ให้เกรียนดู !! เบนฟิก้าเคยเขี่ยแมนยูตกรอบยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มาแล้ว




 


สนาม เอสตาดิโอ ดา ลุซ, โปรตุเกส
ผู้ชมในสนาม 61,000 คน
รายการ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม ดี
เวลา 02.45 น. วันพฤหัสบดีที่ 8 ธันวาคม 2548
ผู้ตัดสิน ไครอส วาสซาราส (กรีซ)

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำผลงานในฟุตบอลยุโรปได้น่าผิดหวังเป็นอย่างยิ่ง และต้องตกรอบไปก่อนเวลาอันควรที่สนามเอสตาดิโอ ดา ลุซ ของเบนฟิก้า ในกรุงลิสบอน เมื่อวันพุธ

พอล สโคลส์ ทำประตูให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขึ้นนำไปก่อนตั้งแต่ต้นเกม แต่เบนฟิก้า ฮึดสู้จนกลับขึ้นมานำเป็น 2-1 ในช่วงพักครึ่ง และแม้ว่าปิศาจแดง จะพยายามทวงประตูคืนแต่ไม่สำเร็จ ทำให้แชมป์จากโปรตุเกสได้เข้ารอบต่อไปในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก พร้อมกับบียาร์เรียล จากสเปน

ที่แย่ไปกว่านั้น การพ่ายแพ้ในนัดนี้ยังทำให้การไปเล่นยูฟ่า คัพ ในฐานะทีมอันดับที่ 3 ของกลุ่มก็ไกลเกินเอื้อมสำหรับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังจากเบนฟิก้า เอาชนะพวกเขาได้ทำให้ขยับขึ้นไปเป็นอันดับที่ 2 แทนที่ลีลล์ ซึ่งตกลงมาอยู่อันดับที่ 3 ได้สิทธิ์ไปเล่นยูฟ่า คัพ ในขณะที่ปิศาจแดง ต้องรั้งท้ายของกลุ่มนี้

แฟนบอลเบนฟิก้า ตะโกนโห่ร้องยินดีลั่นสนามเมื่อจบเกม และมีการฉลองชัยต่อเนื่องไปตลอดคืนในกรุงลิสบอน หลังจากสโมสรชื่อดังจากโปรตุเกสหยุดสถิติการผ่านเข้ารอบน็อกเอาท์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 9 ปีติดต่อกันของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลงได้

เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เปลี่ยนแปลงทีม 2 ตำแหน่งจากชุดที่เอาชนะปอร์ทสมัธ เมื่อวันเสาร์ โดยแกรี่ เนวิลล์ กัปตันทีมคนใหม่ได้ลงเล่นแทนที่ของเวส บราวน์ ในตำแหน่งแบ็กขวา และคริสเตียโน่ โรนัลโด้ ลงเล่นแทนปาร์ค จีซุง ในตำแหน่งปีกขวา

โรนัลด์ คูมัน ผู้จัดการทีมเบนฟิก้า ต้องจัดทีมใหม่หลังจากขาดนักเตะตัวหลักหลายคน ซิเมา ซาโบรซ่า กัปตันทีม, ฟาบริซิโอ้ มิคโคลี่ กองหน้าชาวอิตาลี และจอร์จอส คารากูนิส อดีตนักเตะพานาติไนกอส ต้องพักจากการได้รับอาการบาดเจ็บทั้งหมด ทำให้คูมัน ต้องจัดแนวรุกใหม่ในเกมชี้ชะตานัดนี้

บรรยากาศในสนามเอสตาดิโอ ดา ลุซ ที่ทันสมัยแห่งใหม่เริ่มต้นอย่างเร้าใจทันทีตั้งแต่ต้นเกม โดยปิศาจแดง อยู่ในชุดทีมเยือนสีน้ำเงินล้วน

ถ้าเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน และทีมของเขาตั้งใจจะมาสร้างความได้เปรียบตั้งแต่ต้นเกม แผนของพวกเขาก็สำเร็จอย่างสมบูรณ์แบบ เพราะภายในเวลา 6 นาทีหลังเสียงนกหวีดเริ่มเกมดังขึ้น ปิศาจแดง ก็ทำประตูขึ้นนำได้แล้ว

ในช่วงเริ่มเกมทั้งคู่มีโอกาสไม่มากนัก แต่ในนาทีที่ 6 เมื่อเนวิลล์ เปิดบอลเข้าไปจากทางขวา พอล สโคลส์ ซึ่งทำประตูแรกของฤดูกาลนี้ได้ในนัดที่แล้วจัดการยิงบอลผ่านมือควิม ผู้รักษาประตูของเบนฟิก้า เข้าประตูไป แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขึ้นนำไปก่อน 1-0 แม้ว่ามันจะไม่ใช่ประตูที่สวยงามที่สโคลส์ทำให้กับทีม แต่มันก็ช่วยให้ปิศาจแดง เริ่มเกมด้วยความได้เปรียบ

กองเชียร์ตกตะลึงจนเงียบเสียงสนิท แต่มันก็ใช้เวลาไม่นานนักก่อนที่พวกเขาจะกลับมาส่งเสียงดังสนั่นอีกครั้งเมื่อเบนฟิก้า ทำประตูตีเสมอได้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ดูเหมือนจะทำได้ดีและมีกำลังใจหลังจากได้ประตูขึ้นนำไปก่อนอย่างรวดเร็ว แต่แล้วในนาทีที่ 17 เนลสัน กองหลังของเบนฟิก้า โยนบอลโค้งอย่างยอดเยี่ยมจากทางขวา บอลลอดขาจอห์น โอเชีย ผ่านคู่เซ็นเตอร์ฮาล์ฟของปิศาจแดง และเป็นจิโอวานนี่ กองหน้าชาวบราซิล ที่พุ่งตัวลงโหม่งเต็มหัวผ่านมือเอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ เข้าไปตุงตาข่าย เบนฟิก้า ตามตีเสมอเป็น 1-1 ได้แล้ว

เสียงเชียร์จากแฟนบอลเจ้าถิ่นดังกระหึ่มขึ้นทั่วสนามในทันที พวกเขาตีเสมอได้แล้ว และเชื่อว่าทีมของพวกเขาซึ่งเริ่มต้นเกมนัดนี้ด้วยการรั้งท้ายของกลุ่มจะสามารถพลิกสถานการณ์กลับมาเอาชนะ และผ่านเข้ารอบต่อไปได้

ประตูตีเสมอก่อให้เกิดความเข้มข้นมากขึ้นในเกมสำคัญนัดนี้ ซึ่งผู้ชนะจะได้ผ่านเข้าไปเล่นในรอบต่อไป ไม่ว่าผลของเกมอีกคู่หนึ่งของกลุ่ม ดี ระหว่างบียาร์เรียล กับลีลล์ จะจบลงอย่างไรก็ตาม

ประตูของจิโอวานนี่ เป็นเหมือนเข็มฉีดยาเพิ่มพลังให้กับแชมป์จากโปรตุเกส และพวกเขาก็เริ่มเปิดเกมรุกได้มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เบนฟิก้า ทำเกมได้ดีขึ้นเรื่อยๆ และในนาทีที่ 34 กองเชียร์ก็ได้ส่งเสียงดังสนั่นขึ้นไปอีก เมื่อพวกเขาทำประตูพลิกแซงขึ้นนำเป็น 2-1 ได้จากลูกยิงระยะไกล ชื่อผู้ทำประตูนี้เป็นของเบโต้ นักเตะชาวบราซิลอีกคนหนึ่งของเบนฟิก้า แต่มันจะไม่มีทางเข้าไปตุงตาข่ายได้ถ้าไม่ไปแฉลบตัวอลัน สมิธ ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เริ่มต้นเกมได้ดี โดยได้ประตูขึ้นนำไปอย่างรวดเร็ว และดูเหมือนจะสร้างอันตรายได้บ้างจนกระทั่งเบนฟิก้า มาได้ประตูตีเสมอ และพอมาถึงช่วงพักครึ่ง ปิศาจแดง ก็ต้องพบว่าพวกเขาตกเป็นฝ่ายตามหลังเสียแล้ว

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เริ่มต้นครึ่งหลังด้วยความคิดที่ว่าเกมนี้ยังไม่แพ้ พวกเขาเริ่มครองบอลได้มากขึ้น และเป็นผลให้เบนฟิก้า เน้นการลงไปตั้งรับในฝั่งของตัวเอง

ครึ่งหลังผ่านไป 13 นาที ปิศาจแดง น่าจะทำประตูตีเสมอได้จากการต่อเกมกันอย่างสวยงาม ซึ่งจบลงที่คริสเตียโน่ โรนัลโด้ อยู่ในตำแหน่งที่ดีเยี่ยม แต่กลับยิงบอลหลุดออกนอกกรอบไป การต่อบอลกันของสโคลส์ และฟาน นิสเตลรอย ทำให้บอลไปถึงโรนัลโด้ ทางฝั่งขวาของประตูเบนฟิก้า

ข่าวที่ว่าบียาร์เรียล ทำประตูขึ้นนำได้ที่สนามเอล มาดริกัล ถือเป็นข่าวดีสำหรับปิศาจแดง เพราะนั่นหมายความว่าผลเสมอในเกมนี้ก็เพียงพอต่อการเข้ารอบแล้ว

ความตึงเครียดเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องการประตูเดียวซึ่งจะทำให้พวกเขามีความหวังต่อไป ในขณะที่เบนฟิก้า พยายามตั้งรับอย่างเหนียวแน่นเพื่อรักษาสกอร์ที่นำอยู่เอาไว้ให้ได้

เจา เปไรร่า ลงมาเป็นตัวสำรองแทนนูโน่ แอสซิส ในนาทีที่ 73 และภายในเวลาเพียง 90 วินาที ก็ได้โอกาสงามที่จะทำประตูขึ้นนำห่าง มีเพียงฟาน เดอร์ ซาร์ เท่านั้นที่ขวางเขาไม่ให้ทำประตู แต่เขารีบยิงเกินไป ทำให้บอลพุ่งเข้าข้างตาข่าย

หลุยส์ ซาฮา, ปาร์ค จีซุง และคีแรน ริชาร์ดสัน เป็นตัวสำรองที่ถูกเปลี่ยนตัวลงมาในช่วงครึ่งหลัง เมื่อเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ค้นหาสูตรที่ลงตัวในการเจาะแผงกองหลังของสโมสรจากโปรตุเกส

เมื่อเกมดำเนินไปเรื่อยๆ เบนฟิก้า ก็เริ่มเล่นถ่วงเวลามากขึ้น ทั้งการใช้เวลานานในการตั้งเตะแต่ละครั้ง และการแกล้งทำเป็นได้รับอาการบาดเจ็บเป็นเวลานานหลายครั้ง ทำให้เกมต้องหยุดบ่อย สร้างความหงุดหงิดให้นักเตะของปิศาจแดง เป็นอย่างยิ่ง

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บุกขึ้นหน้าพยายามจะทำประตูสำคัญให้ได้ โดยมีเวย์น รูนี่ย์ ดาวยิงผู้ไม่เคยยอมแพ้เป็นผู้นำทัพ เข้าสู่ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ 5 นาที ปิศาจแดง ก็ยังหาจังหวะจบสกอร์เหมาะๆ ไม่ได้ จนในที่สุดผู้ตัดสินก็เป่านกหวีดหมดเวลาการแข่งขันไป เบนฟิก้า แซงกลับมาชนะ 2-1 หลังจากต้องตกเป็นฝ่ายตามหลังไปก่อนตั้งแต่ต้นเกม

เบนฟิก้า ขึ้นไปอยู่ในอันดับที่ 2 ของกลุ่มและได้ผ่านเข้าไปเล่นในรอบต่อไป ในขณะที่การพ่ายแพ้ในนัดนี้ทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่เพียงแค่ตกรอบยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เท่านั้น แต่ยังหมดสิทธิ์ลงเล่นในฟุตบอลยุโรปในฤดูกาลนี้ไปด้วย (บรรยายเกมโดย DaKinG)

รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
เบนฟิก้า
เจาควิม ควิม 12
เอดูอาร์โด้ อัลซิเดส 13
แอนเดอร์สัน เบรัลโด้ 3
เลโอ 5 ( น. 90)
ลุยเซา 4
เนลสัน 22
นูโน่ แอสซิส 15
จิลแบร์โต้ เบโต้ 16 ( น. 18)( น. 34)
มาซิโอ จิโอวานนี่ 11 ( น. 17)( น. 44)
อาร์มานโด้ เปอตีต์ 6
นูโน่ โกเมส 21

สำรอง
รุย เนรู 43
บรูโน่ อากีอาร์ 8
มานูเอล ซานโตส 18
เปโดร มานตอร์ราส 9 น. 81 มาซิโอ จิโอวานนี่ 11
เจา เปไรร่า 27 น. 73 นูโน่ แอสซิส 15
ริคาร์โด้ โรช่า 33 น. 90 เลโอ 5
เฮลิโอ้ โรเก้ 8

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ 19
ริโอ เฟอร์ดินานด์ 5 ( น. 90)
แกรี่ เนวิลล์ 2 ( น. 86)
จอห์น โอเชีย 22
มิเกล ซิลแวสตร์ 27
ไรอัน กิ๊กส์ 11
คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 7 ( น. 23)
พอล สโคลส์ 18 ( น. 6)
เวย์น รูนี่ย์ 8
อลัน สมิธ 14
รุด ฟาน นิสเตลรอย 10

สำรอง
ทิม โฮเวิร์ด 1
ฟิลลิป บาร์ดสลี่ย์ 26
เวส บราวน์ 6
ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ 24
ปาร์ค จีซุง 13 น. 67 คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 7
คีแรน ริชาร์ดสัน 23 น. 85 จอห์น โอเชีย 22
หลุยส์ ซาฮา 9 น. 61 ไรอัน กิ๊กส์ 11

สถิติของเกม
เบนฟิก้า ยิงประตู 2, ลูกยิงตรงกรอบ 4, ลูกยิงหลุดกรอบ 4, ลูกยิงโดนบล็อค 2, เตะมุม 1, ฟาวล์ 15, ถ่วงเวลา (นับไม่ถ้วน), ล้ำหน้า 1, ใบเหลือง 3, การครองบอล 39.2%

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยิงประตู 1, ลูกยิงตรงกรอบ 3, ลูกยิงหลุดกรอบ 3, ลูกยิงโดนบล็อค 2, เตะมุม 2, ฟาวล์ 19, ล้ำหน้า 3, ใบเหลือง 3, การครองบอล 60.8%

คะแนนความสามารถ
เบนฟิก้า เจาควิม ควิม 6, แอนเดอร์สัน เบรัลโด้ 7, เอดูอาร์โด้ อัลซฺเดส 7, ลุยเซา 9, เลโอ 7, นูโน่ แอสซิส 7, อาร์มานโด้ เปอตีต์ 7, จิลแบร์โต้ เบโต้ 8, เนลสัน 7, นูโน่ โกเมส 7, มาร์ซิโอ้ จิโอวานนี่ 8, เจา เปไรร่า (สำรอง) 6, ริคาร์โด้ โรช่า (สำรอง) 6, เปโดร มานตอร์ราส (สำรอง) 6

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ 7, แกรี่ เนวิลล์ 7, ริโอ เฟอร์ดินานด์ 5, มิเกล ซิลแวสตร์ 5, จอห์น โอเชีย 6, คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 6, พอล สโคลส์ 6, ไรอัน กิ๊กส์ 5, อลัน สมิธ 6, เวย์น รูนี่ย์ 6, รุด ฟาน นิสเตลรอย 5, คีแรน ริชาร์ดสัน (สำรอง) 6, หลุยส์ ซาฮา (สำรอง) 6, ปาร์ค จีซุง (สำรอง) 6

http://www.redarmyfc.com/rafc-409.html


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์