10 ดาราราคาแพงสุดของบุนเดสลีกา

src=http://www.siamsport.co.th/_ImagesColumn/110110F2U31860.jpg


 


หลังการย้ายจาก เฟาเอฟแอล โวล์ฟสบวร์ก อดีตแชมป์บุนเดสลีกา ไปอยู่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ของ เอดิน เซโก้ หัวหอกทีมชาติบอสเนีย-เฮอร์เซโกวินา ทำให้เขากลายเป็นเจ้าของสถิตินักเตะค่าตัวแพงที่สุดในประวัติศาสตร์ลูกหนังเยอรมันคนใหม่ทันที  



คาดว่าเรื่องค่าตัวที่สูงสุดตลอดกาลของนักเตะชาวบอสเนียน คงจะไม่สร้างความกดดันให้ดาวยิงวัย 24 ปีรายนี้เท่าไหร่นัก เพราะเขาเองก็มีความสามารถมากพอจะอยู่รอดในเมืองผู้ดี แถม เรือใบสีฟ้า มักซื้อแข้งราคาแพงมาเสริมทัพเป็นประจำ โดยสถิติที่พวกเขาเคยทำไว้คือ โรบินโญ่ กองหน้าทีมชาติบราซิล เจ้าของค่าตัว 43 ล้านยูโร (ราว 1,679.58 ล้านบาท) เมื่อปี 2008 แต่กลับเล่นไม่คุ้มเม็ดเงิน แถมตอนนี้ย้ายออกไปเรียบร้อยแล้ว 



เราจะมาเช็กกันดูสักหน่อยว่า 10 อันดับนักเตะราคาแพงสุดของบุนเดสลีกามีใครบ้าง และใครคุ้มค่าตัว หรือโลดแล่นในลีกเยอรมันได้นานเพียงใด

src=http://www.siamsport.co.th/_PicOther/O110110E0O9R.jpg
อันดับ 10: รอย มาคาย ตอนย้ายจาก เดปอร์ติโบ ลา กอรุนญ่า มาเข้าสังกัด เอฟเซ บาเยิร์น มิวนิค ด้วยค่าตัว 19.75 ล้านยูโร (ราว 771.43 ล้านบาท) เมื่อปี 2003
 



เจ้าของรางวัลรองเท้าทองคำปี 2003 ในฐานะดาวยิงสูงสุดในยุโรป ครองสถิติผู้ทำประตูที่ 3,000 ในบุนเดสลีกาของบาเยิร์น เมื่อ 21 สิงหาคม 2006 ยิงประตูเร็วสุดของศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วยเวลา 10.02 วินาที ตอน เสือใต้ เจอ เรอัล มาดริด เมื่อ 7 มีนาคม 2007 ตลอด 4 ปีใน อัลลิอันซ์ อารีน่า อดีตกองหน้าทีมชาติฮอลแลนด์ผู้นี้ ยิงในลีกเยอรมัน 78 ประตู และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 17 ประตู เขาแขวนสตั๊ดหลังจบฤดูกาล 2009-10 และปัจจุบันด้วยวัย 35 รับหน้าที่ผู้ช่วยโค้ชทีมชุดอายุต่ำกว่า 13 ปี ของ เฟเยนูร์ด ร็อตเตอร์ดัม สโมสรสุดท้ายในชีวิตค้าแข้ง

src=http://www.siamsport.co.th/_PicOther/O110110A1P9Q.jpg
อันดับ 8: คาร์ลอส เอดูอาร์โด้ ตอนย้ายจาก เทเอสเก 1899 ฮอฟเฟ่นไฮม์ ไปเข้าสังกัด เอฟซี รูบิน คาซาน ด้วยค่าตัว 20 ล้านยูโร (ราว 781.2 ล้านบาท) เมื่อปี 2010
 



29 สิงหาคม 2007 เอดูอาร์โด้ถูกฮอฟเฟ่นไฮม์ซื้อมาจาก เกรมิโอ ฟุตบอล ปอร์โต้ อเลเกรนเซ่ ด้วยค่าตัวสถิติสูงสุดในประวัติศาสตร์ลีกาสอง 8 ล้านยูโร (ราว 312.48 ล้านบาท) 3 ปีกับสโมสรเยอรมัน มิดฟิลด์ทีมชาติบราซิล วัย 23 ยิงในลีก 18 จ่ายอีก 16 ประตู จากทั้งหมด 80 เกม (ลีกาสอง ซัด 5 จ่าย 3 ลูก จาก 22 แมตช์ เพียงฤดูกาลเดียวก็พาต้นสังกัดเลื่อนชั้นสู่บุนเดสลีกาเป็นครั้งแรกได้สำเร็จ และเขากลายเป็นนักเตะที่ฮอฟเฟ่นไฮม์ขายได้ราคาแพงสุดในประวัติศาสตร์อีกเหมือนกัน เมื่อถูกปล่อยให้ รูบิน คาซาน อดีตแชมป์ลีกรัสเซีย ช่วงกลางปี 2010

src=http://www.siamsport.co.th/_PicOther/O110110H4U3K.jpg
อันดับ 8: เอเมอร์สัน ตอนย้ายจาก ไบเออร์ 04 เลเวอร์คูเซ่น ไปเข้าสังกัด อาแอส โรม่า ด้วยค่าตัว 20 ล้านยูโร (ราว 781.2 ล้านบาท) เมื่อปี 2000
 



มิดฟิลด์ชุดรองแชมป์ฟุตบอลโลก 1998 และแชมป์คอนเฟดเดอเรชั่นส์ คัพ 2005 เพราะติดทีมชาติ 73 ครั้ง ช่วงปี 1997-2006 โดยเลเวอร์คูเซ่นซื้อเขามาจาก เกรมิโอ ฟุตบอล ปอร์โต้ อเลเกรนเซ่ เมื่อปี 1997 ด้วยค่าตัว 3.1 ล้านยูโร (ราว 121.08 ล้านบาท) ตอบแทนด้วยการพา ห้างขายยา คว้าตำแหน่งรองแชมป์บุนเดสลีกา 2 หนซ้อน ช่วงปี 1999-2000 ยิง 11 จ่าย 13 ประตู จาก 82 แมตช์ หลังจากนั้นก็ย้ายไปอยู่ ยูเวนตุส, เรอัล มาดริด, เอซี มิลาน ก่อนมาแขวนสตั๊ดกับ ซานโต๊ส เอฟซี เมื่อปี 2009 ขณะอายุแค่ 33 หลังลงเตะไปเพียง 6 เกม

src=http://www.siamsport.co.th/_PicOther/O110110D0O4O.jpg
อันดับ 7: อาร์เยน ร็อบเบน ตอนย้ายจาก เรอัล มาดริด เซเอเฟ มาเข้าสังกัด เอฟเซ บาเยิร์น มิวนิค ด้วยค่าตัว 24 ล้านยูโร (ราว 937.44 ล้านบาท) เมื่อปี 2009




อดีตปีกทีมชาติฮอลแลนด์ ผู้เคยอยู่ เอฟเซ โกรนิงเก้น, เปเอสเฟ ไอนด์โฮเฟ่น, เชลซี เอฟซี และ เรอัล มาดริด ก่อนย้ายมา อัลลิอันซ์ อารีน่า เมื่อ 28 สิงหาคม 2009 เพื่อนร่วมงานกับ หลุยส์ ฟาน กัล โค้ชชาติเดียวกัน โดยสวมเสื้อหมายเลข 10 เหมือน รอย มาคาย นักเตะดัตช์อีกราย เพียงฤดูกาลเดียวก็คว้าดับเบิ้ลแชมป์ในเมืองเบียร์ แถมนำ เสือใต้ ครองตำแหน่งรองแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2010 ปีเดียวกับที่ อัศวินสีส้ม ได้รองแชมป์ฟุตบอลโลก รวมทั้งเป็นชาวฮอลแลนด์คนแรกที่ถูกเลือกให้คว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำปีของเยอรมัน

src=http://www.siamsport.co.th/_PicOther/O110110I7R1O.jpg


อันดับ 4: โอเว่น ฮาร์กรีฟส์ ตอนย้ายจาก เอฟเซ บาเยิร์น มิวนิค ไปเข้าสังกัด แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัว 25 ล้านยูโร (ราว 976.5 ล้านบาท) เมื่อปี 2007


เขาคือเด็กปั้นที่ เสือใต้ ไปดึงมาจาก คัลการี ฟุตฮิลล์ส ในแคนาดา ตั้งแต่อายุ 16 ผ่านการเตะลีกเยอรมัน 7 ปี 145 แมตช์ ยิงได้ 5 จ่าย 15 ประตู คว้าแชมป์ 10 รายการ (บุนเดสลีกา 4 - 2001, 2003, 2005, 2006 เดเอฟเบ โพคาล 3 - 2003, 2005, 2006 เดเอฟเบ ลีกา โพคาล 1 - 2004 ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 1 - 2000–01 แชมป์อินเตอร์คอนติเนนตัล คัพ 1 - 2001) ก่อนถูกขายให้ ปีศาจแดง แต่จนถึงตอนนี้เพิ่งลงเตะพรีเมียร์ลีกเพียงแค่ 27 เกม ทำได้ 2 ประตู แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นสมาชิกแชมป์พรีเมียร์ลีก และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาล 2007-08

src=http://www.siamsport.co.th/_PicOther/O110110C8N6R.jpg
อันดับ 4: ฟร้องค์ ริเบรี่ ตอนย้ายจาก โอลิมปิก มาร์กเซย มาเข้าสังกัด เอฟเซ บาเยิร์น มิวนิค ด้วยค่าตัว 25 ล้านยูโร (ราว 976.5 ล้านบาท) เมื่อปี 2007
 


ปีกซ้ายทีมชาติฝรั่งเศส ชุดรองแชมป์ฟุตบอลโลก 2006 วัย 27 ถูกซื้อมาหลังช่วยมาร์กเซยครองตำแหน่งรองแชมป์ลีก เอิง 2007 ทั้งๆสโมสรดังกล่าวได้ตัวแบบฟรีจาก กาลาตาซาราย อิสตันบูล 2 ปีก่อนหน้านั้น โดย 3 ปีในถิ่น อัลลิอันซ์ อารีน่า เขาคว้าดับเบิ้ลแชมป์ในเยอรมันปี 2008, 2010 แชมป์ เดเอฟเบ ลีกา โพคาล 2007 รวมถึงเป็นรองแชมป์ลีกปี 2009 กับรองแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ลงเตะบุนเดสลีกาไปแล้ว 83 แมตช์ ยิง 26 จ่าย 29 ประตู นอกจากนั้นปี 2008 คว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของเยอรมัน และติดทีมยอดเยี่ยมของยูฟ่าด้วยเช่นกัน

src=http://www.siamsport.co.th/_PicOther/O110110H6N9S.jpg
อันดับ 4: มาร์โช่ อโมโรโซ่ ตอนย้ายจาก อาชิ ปาร์ม่า มาเข้าสังกัด โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ด้วยค่าตัว 25 ล้านยูโร (ราว 976.5 ล้านบาท) เมื่อปี 2001
 



ปาร์ม่าซื้อมาจาก อูดิเนเซ่ 28 ล้านยูโร (ราว 1,093.68 ล้านบาท) เมื่อปี 1999 แม้ 2 ปีต่อมาค่าตัวลดลง 3 ล้านยูโร (ราว 117.18 ล้านบาท) แต่เขากลับมาช่วยดอร์ทมุนด์ซิวแชมป์เยอรมัน และรองแชมป์ ยูฟ่า คัพ 2002 โดยปีนั้นเขาครองตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดของบุนเดสลีกา ด้วยผลงาน 18 ลูก จาก 31 เกม รวมแล้ว 59 แมตช์ในลีกเมืองเบียร์ อดีตหัวหอกทีมชาติบราซิล ยิงได้ 28 จ่าย 10 ประตู แต่เขาโดน เสือเหลือง ยกเลิกสัญญาเมื่อเมษายนปี 2004 ก่อนย้ายแบบไร้ค่าตัวอีก 5 ครั้ง ก่อนแขวนสตั๊ดในปี 2009 ก่อนอายุ 35 ไม่กี่วัน

src=http://www.siamsport.co.th/_PicOther/O110110B9N5P.jpg
อันดับ 3: ดิเอโก้ ตอนย้ายจาก แวร์เดอร์ เบรเมน ไปเข้าสังกัด ยูเวนตุส ตูริน ด้วยค่าตัว 27 ล้านยูโร (ราว 1,054.62 ล้านบาท) เมื่อปี 2009
 



ถูกซื้อมาจาก เอฟซี ปอร์โต้ หลังคว้าแชมป์ลีกโปรตุเกส เมื่อปี 2006 ด้วยราคา 6 ล้านยูโร (ราว 234.36 ล้านบาท) เพียงแค่ 3 ปีต่อมาเขาทำกำไรให้เบรเมนอย่างมหาศาล นอกจากค่าตัวจะเพิ่มขึ้น 21 ล้านยูโร (ราว 820.26 ล้านบาท) ยังช่วยให้สโมสรคว้าแชมป์ เดเอฟเบ ลีกา โพคาล 2006 กับ เดเอฟเบ โพคาล 2009 รวมทั้งได้รองแชมป์ ยูโรป้า ลีก 2009 และรองแชมป์บุนเดสลีกา 2008 รวมทั้งยิง 38 จ่าย 32 ประตูในการเตะลีก 84 แมตช์ แต่เพียงปีเดียวที่อิตาลี เฟาเอฟแอล โวล์ฟสบวร์ก ก็สามารถซื้อกลับมาได้ด้วยราคา 15.5 ล้านยูโร (ราว 605.43 ล้านบาท)
 
src=http://www.siamsport.co.th/_PicOther/O110110H1U5N.jpg
อันดับ 2: มาริโอ โกเมซ ตอนย้ายจาก เฟาเอฟเบ สตุ๊ตการ์ท มาเข้าสังกัด เอฟเซ บาเยิร์น มิวนิค ด้วยค่าตัว 30 ล้านยูโร (ราว 1,171.8 ล้านบาท) เมื่อปี 2009
 



นี่คึอสถิติการซื้อแพงสุดสำหรับสโมสรบุนเดสลีกา ซึ่ง เสือใต้ ยอมจ่ายเพื่อตอบแทนสตุ๊ตการ์ทที่อุตส่าห์ปั้นดาวเตะวัย 25 มานาน 8 ปี ตั้งแต่ได้ฟรีจาก เอสเอสเฟา อูล์ม 1846 และความสามารถก็โดดเด่นถึงขั้นคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของเยอรมันเมื่อปี 2007 หลังช่วย ม้าขาว ซิวแชมป์บุนเดสลีกาฤดูกาล 2006-07 แถมช่วยให้ทีมชาติครองตำแหน่งรองแชมป์ยูโร 2008 พอมาอยู่มิวนิค เขายังช่วยต้นสังกัดคว้าดับเบิ้ลแชมป์ในประเทศตั้งแต่ฤดูกาลแรก แถมเข้าชิง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ถึงตอนนี้ซัดไปแล้ว 85 จ่ายอีก 27 ประตู จากการลงสนาม 165 นัด

src=http://www.siamsport.co.th/_PicOther/O110110E0M7Q.jpg
อันดับ 1: เอดิน เซโก้ ตอนย้ายจาก เฟาเอฟแอล โวล์ฟสบวร์ก ไปเข้าสังกัด แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ด้วยค่าตัว 35 ล้านยูโร (ราว 1,367.1 ล้านบาท) เมื่อปี 2011
 



หัวหอกวัย 24 ถูกซื้อมาจาก เอฟเค เทปลิเซ่ เมื่อปี 2007 ในราคาแค่ 4 ล้านยูโร (ราว 156.24 ล้านบาท) เพื่อมาเป็นเจ้าของสถิติบุนเดสลีกา ทั้งทำแฮ็ตทริกเร็วสุด (14 นาที) จากเกมชนะ เทเอสเก 1899 ฮอฟเฟ่นไฮม์ 4-0 เมื่อ 2 พฤษภาคม 2009 และคู่กองหน้าที่ทำประตูมากสุด 54 ประตู โดยเขายิง 26 ส่วน กราฟิเต้ ซัด 28 ลูก เมื่อฤดูกาล 2008-09 ช่วยให้โวล์ฟสบวร์กซิวแชมป์เยอรมันหนแรกในประวัติศาสตร์ด้วย หนึ่งปีต่อมายังครองตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดของลีก ด้วยผลงาน 22 ประตู รวมแล้วซัดในบุนเดสลีกา 65 ประตู จาก 111 แมตช์



เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์