ, ยูฟ่า คัพ
 


เป็นผลงานการทำทีมของ โชเซ่ มูรินโญ่ ที่เพิ่งจะก้าวขึ้นมาเป็นโค้ชดาวโรจน์ และพา ปอร์โต้ ซิวถึง 3 แชมป์เพียงแค่ปีแรกของเขากับการทำงานเท่านั้น โดยเฉพาะการเอาชนะเหนือทีมคู่ปรับอย่าง เบนฟิก้า ถึง 11 คะแนนในตารางลีก และมาเอาชนะ ไลเรีย อดีตทีมเก่าของ มูรินโญ่ ในบอลถ้วยนัดชิงชนะเลิศ ก่อนมาพบกับ กลาสโกว์ เซลติก ในนัดชิง ยูฟ่า คัพ ซึ่ง ปอร์โต้ กว่าเอาชนะได้ก็ต้องมาลุ้นถึงในการต่อเวลาพิเศษ และเอาชนะไปได้ 3-2 และทำให้ เดอะ สเปเชี่ยล วัน ได้แจ้งเกิดอย่างเต็มตัว



อันดับ 5

ลิเวอร์พูล (อังกฤษ1983/1984)
ตำแหน่งแชมป์: พรีเมียร์ลีก (ดิวิชั่น 1 เดิม), ลีก คัพ, ยูโรเปี้ยน คัพ
 


โจ ฟาแกน ต้องมาเจอกับงานหนักในการเข้ามารับหน้าที่แทน บ๊อบ เพสลี่ย์ ที่คว้าความสำเร็จทุกอย่างให้ทีมหงส์แดง เมื่อเขาก้าวลงจากเก้าอี้ในปี 1984 เนื่องจากเขาพาทีมหงส์แดงคว้า แชมป์ลีกถึง 3 สมัย แชมป์ ลีก คัพถึง 4 สมัย และแชมป์ ยูโรเปี้ยน คัพ อีกสมัย โดยเฉพาะการเอาชนะ โรม่า ในนัดชิงชนะเลิศถึงที่กรุงโรมด้วยการดวลลูกที่จุดโทษ โดยที่เป็นการแจ้งเกิดของ บรูซ กร็อบเบลาร์ หลังจากที่พวกเขาพลิกล็อคตกรอบ 4 ในศึก เอฟเอ คัพ โดยทีม ไบร์จตัน ที่มาจากในดิวิชั่น 2



อันดับ 4

อาแจ็กซ์ (ฮอลแลนด์ 1971/1972)
ตำแหน่งแชมป์: ฮอลแลนด์ พรีเมียร์ลีก, ดัตช์ คัพ, ยูโรเปี้ยน คัพ
 


โยฮัน ครัฟฟ์ พาทีมของเขาสร้างผลงานอันสุดยอด และเป็นการคว้าแชมป์ ยูโรเปี้ยน สมัยที่ 2 จาก 3 ครั้งติดต่อกันด้วยการเอาชนะ อินเตอร์ มิลาน ไป 2-0 โดยที่ ครัฟฟ์ ซัดคนเดียว 2 ประตู และยังพาทีมคว้าดับเบิ้ลแชมป์ในลีกอีก ก่อนที่ในฤดูกาลต่อมา อาแจ็กซ์ มาคว้าแชมป์ ลีก และแชมป์ ยูโรเปี้ยน คัพ อีกสมัย



อันดับ 3

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (อังกฤษ 1998/1999)
ตำแหน่งแชมป์: พรีเมียร์ลีก, เอฟเอ คัพ, แชมเปี้ยนส์ ลีก
 


เป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อย่างแท้จริง หลังจากที่คว้าทริปเปิ้ลแชมป์ด้วยการพลิกมาเอาชนะ บาเยิร์น มิวนิค ไปได้ 2-1 ในนัดชิงชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ ลีก ทั้งที่โดนนำไปก่อน จาก 2 ประตูในช่วงก่อนจะหมดเวลา และมันก็นับเป็นสัปดาห์อันเป็นประวัติศาสตร์ของสโมสรที่ได้สัมผัสแชมป์ถึง 3 รายการ โดยเริ่มต้นจากการกลับมาเอาชนะ ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ ในเกมนัดสุดท้ายของฤดูกาล และทำแต้มแซง อาร์เซน่อล คว้าแชมป์ลีก ขณะเดียวกันก็ยังฝากรอบแค้นให้ อาร์เซน่อล ในรอบรองชนะเลิศของ เอฟเอ คัพ ก่อนที่พวกเขาจะมาเอาชนะ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด แบบสบายเท้าในนัดชิงชนะเลิศ ก่อนจะสร้างประวัติศาสตร์ในการพบกับทีมเสือใต้เป็นการปิดท้าย



อันดับ 2

บาร์เซโลน่า (สเปน 2008/2009)
ตำแหน่งแชมป์: ลาลีกา, โกป้า เดล เรย์, แชมเปี้ยนส์ ลีก
 


เป็นยุคของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า อย่างแท้จริง และถูกนำไปเปรียบเทียบว่าเป็นสุดยอดทีมที่เก่งกาจที่สุดของยักษ์ใหญ่แห่ง คาตาลัน ทั้งที่พวกเขาเปิดฤดูกาลด้วยความพ่ายแพ้ แต่ผลงานถล่มเอาชนะ เรอัล มาดริด 6-2 ถึงที่สนาม ซานติอาโก้ เบร์นาเบว ทำให้ความมั่นใจในการคว้าแชมป์ตกมาอยู่กับพวกเขาในทันที ก่อนจะมาคว้าแชมป์ โกป้า เดล เรย์ ด้วยการเอาชนะ แอธเลติก บิลเบา สบายเท้า 4-1 และมาเบียดเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในนัดชิง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แต่ทีม เบลากราน่า ก็ยังไม่หยุดแค่นั้น พวกเขามาคว้าแชมป์ ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ คัพ, แชมป์ สแปนิช ซูเปอร์ คัพ และแชมป์สโมสรโลกของ ฟีฟ่า ได้อีกในเวลาต่อมาด้วย



อันดับ 1

กลาสโกว์ เซลติก (สก๊อตแลนด์ 1966/67)
ตำแหน่งแชมป์: สก๊อตติส ลีก, สก๊อตติส คัพ, สก๊อตติส ลีก คัพ, ยูโรเปี้ยน คัพ
 


นับเป็นทีมที่สุดยอดของ เดอะ ฮู้ปส์ ในปี 1966-67 ด้วยการเป็นปีที่ไม่มีสิ้นสุดของพวกเขาในการคว้าชัยชนะในทุกรายการที่ลงเล่น และเป็นสโมสรแรกจากเกาะอังกฤษที่คว้าแชมป์ ยูโรเปี้ยน คัพ ได้สำเร็จ
 

โดยที่ในลีกพวกเขาเฉือนเอาชนะ กลาสโกว์ เรนเจอร์ส คู่ปรับร่วมเมือง แต่ก็หลังมาจากพวกเขาคว้าชัยชนะใน ลีก คัพ เหนือ เรนเจอร์ส ในนัดชิง ก่อนจะมาเอาชนะ อเบอร์ดีน 2-0 ในศึก สก๊อตติส คัพ อีก และตามมาด้วยการเฉือนเอาชนะ อินเตอร์ มิลาน 2-1 จากในนัดชิง ยูโรเปี้ยน คัพ ที่มีขึ้นที่ ลิสบอน



เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์