♥ สรุปผล : แมนฯยูไนเต็ด v ลิเวอร์พูล ♥


แมนฯยูไนเต็ด v ลิเวอร์พูล


 


เวลา : 20.30 น.


สนาม :  โอลด์ แทรฟฟอร์ด


ผู้ตัดสิน :  โฮเวิร์ด เว็บบ์


 


รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม


แมนฯยู (4-4-2): คุสแซ็ค, เอวร่า, เฟอร์ดินานด์, ราฟาเอล, อีแวนส์, กิ๊กส์, คาร์ริค, นานี่, เฟล็ทเชอร์, เบอร์บาตอฟ, เอร์นานเดซ
ลิเวอร์พูล (4-2-3-1): เรน่า, แอ็กเกอร์, ออเรลิโอ, เคลลี่, สเคอร์เทล, ราอูล เมยเรเลส, เจอร์ราร์ด, มักซี่, ลูคัส, เค้าท์, ตอร์เรส


ครึ่งแรก



คัมแบ็ค ออฟ คิง เคนนี่ ดัลกลิช กลับมาคุมหงส์รอบสอง


ออกตัวสวย


 Goal! เพียงแค่นาทีแรกแฟนผีก็ได้เฮก่อนจากจังหวะที่ เบอร์บาตอฟ บังบอลในกรอบเขตโทษก่อนจะพาบอลเข้าพื้นที่อันตราย แอ็กเกอร์ เข้าไปแซะด้านหลัง ผู้ตัดสินไม่ลังเลเป่าให้เป็นจุดโทษ ไรอัน กิ๊กส์ รับหน้าที่สังหารซดด้วยซ้ายบอลพุ่งเรียดทางขวาผ่านมือ เรน่า เข้าประตูไปในนาทีที่ 1 



 นาทีที่ 8 ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ ได้รับใบเหลืองแรกของเกมจากการไปเข้าสกัด เดิร์ค เค้าท์ ช้า


นาทีที่ 15 แมนฯยูไนเต็ดได้ลุกเตะมุมทางซ้าย นานี่เปิดมาทางเสาแรกเจอร์ราร์ดโหม่งทิ้งออกข้าง


ช่วง 15 นาทีแรกหลังจากได้ประตูขึ้นนำ ปีศาจแดง เป็นฝ่ายครองเกมมากกว่า แต่ก็ไม่ผลีผลามบุก ขณะที่ ลิเวอร์พูล มีโอกาสบุกเป็นพักๆ แต่ก็ยังไม่สามารถเข้าไปถึงพื้นที่สุดท้ายของฝั่งตรงข้าม


 


หงส์เริ่มต่อเกมติด


หลังจากนั้นหงส์แดงก็ตั้งเกมได้ และพาบอลเข้าเขตอันตรายได้หลายครั้ง


นาทีที่ 16 ลิเวอร์พูลได้เตะคอร์เนอร์บ้างทางขวาแต่โดนเบอร์บาตอฟโหม่งทิ้งออกเขตอันตราย


นาทีที่ 18 คุสแซ็คต้องออกแรงเซฟเป็นครั้งแรก เมื่อมักซี่ได้โอกาสยิงโล่งๆ ตรงกรอบเขตโทษด้านขวาแต่ก็ชกออกไปได้


นาทีที่ 19 หงส์แดงเริ่มครองเกมมากขึ้น เจอร์ราร์ดจ่ายทะลุช่องให้กับเคลลี่ที่สอดขึ้นมาปาดเรียดเข้าเขตโทษ บอลยังไม่ทันถึงตอร์เรสมาโดนเฟอร์ดินานด์ดักไว้ได้เสียก่อน


 เกมเริ่มจะสูสีกันแต่ดันมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นในนาทีที่ 31 เมื่อ สตีเว่น เจอร์ราร์ด กัปตันทีมกระโดดขาคู่ใส่ ไมเคิ่ล คาร์ริค ที่กำลังสไลด์ตัวเข้าหาบอล โฮเวิร์ด เว็บบ์ ไม่ฟังอีร้าค่าอีรมชักใบแดงให้เจิดไปอาบน้ำก่อนเพื่อนทันที!



 


เจ้าถิ่นผ่อนคลาย


นาทีที่ 37 ถึงตอนนี้ผีเล่นแบบสบายตัว นานี่ปั๊มบอลมาถึงราฟาเอลคืนให้อาบังวิ่งทะลุเข้าเขตโทษยิงด้วยหัวเกือกเข้ามือเรน่า


เมื่อตัวน้อยกว่าแถมยังขึ้นบอลกันไม่ได้ ทั้ง เดิร์ค เค้าท์ และ มักซี่ เลยลองผ่าทางตันด้วยการยิงไกลดูแต่ก็ไม่ตรงกรอบ ในนาทีที่ 38 และ 40 ตามลำดับ 


นาทีที่ 43 ผู้ตัดสินจะทดเวลาบาดเจ็บ 3 นาที


นาทีที่ 44 ไรอัน กิ๊กส์ เตะมุมทางขวา บอลทะลักมาถึง ราอูล เมยเรเลส นานี่ ชิงเสียบเสียฟาวล์


นาทีที่ 45 + 7 ช่วงท้ายครึ่งแรก แมนฯยูฯ หวิดบวกลูกสองอีกจากลูกเตะมุมของ กิ๊กส์ และเป็น อีแวนส์ ที่ขึ้นโขกโล่งๆ ลูกหนังจูบเสาอย่างจัง! 


 


จบครึ่งแรก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นำ ลิเวอร์พูล 1-0


 



 


 


 


ครึ่งหลัง


เจ้าบ้านปูพรมบุก


เริ่มครึ่งหลัง เร้ด เดวิลส์ เป็นฝ่ายเขี่ยลูกเริ่มเล่น และ ไรอัน กิ๊กส์ ก็โชว์ลีลาปีกพ่อมดเลื้อยผ่าน ราอูล เมยเรเลส แถมหลอกนักเตะรุ่นหลานอย่าง มาร์ติน เคลลี่ ถึงสองตลบ ก่อนจะเปิดไปติด เคลลี่ ออกหลัง


นาทีที่ 47 เจ้าถิ่นหวิดบวกเม็ดสองได้ เมื่อ เบอร์บาตอฟ ดึงบอลลงก่อนถ่ายบอลให้ เฟล็ทเชอร์ ที่วิ่งขึ้นมาทางขวาบรรจงเปิดให้ ชิชาริโต้ ที่หนีการประกบของ สเคอร์เทล โหม่งถากเสาสองนิดเดียว!


นาทีที่ 49 แมนฯยูฯ บุกเป็นระลอกคราวนี้เจ้าถั่วน้อยโยนบอลเลย เบอร์บาตอฟ ไปเข้าหัว ออเรลิโอ บอลพุ่งเข้าหากรอบจน เรน่า ต้องผวาตะปบ!


นาทีที่ 55 ผ่านไป 10 นาทีปีศาจแดงเป็นฝ่ายบุกแบบวันเวย์ กิ๊กส์ ครอสบอลทางซ้าย เรน่า จะออกมาชกบอลไปปะทะกับ ชิชาริโต้ บอลตกมาเข้าเท้าของ เบอร์บาตอฟ หวดข้ามคาน!


  นาทีที่ 60 ดัลกลิช ขยับเปลี่ยนทีเดียว 2 คน ส่ง จอนโจ เชลวี่ย์ และ ไรอัน บาเบิ้ล ลงมาแทนราอูล เมยเรเลส กับ มักซี่


นาทีที่ 62 ป๋าเปลี่ยนตัวบ้างหวังฆ่าให้ตายโดยส่ง อันแดร์สัน ลงมาแทนเทพเฟล็ทช์


 


โอกาสเล็กๆ


   นาทีที่ 64 ลงมาไม่ทันไรก็น้องแอนก็โดนใบเหลืองทันทีจากการไปทำฟาวล์ตอร์เรส ออเรลิโอปั่นฟรีคิกด้วยซ้ายระยะ 30 หลาเสียหลักลื่นนิดหน่อย แต่ทางบอลยังดีปั่นโค้งเข้าหาสามเหลี่ยมบนขวา แต่ คุสแซ็ค โชว์ซูเปอร์เซฟปัดออกไปได้


 


โหมโรงอีกชุดใหญ่


นาทีที่ 68 หลังจากนั้นปีศาจแดงก็โหมอีกชุดใหญ่ กิ๊กส์ ตักบอลไปติดกองหลังลูกกลิ้งมาเข้าทาง เบอร์บาตอฟ ดีดไปติด เรน่า กิ๊กส์ เปิดเตะมุมบอลชุลมุนชุลเกอยู่หน้าประตู เรน่า โดดชกทิ้งออกมาเข้าทาง ราฟาเอล แบ็กบราซิลยิงเต็มข้อติดอีก บอลกระฉอกออกมา ราฟาเอล ส่องอีกรอบก็โดนปัดออกมา กิ๊กส์ เก็บบอลได้บอลไปถึง เอวร่า ตวัดยิงบอลย้อยกำลังจะมุดลงแต่ เรน่า ก็ปัดออกหลังไปได้อีก!


 นาทีที่ 74 เซอร์ อเล็กซ์ เปลี่ยนตัวคนที่สอง ถอด ชิชาริโต้ ออก ส่ง ไมเคิ่ล โอเว่น ลงมาแทนท่ามกลางเสียงด่าขรมของเหล่า เดอะ ค็อป


 นาทีที่ 76 คิง เคนนี่ ทิ้งไพ่ใบสุดท้ายส่ง ดาวิด เอ็นก๊อก ลงมาแทน เฟร์นานโด ตอร์เรส


นาทีที่ 79 พอ โอเว่น ลงมาไม่กี่นาทีก็แผลงฤทธิ์ คาร์ริค ตักบอลข้ามแผงหลัง โอเว่น เอาบอลลงได้ก่อนเตะบอลลอดขา สเคอร์เทล อ้อมตัวไปเอาบอลก่อนจะกึ่งยิงกึ่งผ่าน ยังดีที่ แอ็กเกอร์ จิ้มออกหลังได้ทัน


 นาทีที่ 83 ป๋าโคตรมั่น ส่งสำรองตัวสุดท้ายเป็น คริส สมอลลิ่ง มายืนหลังแทน จอนนี่ อีแวนส์ 


นาทีที่ 84 โอเว่น ดูจะมุ่งมั่นเป็นพิเศษกับการเจอทีมเก่า เขาลากบอลผ่าน เค้าท์ ทางกราบซ้ายเลี้ยงตัดเข้าใน ก่อนจะส่องไกล บอลพุ่งเรียดออกเส้นหลัง


นาทีที่ 88 เจ้าถิ่นได้เตะมุมทางซ้าย กิ๊กส์เจ้าเก่าเปิดทางเสาสอง เอวร่า ตีลังกายิงเฉี่ยวเสาสองออกไป


นาทีที่ 90 ทดเวลาบาดเจ็บ 3 นาที...


 


จบเกม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชนะ ลิเวอร์พูล 1-0



ที่มา : www.hotleague.com




เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์