10 สุดยอดสนามแข่งขัน ที่แฟนกีฬาไม่ควรพลาด....

หากมีคนถามคุณว่า สุดยอดสนามแข่งขันกีฬาคือที่ใด ? หลายท่านอาจนึกถึงภาพของสนามแข่งขันใน
ประเภทกีฬาที่พวกเขาชื่นชอบ อย่างแฟนเทนนิส คงใฝ่ฝันที่จะไปสูดกลิ่นหญ้าข้างสนามวิมเบิลดัน หรือ
ขอเปื้อนฝุ่นดินแดงที่โรลังด์ การ์ลอส สักครั้งหนึ่ง และแน่นอน แฟนกอล์ฟแทบทุกคนต้องมี สนามออกัสตา
เป็นหนึ่งสนามในดวงใจเพราะเป็นสนามหลักที่ใช้ในการแข่งขันรายการเดอะมาสเตอร์ ที่ร่ำลือกันว่าบัตร
เข้าชมกอล์ฟรายการนี้หาซื้อได้ยากมากที่สุด


นอกจากกีฬายอดฮิตของแฟนกีฬาทั่วโลกอย่าง ฟุตบอล, เทนนิส และกอล์ฟ แล้ว ยังมีสนามกีฬาอีกหลายแห่งของกีฬาแต่ละประเภท
ที่ถือว่าเป็นสุดยอดของสนาม ซึ่งถือเป็นความใฝ่ฝันของทั้งตัวนักกีฬา และกองเชียร์ ที่อยากจะสัมผัสบรรยากาศอันอบอวลไปด้วยกลิ่น
อายของการแข่งขันระดับโลก ส่วนจะมีสนามใดบ้างที่จะทำให้คุณนั่งไม่ติดกับเก้าอี้เพื่อลุ้นกับเกมการแข่งขัน บรรทัดต่อจากนี้ ได้รวบ
รวมเอาสนามแข่ง 10 แห่งจาก 10 ประเภทกีฬาเพื่อให้คุณเลือกว่าในสักครั้งหนึ่งในชีวิตนี้จะไปลุ้นชนิดติดขอบที่สนามแข่งใด



10. วิมเบิลดัน สุดยอดแกรนด์สแลมบนคอร์ตหญ้า

วิมเบิลดัน ถือเป็นรายการเทนนิสแกรนด์สแลมรายการเก่าแก่ที่สุดของประเทศอังกฤษ และเป็นสนามแข่งที่มีมนต์ขลังมากที่สุด ว่ากันว่านักเทนนิส
หลายคนยอมสละแกรนด์สแลมรายการอื่นเพื่อขอครองถ้วยแชมป์วิมเบิลดันสักครั้งในชีวิต มนต์เสน่ห์สำคัญของเทนนิสรายการนี้คือคอร์ตหญ้าใน
ออลอิงแลนด์ เทนนิส คลับซึ่งเป็นสนามที่ใช้ในการแข่งขันและยังคงสภาพดั้งเดิมเอาไว้ จากที่สร้างในครั้งแรก โดยได้รับการดูแล และปรับปรุงเป็นอย่าง
ดีจาก ลอนเทนนิสสมาคมอังกฤษ รวมถึงกฎระเบียบที่อนุญาตให้นักเทนนิสใส่ชุดแข่งสีขาวล้วนเท่านั้น และโลโก้ยี่ห้อเสื้อผ้าก็ห้ามมีขนาดใหญ่เกิน
4 ตารางนิ้ว จากการที่ วิมเบิลดันต้องเผชิญกับปัญหาสภาพอากาศที่มีฝนตกระหว่างการแข่งขันเป็นประจำทุกปี จนมีหลายฝ่ายออกเสียงให้มีการปรับ
ปรุงสนามวิมเบิลดันใหม่ ให้มีหลังคา จนในที่สุด นิสัยอนุรักษ์นิยมแบบอังกฤษที่เห็นว่า ถ้าไม่เปียกฝนจากวิมเบิลดัน ก็ถือว่ามาไม่ถึงการแข่งขัน
รายการสำคัญนี้ ฝ่ายจัดการแข่งขันก็ได้ไฟเขียว ให้มีการเริ่มโครงการสร้างหลังคาเลื่อนเปิด/ปิดได้ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว ณ เซ็นเตอร์คอร์ต
และจะเสร็จสิ้น พร้อมใช้งานในศึก “วิมเบิลดัน 2009” พร้อมความจุสนามซึ่งถูกขยายจาก 13,500 คน เป็น 15,000 คน


9.. คลุกฝุ่นแดงที่โรลังด์ การ์ลอส


















การแข่งขัน เฟรนช์ โอเพ่น หรือชื่ออย่างเป็นทางการที่ระบุในเอทีพีทัวร์ว่าโรลังด์ การ์ลอส อันเป็นชื่อสนามนั้น นับว่าเป็นแกรนด์สแลมที่พิเศษ
รายการหนึ่ง เพราะสนามการแข่งขันจะถูกจัดขึ้นบนคอร์ตดิน นับเป็นแกรนด์สแลม ที่ทำให้นักเทนนิสหลายคนต้องผจญกับอุปสรรคไม่น้อย

นอกจากนี้ โรลังด์ การ์ลอส ยังได้ชื่อว่าเป็นสนามปราบมือวางเพราะในอดีตที่ผ่านมาแชมป์แกรนด์สแลมที่ยิ่งใหญ่หลายคน ซึ่งเคยคว้าชัยชนะจาก
วิมเบิลดัน, ยูเอสโอเพ่น และออสเตรเลียน โอเพ่นได้หลายต่อหลายครั้ง แต่สำหรับ เฟรนช์ โอเพ่นแล้ว เขาและเธอหลายคนยังต้องยอมสิโรราบให้
เสน่ห์ของ โรลังด์ การ์ลอส จะแตกต่างจากคอร์ตหญ้าอย่างวิมเบิลดันโดยสิ้นเชิงเพราะในยามที่ฝนตก สนามดินจะทำให้นักเทนนิสถูกแต่งแต้มไปด้วย
ดินสีแดง แต่ถ้าวันไหนท้องฟ้าโปร่งอากาศแจ่มใส ดินสีแดงในคอร์ตก็จะกลายสภาพเป็นฝุ่นผงสีแดง สร้างอุปสรรคใหม่ให้นักเทนนิสเช่นเดียวกัน

หากวิมเบิลดันคือการได้นั่งชมเทนนิสผสมกลิ่นหญ้าแล้ว เฟรนช์ โอเพ่น คือการชมเทนนิสภายใต้เงาของหอไอเฟล พร้อมกับฝุ่นดินแดงที่จะติดตัว
ฝากเป็นที่ระลึกให้แก่ทั้งนักกีฬาและผู้ชม



8. ออกัสต้า ที่สุดแห่งสนามกอล์ฟระดับโลก

“โปรช้าง” ธงชัย ใจดี เคยกล่าวไว้ว่าความฝันสูงสุดของเขาคือการได้เข้าร่วมแข่งขันในรายการเดอะมาสเตอร์ ที่ออกัสตา ซึ่งหลายคนเชื่อว่าโปรไทย
คนนี้มีโอกาส อันที่จริงแล้วกอล์ฟรายการแกรนด์สแลม มีทั้งหมดสี่รายการ ประกอบไปด้วย เดอะ มาสเตอร์, ดิ โอเพ่น, ยูเอส โอเพ่น และ ยูเอสพีจีเอ
แล้วรายการใดเก่าแก่ที่สุด คำตอบคือดิ โอเพ่น แต่ถ้าถามว่ารายการที่คนสนใจใคร่ดูมากที่สุดคำตอบที่ได้คือ “เดอะมาสเตอร์ รายการที่แชมป์จะได้
รับแจ็กเกตเขียวมาสวมด้วยความภาคภูมิใจ แม้ว่ากอล์ฟรายการเดอะมาสเตอร์ ซึ่งแข่งกันที่สนาม ออกัสตา ซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองแอตแลนตา นั้นจะมีอายุ
ไม่มากเท่ากับ ดิ โอเพ่น ซึ่งเป็นแกรนด์สแลมรายการเก่าแก่ที่สุดของโลก แต่กอล์ฟรายการนี้มีมนต์เสน่ห์อยู่ที่สนามออกัสตา ซึ่งออกแบบโดย “บ็อบบี้ โจนส์”
นอกจากนี้กิตติศัพท์ความเข้มงวดในการรับสมาชิกของสนามออกัสตาเป็นที่ลือลั่นกันในวงการเพราะสนามแห่งนี้ปฏิเสธมาแล้วแม้แต่รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ

ปัจจุบันสมาชิกของสนามออกัสตามีอยู่ประมาณแค่ 300 คน ซึ่งนับว่าน้อยมาก ที่เป็นเช่นนี้เพราะคณะกรรมการสนามจะพิจารณาเลือกเชิญผู้ที่มีคุณ
สมบัติเหมาะสมเข้าเป็นสมาชิกเอง ไม่มีการเปิดรับสมัคร ส่วนบัตรที่ใช้ชมการแข่งขันรายการนี้ ไม่ได้มีจำหน่ายทั่วไป แต่ทางผู้จัดจะให้สิทธิ์เฉพาะ
ผู้ที่ลงชื่อจองไว้ล่วงหน้าเป็นปีเท่านั้น



7. ‘โรสโบลว์’ ความระทึกของศึกอเมริกันฟุตบอล

สนามที่ได้ชื่อว่ามีขนาดความจุของผู้เข้าชมกว่า 90,000 ที่นั่ง และผ่านการจัดการแข่งขันกีฬาอเมริกันฟุตบอลปี 1994 ปัจจุบันใช้แข่งอเมริกันฟุตบอล
นัดชิงชนะเลิศระดับมหาวิทยาลัยของสหรัฐอเมริกา อันเป็นก้าวแรกก่อนเดินทางไปสู่การแข่งขันลีกอเมริกันฟุตบอลอาชีพหรือที่รู้จักกันในชื่อ “NFL”

โรสโบลว์ อเมริกา สเตเดี้ยม คือชื่อเต็มของสนามดังกล่าว สนามแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในปี 1922 และรู้จักกันดีว่าเป็นสนามแข่งอเมริกันฟุตบอลในช่วง
ปีใหม่ สังเวียนแห่งนี้เคยใช้ทำศึกซูเปอร์โบลว์ของเอ็นเอฟแอล มาแล้วถึง 5 ครั้ง

นอกจากนี้ยังใช้เป็นสนามจัดการแข่งขันฟุตบอลในกีฬาโอลิมปิกปี 1984 และเป็นหนึ่งสนามแข่งขันฟุตบอลโลกปี 1994 จากนั้นในปี 2002 ถึงปัจจุบัน
สนามแห่งนี้ใช้เป็นสนามแข่งขันอเมริกันฟุตบอลรอบชิงชนะเลิศระดับมหาวิทยาลัยจนเรียกกันติดปากว่าโรสโบลว์ บรรยากาศของสนามแห่งนี้นอกจาก
เกมการแข่งขันอันดุเดือดของกีฬาคนชนคนแล้ว ความน่าสนใจของการแสดงในช่วงพักครึ่งรวมไปถึงร้านขายของที่ระลึกอันสุดแสนจะคึกคักรอบ
สเตเดี้ยม จะทำให้แฟนกีฬาที่ได้ไปเยือน ไม่ลืมความสนุกสนานแบบนี้ไปอีกนานเท่านาน



6. อาณาจักรผืนผ้าใบบนเวที ซีซาร์ พาเลซ ลาสเวกัส

นับตั้งแต่ปี 1980 โรงแรมซีซาร์ พาเลซ ได้ชื่อว่าเป็นสุดยอดของสถานที่ในการแข่งขันมวยสากลอาชีพของทุกสถาบันไม่ว่าจะเป็น WBA WBC
หรือแม้แต่ IBF โดยมีพิธีกรบนเวทีที่แฟนหมัดมวยคุ้นชื่อกันดีในนาม ไมเคิล บัฟเฟอร์ ซึ่งมีเอกลักษณ์ในการประกาศชื่อนักมวย ด้วยการลากเสียง
ยาวด้วยสำเนียงละตินเร้าใจ รวมทั้งโฆษกรุ่นหลังอย่าง จิมมี เลนนอน จูเนียร์ ด้วย

นอกจาก ซีซาร์ พาเลซ จะเปรียบเสมือนสนามอันศักดิ์สิทธิ์ ที่นักมวยสากลอาชีพใฝ่ฝันที่จะได้เหยียบสักครั้งแล้ว ณ ที่แห่งนี้ยังเปรียบเสมือนโรง
ละครโรงใหญ่ที่คลาคล่ำไปด้วยนักพนัน และอดีตนักมวยที่ชอกช้ำจากสังเวียน หากใครเคยได้ไปเยือนซีซาร์ พาเลซ ในช่วงทศวรรษที่ 70 จนถึง 80
คุณอาจจะพบกับ อดีตแชมป์โลกรุ่นเฮฟวี่เวต โจ หลุยส์ ที่ทำงานอยู่ในโรงแรมแห่งนี้ในฐานะพนักงานต้อนรับ ก่อนจะเสียชีวิตในปี 1981 โดยทาง
โรงแรมได้สร้างรูปปั้นของเขาไว้บริเวณด้านในโรงแรม

วันเวลากว่าสองทศวรรษ ซีซาร์ พาเลซ ยังคงครองสถานะเป็นเวทีอันศักดิ์สิทธิ์ของนักมวยทั่วโลก เพราะบนผืนผ้าใบแห่งนี้ได้สร้างแชมป์โลกและ
ผู้ปราชัยมาแล้วมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ชูการ์เรย์ เลียวนาร์ด, โธมัส เฮิร์นส์, ลาร์รี่ โฮล์ม, แกรี่ คูนี่ย์ รวมไปถึงอดีตแชมป์โลกชื่อดังอย่างไมค์ ไทสัน
สำหรับแฟนกีฬาหมัดมวยนั้นซีซาร์ พาเลซ ไม่ได้เป็นเพียงแค่เวทีมวยระดับโลก แต่เป็นเวทีแห่งชีวิต ที่สามารถสร้างให้คนคนหนึ่งพลิกชะตาของ
ตนเองได้เพียงชั่วข้ามคืน



5. โมนาโก กรังด์ปรีซ์ F1 บนถนนจริง

ในการแข่งขันรถสูตรหนึ่งรายการอื่นอีก 18 สนามที่เหลือนั้น นักขับทั้งหลายต้องลงสนามที่ถูกจัดสร้างเพื่อรถสูตรหนึ่งโดยเฉพาะ แต่สำหรับ โมนาโก
กรังด์ปรีซ์ แล้วทีมแข่งและนักแข่งต้องเผชิญสภาพสนามแข่งขันที่เป็นถนนจริงในเขตเมือง ความท้าทายเช่นนี้ทำให้นักขับรถสูตรหนึ่งทุกคนต้องการ
ลงแข่งขันในรายการนี้ และคว้าแชมป์มาครองให้ได้

สนามแข่งของโมนาโก กรังด์ปรีซ์ นั้นถูกจัดขึ้นที่เมืองมอนติ คาร์โลประเทศโมนาโก อันเป็นเมืองเล็กๆใกล้กับประเทศฝรั่งเศส ความสวยงามของมอนติ
คาร์โล ที่ถูกโอบล้อมไปด้วยทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทำให้สนามการแข่งขันนี้เรียกผู้ชมจากทั่วโลกได้นับหมื่นคน โดยส่วนใหญ่แล้วแฟนรถสูตรหนึ่งที่เข้าชม
การแข่งขันรายการนี้ จะได้ชมความสวยงามของเมืองมอนติ คาร์โล ไปด้วยในตัว เนื่องจากสนามแข่งที่ใช้ถนนจริงในเมือง ดังนั้นที่นั่งชมการแข่งขัน
จึงอยู่ริมขอบถนน ซึ่งหมายความว่า ผู้เข้าชมจะได้สัมผัสทั้งเสียงของสุดยอดเครื่องยนต์และกลิ่นยางที่บดลงกับพื้นถนน ชนิดติดแก้วหูและเยื่อจมูก
ไปนานแสนนานเลยทีเดียว



4. ครูซิเบิล เธียเตอร์ โต๊ะสักหลาดระดับโลก

หากถาม “ต๋อง ศิษย์ฉ่อย” ว่าที่สุดแห่งสนามการแข่งขันของนักสนุกเกอร์ อยู่ที่แห่งหนตำบลใด “ต๋อง” คงต้องตอบว่า ครูซิเบิล เธียเตอร์ เมืองเชฟฟิลด์
ประเทศอังกฤษอย่างแน่นอน

สำหรับครูซิเบิล เธียเตอร์ ตั้งอยู่ที่เลขที่ 55 ถนนนอร์ฟอล์ค เมืองเชฟฟิลด์ ประเทศอังกฤษ ใช้เป็นสนามสุดท้ายเพื่อชิงชัยถ้วยเวิลด์สนุกเกอร์ และใน
เดือนพฤษภาคมของทุกปีเมืองเชฟฟิลด์ จะคลาคล่ำไปด้วยนักสนุกเกอร์ชื่อดังจากทั่วทุกมุมโลก ภายในสนามจะมีอาคาร EMC (Embassy World
Championship Hospitality) สำหรับต้อนรับแฟนกีฬาที่ซื้อบัตรเข้าชมเป็นแพกเกจ อันประกอบไปด้วยบัตรเข้าชมในช่วงบ่ายและช่วงค่ำ รวมไปถึง
อาหารเย็นแบบอังกฤษพร้อมเสิร์ฟไวน์ทุกที่นั่ง นอกจากนี้ผู้ซื้อแพกเกจยังได้รับของที่ระลึกจากการแข่งขันรวมไปถึงบริการเครื่องดื่มฟรีในบาร์ แฟน
สนุกเกอร์ที่สนใจ สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่www.worldsnooker.com.

แต่ถึงแม้จะเป็นสนามที่ใช้ในการแข่งขันระดับโลก แต่ครูซิเบิ้ล เธียเตอร์ ก็มีความจุผู้เข้าชมได้ไม่มากนัก ที่สำคัญบัตรเข้าชมการแข่งขันต้องทำการ
จองล่วงหน้าโดยเฉพาะอย่างยิ่งในรอบชิงชนะเลิศ สำหรับแฟนสนุกเกอร์ชาวไทย หากได้มีโอกาสไปชมการแข่งขันสนุกเกอร์ที่ครูซิเบิล เธียเตอร์
แน่นอนว่านอกจากบรรยากาศในการแข่งขันของนักแทงระดับโลกแล้ว การได้สัมผัสนักสนุกเกอร์ในฝัน น่าจะเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่จะทำให้คุณต้องจดจำ
ไปอีกนานเท่านาน



3. สัมผัสสุดยอดเกม NBA ที่ สเตเปิล เซ็นเตอร์

อารีน่า ระดับเวิลด์คลาสของวงการกีฬา และความความบันเทิงที่ครบสรรพ คือคำจำกัดความของ “สเตเปิล เซ็นเตอร์” รวมไปถึง ลอสแองเจลิส คอน
เวนชั่น เซ็นเตอร์ ซึ่งถูกเนรมิตขึ้นในปี 1999 ด้วยงบประมาณ 375 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท) บนที่ตั้งเลขที่ 1111 เอส. ถนนฟิเกรัว
เมืองลอสแองเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย 90015 (1111S. Figueroa St., Los Angeles, CA 90015)

ด้วยความจุของสนามกีฬาในร่ม “สเตเปิล เซ็นเตอร์” 18,997 ที่นั่ง ทำให้มี 4 ทีมกีฬาชั้นนำในสหรัฐอเมริกา ใช้เป็นสนามเหย้าเพื่อทำการแข่งขัน
กีฬาชนิดนั้นๆ แต่ถ้าพูดถึงอารีนาแห่งนี้ หลายคนน่าจะคุ้นเคยกับ “ลอสแองเจลิส เลเกอร์ส” หรือ แอลเอ เลเกอร์ส ที่คุ้นหูคอยัดห่วง บาสเกตบอล NBA
ในประเทศไทย เลเกอร์ส ย้ายมาที่ สเตเปิล เซ็นเตอร์ ในฤดูกาล 1999/2000 และก็สามารถประเดิมสนามเหย้าแห่งใหม่ ด้วยการขึ้นไปเถลิงแชมป์ NBA
เป็นสมัยแรกในรอบ 12 ปี จากนั้นดูเหมือนว่าจักรวรรดิแห่งความสำเร็จของเลเกอร์ส ได้เริ่มขึ้นแล้ว โคบี้ ไบรอันท์ ผนึกกำลังกับ แชคคิว โอนีล ภายใต้
การคุมทัพของ “บิ๊กฟิล” ฟิล แจ๊คสัน นำแชมป์อีกสองสมัยติดต่อกัน มาสู่เมืองลอสแองเจลิส

นอกเหนือจาก เลเกอร์ส ทีมบาสเกตบอลใน NBA อย่าง ลอสแองเจลิส คลิปเปอร์ส ได้ใช้ สเตเปิล เซ็นเตอร์ เป็นสนามเหย้าของพวกเขาเช่นกัน
ซึ่งก็รวมไปถึง ลอสแองเจลิส สปาร์คส ทีมยัดห่วงหญิงในลีกอาชีพ WNBA, ลอสแองเจลิส คิงส์ ในลีกฮอกกี้น้ำแข็ง NHL และลอสแองเจลิส อเวนเจอร์ส
ทีมชนคน อเมริกัน ฟุตบอล ในอารีนา ลีก เท่ากับว่า ในแต่ละปีจะมีมหกรรมกีฬากว่า 200 เกม มาทำการแข่งขันกันที่ สเตเปิล เซ็นเตอร์ เลยทีเดียว



2. อัลลิอันซ์ อารีนา (เยอรมนี)

หลังจากตระเวนทัวร์หลายประเภทกีฬา คราวนี้ถึงคราว “ฟุตบอล” กีฬายอดฮิตของคนไทยและคนทั่วโลก สเตเดี้ยม ที่นับว่ากำลังอินเทรนด์ที่สุด
ในตอนนี้อยู่ที่ประเทศเยอรมนี นั่นก็คือ “อัลลิอันซ์ อารีน่า” สนามแห่งนี้ถูกออกแบบให้โดดเด่น สะดุดตา ด้วยการออกแบบตกแต่งภายนอกซึ่งห่อ
หุ้มบริเวณอัฒจันทร์ด้านนอกด้วยวัสดุเรืองแสง พอตกกลางคืนเปิดไฟแล้วจะสว่างไสวสวยงามแปลกตากว่าสนามอื่นใดในโลก

สังเวียนนี้ ตั้งอยู่ที่เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนีสร้างใหม่ไว้ต้อนรับศึกฟุตบอลโลกปี 2006 ที่เมืองเบียร์ได้เป็นเจ้าภาพโดยเฉพาะ

นอกจากนั้นยังใช้เป็นสนามเหย้าแห่งใหม่ของสโมสร “เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิค ทีมดังแห่งลีกบุนเดสลีกา รองรับผู้ชมได้ถึง 66,000 คน สิ้นงบประมาณ
ก่อสร้างไปทั้งหมด 280 ล้านยูโร (ประมาณ 14,000 ล้านบาท) ทั้งนี้สโมสร บาเยิร์น มิวนิก จะถือโอกาสประเดิมก่อนงานใหญ่ 1 ปี โดยจะใช้เป็นสนาม
เหย้าร่วมกับ 1860 มิวนิก ทีมร่วมเมือง งานนี้ บาเยิร์น มิวนิก ถึงกับยอมตัดใจอำลาจากโอลิมปิก สเตเดียม สนามที่พวกเขาใช้งานมานานถึง 33 ปี
โดยพิธีเปิดสนามอัลลิอันซ์ อารีนา ที่ผ่านมาปรากฏว่าทีม “เสือใต้” คว้าชัยเกมนัดพิเศษประเดิมสนามแห่งนี้ ด้วยการเอาชนะทีมชาติเยอรมนีได้ 4-2



1. นิว เวมบลีย์ (อังกฤษ)

สำหรับคนที่มีความสนใจด้านกีฬาอยู่พอควร เชื่อว่าคงไม่มีใครไม่รู้จักสนามเวมบลีย์แห่งเดิม ย่านชานกรุงลอนดอนประเทศอังกฤษ ซึ่งเคยใช้
เป็นสังเวียนแข้งนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลถ้วยที่เก่าแก่ที่สุดอย่าง เอฟ เอ คัพ และใช้จัดฟุตบอลโลกปี 1966 ซึ่งทีม “สิงโตคำราม” ครองแชมป์ได้ใน
บ้านด้วยการเอาชนะเยอรมันตะวันตกไป 4-2 ในนัดชิงชนะเลิศ

ต่อมาหลังจากถูกใช้งานจนหมดสภาพ สนามเวมบลีย์เดิมได้ถูกทุบทิ้งเมื่อปี 2000 และก่อสร้างสนามแห่งใหม่นี้ขึ้นมาแทนที่ โดยสนามแห่งนี้
ได้กลับมาเป็นสังเวียนนัดชิงชนะเลิศ เอฟ.เอ.คัพอีกครั้งในปี 2006 หลังจากที่สมาคมฟุตบอลอังกฤษต้องไปพึ่งพามิลเลนเนียม สเตเดียม ของ
เวลส์มาพักใหญ่ๆ นิว เวมบลีย์ แห่งนี้โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมเสาโค้งรูปครึ่งวงกลม ที่จะเป็นสัญลักษณ์ของสนามแห่งนี้แทนที่หอคอยคู่หรือ
ทวินส์ทาวเวอร์ อันเลื่องชื่อ

อังกฤษเองได้ใช้เงินลงทุนสร้างสนามแห่งนี้ไปทั้งสิ้น 220 ล้านปอนด์ (ประมาณ 19,600 ล้านบาท) เพื่อสร้างสนามที่มีความจุถึง 9 หมื่นคน และ
เปิดใช้งานครั้งแรกไปเมื่อปี 2006 โดยแมตช์ประเดิมก็คือนัดชิงชนะเลิศ เอฟ เอ คัพ ในวันที่ 13 พฤษภาคม ค.ศ. 2006



เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์